All Things Must Pass เป็นหนังสารคดีที่พูดถึงเรื่องราวของ Tower Records ร้านขายแผ่นเสียงที่ครั้งหนึ่งเคยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนมีหลายสาขาทั่วโลก แต่ปัจจุบันกลับมีเหลือเพียงไม่กี่สาขาในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้นหนังได้นำเสนอเรื่องราวของ Tower Records ผ่านการให้สัมภาษณ์ผู้คนที่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องและส่วนร่วมกับความสำเร็จของร้านแผ่นเสียงแห่งนี้ นับตั้งแต่ รัสต์ โซโลมอน ชายผู้เป็นผู้ก่อตั้งและเป็นเจ้าของ Tower Records และเหล่าพนักงานที่เคยทำงานในร้านตั้งแต่ยุคบุกเบิก นอกจากนี้ยังมี บรูซ สปริงส์ทีน และ เซอร์ เอลตัน จอห์น ที่เป็นตัวแทนของศิลปินและยังเป็นลูกค้าคนสำคัญของร้านมาร่วมให้สัมภาษณ์อีกด้วย หนังได้พาคนดูไปทำความรู้จักกับ Tower Records นับตั้งแต่เมื่อครั้งที่ร้านแผ่นเสียงเป็นเพียงแค่ร้านขายยาเล็ก ๆ ใต้โรงหนัง จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของการชื่นชอบสะสมแผ่นเสียงของเจ้าของร้าน จนทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการปรับเปลี่ยนร้านขายยาให้มาเป็นร้านแผ่นเสียงชื่อว่า Tower Records ซึ่งหลังจากที่เปิดร้านได้ไม่นานก็ได้มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนซื้อแผ่นเสียงกันจนเต็มร้านจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ Tower Records ก็ได้ขยายสาขาตัวเองภายในซานฟรานซิสโก จนหลังจากนั้นไม่นานร้านก็ได้รับความความนิยมเป็นอย่างมากจนร้านแห่งนี้ได้กลายเป็นอีกสิ่งที่สามารถดึงดูดผู้คนให้เข้ามาท่องเที่ยว และเหล่าคนที่รักในเสียงเพลงที่จะต้องมาอุดหนุนซื้อแผ่นเสียงที่ Tower Records ซักครั้ง จนทำให้ รัสต์ มองเห็นลู่ทางในการที่จะขยายสาขาให้ Tower Records มีสาขาไปทั่วโลก ในที่สุด Tower Records ก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกและยังสามารถทำรายได้ต่อปีเป็นเงินหลายล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ Tower Records ยังเป็นสัญลักษณ์สำคัญของผู้คนที่รักในเสียงดนตรี จนมีสโลแกนที่เป็นที่จดจำมาจนถึงทุกวันนี้ว่า “No Music No Life”หนังมีการดำเนินเรื่องได้น่าติดตาม ด้วยการเล่าเรื่องผ่านการให้สัมภาษณ์ตัดสลับกับภาพและฟุตเทจในอดีตในแต่ละยุคของ Tower Records หลังจากนั้นหนังก็ได้พาคนดูเข้าไปร่วมกันทำความรู้จัก และเข้าไปสัมผัสกับโลกที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้คนที่รักในเสียงเพลง ตั้งแต่ เจ้าของร้าน พนักงานขาย และเหล่าลูกค้าที่มาอุดหนุน ตลอดเรื่องราวคนดูจะสัมผัสถึงเรื่องราวของมิตรภาพของเหล่าพนักงานและทีมงานที่ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกันกับ Tower Records จนทุกคนที่ทำงานในที่แห่งนี้ล้วนมองว่านี่ไม่ใช่แค่ที่ทำงานทั่วๆไป แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันคือครอบครัว ที่ทุกคนมาได้เจอกันเพราะเสียงเพลง ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หนังสารคดีเรื่องนี้มีครบทุกอารมณ์ทั้ง สุข อบอุ่น เศร้า และเต็มไปด้วยกลิ่นไอของความคิดถึงแต่ก็อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดี ว่าสุดท้ายแล้ว Tower Records ก็ค่อย ๆ ถึงจุดตกต่ำจนต้องปิดตัวลงพร้อม ๆ กับการเข้ามาของ เพลง mp.3 ในยุคที่คอมพิวเตอร์และ อินเตอร์เนตเป็นสิ่งที่สามารถนำพาความทันสมัยมากมายเข้ามา วัฒนธรรมการฟังเพลงแบบใหม่ ๆ ที่คนไม่นิยมที่จะซื้อแผ่นเสียงหรือแผ่นลิขสิทธิ์ แต่กลับเลือกที่จะดาวน์โหลดเพลง แชร์เพลง mp.3 แบบฟรี ๆ มากกว่าด้วยเหตุนี้ทำให้ยอดขายกำไรของ Tower Records นิ่งสนิท หลังจากนั้นไม่นาน Tower Records ก็ต้องปิดตัวลง พร้อมกับตำนานที่ครั้งหนึ่งร้านนี้เคยเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเหล่าผู้คนที่รักในเสียงดนตรีจะได้มาพบเจอกันสุดท้ายแล้ว การปิดตัวลงของ Tower Records ทำให้ผมนึกถึงการปิดตัวของร้าน “พี่แว่น” ร้านวีดีโอเถื่อนย่านจตุจักรที่เคยรุ่งเรืองเมื่อ สิบกว่าปีที่แล้ว สาเหตุของกรปิดตัวของ Tower Records และ ร้าน “พี่แว่น” นั้นมีจุดจบที่แทบจะเหมือนกันคือทั้งสองร้านตั้งพ่ายแพ้ให้กับ เทคโนโลยี ที่ทำให้สิ่งที่ลูกค้าของร้านเปลี่ยนวัฒนธรรม ในการเสพสื่อในรูปแบบใหม่ ๆ และยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของช่องต่อระหว่างยุค อนาล็อกไปสู่ยุคดิจิตอล ก็ว่าได้ กระนั้นก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกับทั้ง Tower Records และ ร้าน “พี่แว่น” ก็ล้วนเป็นสัจธรรมที่อยู่คู่กับทุก ๆ สิ่ง ดังคำกล่าวที่ว่า “ทุกสิ่งไม่จีรัง”(All Thing Must Pass) ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.rottentomatoes.com/สามารถเข้าไปอ่านรีวิวหนัง และข่าวสารวงการหนังเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/IWatchmoviesalot/