มาถึงโจโจ้ ภาคที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิง หนึ่งเดียวในซีรี่ส์การ์ตูน โจโจ้แล้วในภาคที่ 6 มีชื่อภาคว่า Stone Ocean ศิลามหาสมุทร คนที่ไม่เคยอ่านโจโจ้ อาจเกิดคำถามเวลานี้ว่า มันมีทั้งหมดกี่ภาค บอกได้เลยว่า มี 8 ภาคในเวลานี้ โดยที่ภาค 8 นั้นยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้าสู่ช่วงไคลแม๊กซ์ ตอนท้ายเลย (มีแนวโน้มเขียนไปถึงภาค 9 ) คงมีโอกาสได้อ่านหรือดูเรื่องนี้กันไปอีกยาว ต้องบอกว่าเป็นหนึ่งในซีรี่ส์การ์ตูนที่ยาวที่สุดเรื่องหนึ่งเช่นกัน ( ติดทำเนียบความยาวนาน ) ในภาคนี้เรื่องราวเป็นของทายาทคนเดียวของ คูโจ โจทาโร่ ชื่อว่า คูโจ โจลีน โดยโจทาโร่ ที่เป็นพระเอกในภาคที่ 3 นั้นได้แต่งงานมีลูกกับหญิงชาวอเมริกัน และโจทาโร่เอง ยังเป็นนักวิจัยทางทะเลอีกด้วย คูโจ โจลีน ตกเป็นจำเลยในข้อหาขับรถชนคนตายโดยมีโทษจำคุก 15 ปี ทั้งที่ไม่ได้เป็นคนผิด คนผิดที่แท้จริงคือ แฟนหนุ่มของเธอนั่นเอง ตามเนื้อเรื่อง เมื่อลูกสาวติดคุก พ่อที่เป็นผู้ใช้สแตนด์ก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยและเพื่อให้ลูกสาวเอาตัวรอดได้ในเรือนจำกรีนดอลฟิน ก็จำเป็นจะต้องใช้พลังสแตนด์ในการเอาตัวรอดและกฎของผู้ใช้สแตนด์คือผู้ใช้สแตนด์จะดึงดูดผู้ใช้สแตนด์ด้วยกัน ในเรือนจำจึงเต็มไปด้วยผู้ใช้สแตนด์มากมายรออยู่ หากจะเล่าเนื้อหาการ์ตูนในภาคนี้คงจะยาว ในวันนี้จะขอหยิบยกประเด็นที่น่าสนใจที่ผู้เขียนได้ความคิดมาจากการอ่านการ์ตูน มาเล่าให้ฟังอีกเช่นเคย มาเริ่มกันด้วย 1. การต้องรับโทษ โดยที่ไม่ได้เป็นคนทำผิด หรือ เรียกได้ว่าเป็นแพะรับบาป เป็นสภาพที่น่าเห็นใจ และอึดอัดใจ อย่างหนัก ในกรณีของโจลีน นั่งรถไปกับแฟนแต่เวลาถูกจับต้องโทษเองคนเดียวและอีกคนพ้นผิด ในกรณีอย่างนี้วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดจนเป็นเหตุให้ถึงกับมีโทษคือ การที่เราระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มคน หรือ ใครก็ตามที่มีแนวโน้มของความเสี่ยงที่จะกระทำเรื่องผิด ๆ เช่น การไปรับของแทนเพื่อน เราก็เคยเห็นว่ามียาเสพติดอยู่ในกระเป๋าแล้วจับคนไปรับผิดมาเยอะ รวมไปถึงพวกที่ตีรันฟันแทง พอก่อคดีเสร็จก็เอาของกลางยัดใส่มือเพื่อนคนอื่นที่มาด้วยกัน เป็นอันว่าหาแพะได้สำเร็จ เป็นต้น ในกรณีเช่นนี้ การรู้กฎหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญด้วย ว่าควรจะทำอย่างไร เพื่อจะสำแดงความบริสุทธิ์ให้มากที่สุด รวมไปถึงอย่าเพิ่งไปตอบรับหรือเซ็นเอกสารใด ๆ ก่อนที่จะได้ปรึกษากับคนที่ไว้ใจได้หรือ รู้กฎหมายเสียก่อน เป็นต้น 2. เมื่อถูกจองจำ อิสรภาพเป็นสิ่งที่คนโหยหาสูงสุด คำตอบเดียวของคนที่ถูกขัง คือ ต้องการออกจากเรือนจำให้เร็วที่สุด มีประเภทที่เพี้ยนและไม่อยากออกจากเรือนจำเหมือนกันแต่น้อยมาก ส่วนใหญ่ต้องการอิสรภาพเร็วที่สุด ( ไม่งั้นจะมีการหนี แหกคุกทำไมกันล่ะ ) ดังนั้นเมื่อเรามีอิสรภาพ อย่างดีทุกวันนี้ก็ให้เราใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดและมีความสุขที่สุดน่าจะเป็นสิ่งที่ดี 3. ปรัชญา หรือ ศาสนา และคำตอบเมื่อชีวิตไปถึงจุดสุดท้าย เป็นบทเรียนที่ได้รับจากการ์ตูนภาคนี้ ด้วยมี ตัวละครที่เป็นบาทหลวง ชื่อ เอนริโก้ พุชชี่ เป็นตัวละครที่ แสดงให้เห็นว่าเขาแสวงหาคำตอบ ปลายทางของจุดจบชีวิต ต้องการคำตอบสุดท้ายเหมือนดังเช่นคำถาม ในเชิงปรัชญาศาสนาว่า เกิดมาเพื่ออะไร ตายแล้วไปไหน ชีวิตหลังความตายมีจริงไหม อะไรทำนองนั้น ภาคที่ 6 จึงแฝงไปด้วยความคิดที่ไม่ธรรมดา ผ่านทางตัวละครบาทหลวงพุชชี่ ( เป็นบอสใหญ่ของภาคด้วยนะ ) บางครั้งการอ่านการ์ตูนนอกจากความบันเทิงแล้วมันก็เป็นคำถามมาถึงตัวเองเช่นนะว่า ถ้าไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตแล้วจะเป็นไง มีอำนาจแล้วเป็นไง เก่งที่สุดแล้วเป็นไง สุดท้ายก็ต้องตายกันอยู่ดี อะไรประมาณนั้น ทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมมองจากผู้เขียนที่ได้รับจากการอ่านการ์ตูน โจโจ้ ภาคที่ 6 นอกจากการได้ติดตามลุ้นในการต่อสู้ของตัวละครต่าง ๆ การตื่นเต้นที่ได้เห็นความสามารถและไหวพริบของตัวละครในเรื่องแล้ว ก็ยังมีองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ อ.อารากิ ได้ใส่ไว้ในเรื่องอีกเยอะ เช่น ด้านกฎหมาย ด้านความเชื่อ ด้านศาสนา ด้านศีลธรรมและจิตใจมนุษย์ ต้องบอกว่ามาถึงภาคนี้ เนื้อหายังคงตื่นเต้นสนุกไม่แพ้ภาคอื่น ๆ เหมือนกัน หากคุณสนใจก็ลองหาอ่านดู เพราะอนิเมะ ยังไม่ผลิตออกมา มีแต่แผนการผลิตแต่ยังไม่มีกำหนดนั่นเอง แฟนโจโจ้ คงต้องรอติดตามกันต่อไป ภาพปกและภาพประกอบทุกภาพโดย Witoo