กาหลหรทึกแล้ เสียงสังข์เรียมบฟังเลยฟัง ข่าวน้องฆ้องคึกบันดาลหวัง เสียงเสน่ห์เสน่ห์มารุมรึงข้อง ขุ่นข้องอารมณ์เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วได้ยินคำกลอนนี้ผ่านทางช่องรายการทีวีช่องหนึ่ง มีการเชิญชวนให้ผู้ชมทางบ้านขับสานคำกลอนเป็นท่วงทำนองและส่งไปทางช่องรายการ ซึ่งหากท่านใดถูกใจคณะกรรมการก็จะได้รับเลือกให้นำเสียงขับขานนั้นไปใส่ในละครที่กำลังดำเนินการถ่ายทำและออนแอร์ เรารู้สึกสนใจเนื่องด้วยที่ชื่นชอบพวกคำกลอนอยู่แล้ว จึงลองค้นหาดูว่าเป็นคำกลอนจากที่ไหนและจะไปอยู่ในละครเรื่องใด จากที่ค้นหาคือเป็นโคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัยและจะปรากฏในละครเรื่อง “กาหลมหรทึก” ซึ่งเป็นวรรณกรรมมาก่อนที่จะจัดเป็นละคร ด้วยความที่สงสัยว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร และจะเกี่ยวข้องกับโคลงกลอนอย่างไร จึงไปจัดการหาซื้อหนังสือ “กาหลมหรทึก” เขียนโดยคุณปราปต์มานั่งอ่านกันเลยวรรณกรรมเล่มนี้เป็นวรรณกรรมสืบสวนสอบสวนของไทยที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมนายอินทร์ อะวอร์ด เป็นเรื่องราวของการสืบหาคนร้ายที่ก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในยุคของช่วงสงครามโลก มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในช่วงสมัยนั้น เช่นการใช้ภาษาไทยที่ตัวอักษรบางตัวถูกเลิกใช้ การห้ามเคี้ยวหมากหรือบ้วนน้ำหมากในที่สาธารณะ เป็นต้น ซึ่งผู้เขียนถ่ายทอดผ่านทางตัวละครต่าง ๆ และจุดสำคัญอยู่ที่คดีฆาตรกรรมต่อเนื่องที่มีตัวอักษรประหลาดถูกสลักบนร่างกายของผู้ตาย 5 จุดคือ หน้าผาก ข้อมือทั้ง 2 ข้าง และข้อเท้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งคำเหล่านี้จะปรากฏออกมาเมื่อมีผู้ถูกฆ่าตาย 1 ศพ 5 คำ ไปเรื่อย ๆโดยที่ตัวเอกของเรื่องที่เป็นตำรวจจะต้องสืบหาให้ได้ว่าคำเหล่านี้หมายถึงอะไร เราชอบในการเรียบเรียงและใช้ภาษาได้สละสลวย บางคำเป็นคำที่ไม่ได้ดาษดื่นในนิยายทั่วไป หรือใส่ภาษาพูดลงไปซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้อ่านนึกภาพตามได้ง่าย จินตนาการไปกับเหตุการณ์ในเรื่องได้ ระหว่างการดำเนินเรื่องผู้เขียนจะปล่อยตัวละครที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตรกรรมออกมา บางตัวละครก็มีความสัมพันธ์โยงใยกัน รวมถึงผู้เขียนยังแฝงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงในสมัยนั้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการก่อกบฏ วิถีชีวิตของชาวบางกอก ทั้งอาหารการกิน การค้าขาย เปิดบ่อนหรือแม้กระทั่งซ่องโสเภณี ที่ตัวละครแต่ละตัวจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่กล่าวมาด้วยนอกจากนี้ผู้เขียนยังแทรกในเรื่องของสถานที่ที่สำคัญในสมัยนั้นและยังคงอยู่มาถึงปัจจุบันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่หลาย ๆ คนก็อาจเคยไปเยือน ดังเช่น วัดประยูรวงศาวาส วัดระฆังโฆสิตาราม วัดโพธิ์ย่านสำเพ็ง เยาวราช แพร่งนรา แพร่งภูธร แพร่งสรรพศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งสำหรับเราเองหลังจากอ่านเล่มนี้จบลงก็ได้ไปตามรอยสถานที่ต่าง ๆ ที่ปรากฏในเล่มมาเหมือนกันจุดสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่การนำโคลงกลอนมาผสมผสานกับการก่อคดีสยองขวัญ แต่ละศพมีคำ 5 คำที่แปลกตา “เหย้า เจ้า แพะ ทิ้ง พงส์” “หล้อง สิ ไห้ จับ เกิด” “สงค์ ผาก มา โจน รา” “เจ่า กิ่ง แล้ง แตก เกาะ” และ “ต่อ ขัง ลง พา โหน” แค่นี้ก็ยากแล้วสำหรับการไขคดีจากคำเหล่านี้ ยิ่งผู้ที่ไม่ได้ทำงานใกล้ชิดกับกาพย์ โคลง กลอนยิ่งแล้วใหญ่ จึงนำพามาซึ่งความน่าติดตามต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้น ตัวเอกของเราจะจับคนร้ายได้ไหมและด้วยวิธีใด เรานับถือและชื่นชมในคุณปราปต์ผู้เขียนมากที่สามารถแต่งเรื่องราวการสืบสวนออกมาได้ราบรื่นและหักมุมในหลาย ๆ ตอน โดยเฉพาะวิธีการฆาตรกรรมที่ไม่น่าเป็นไปได้ผู้เขียนก็สามารถทำให้เกิดขึ้นได้ วรรณกรรมไทย “กาหลมหรทึก” โดย “ปราปต์” เล่มนี้ นอกจากจะให้ความสนุกเพลิดเพลินกับเนื้อเรื่องแล้ว ยังทำให้เราได้รู้จักโคลงกลอนที่สมัยเรียนไม่เคยเห็นมาก่อนและมีอยู่จริงด้วยที่วัดโพธิ์ และทำให้ผู้อ่านหันมาสนใจในเรื่องที่มักจะถูกลืมทิ้งไป ดังเช่นเรื่องของศิลปวัฒนธรรม ศาสตร์และศิลป์ทางภาษา รวมถึงยังให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตที่ไม่ควรอยากได้ อยากมีในอำนาจจนกระทั่งทำร้ายเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน การดำเนินชีวิตอย่างมีสติ รู้คิด รู้ทำ และให้คิดว่าความผิดที่กระทำลงไปแล้วไม่สามารถลบล้างได้ มันจะยังคงติดอยู่ในใจของผู้กระทำไปตลอด ช่วงนี้ใครที่ว่าง ๆ แนะนำหนังสือดีเล่มนี้เลย อ่านจบแล้วก็ไปชมละครครบจบทุกตอนกันต่อ รับรองสนุกไม่แพ้กันเพราะนักแสดงถ่ายทอดออกมาได้ดีมากค่ะภาพถ่ายทั้งหมดจากหนังสือของผู้เขียนโดยผู้เขียน