Short CommentMidnight คืนฆ่าไร้เสียง (2021)"อึดอัดคับแค้นเจียนคลั่ง ไม่ลุ้น...แต่ระทึกแทบกลั้นหายใจ"ความที่ปัจจุบันช่องทางการรับชมหนังและซีรีส์มีมากมายทำให้บางครั้งหนังบางเรื่องที่ออกมาน่าดูและอยากดูแต่แล้วก็คลาดแคล้วกันไป จนเมื่อเวลาผ่านไปการได้ดูอย่างอื่นเรื่อยๆก็ทำให้หลงลืมไปว่าเคยมีหนังที่อยากดูแต่ยังไม่ได้ดูเพราะจากที่รอดูจนนานเข้าก็ลืม ซึ่งดูไปบ่นไปมักเป็นเช่นนั้นเพราะชีวิตในทุกวันต้องดูหนังหรือละครซีรีส์ให้ได้ไม่งั้นก็อาจหงุดหงิดใจที่ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นกิจวัตร เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่ได้เข้ามาฉายในบ้านเราแต่ความที่หนังไม่ใช่แนวที่จะพาครอบครัวที่มีคนรักหนังตัวเล็กไปดูด้วยจึงคลาดแคล้วกันไป โดยที่จำได้ลางๆว่าเรื่องนี้มีการโปรโมทนักแสดงชายที่กำลังมาแรงในตอนนั้นจาก Squid Game (หรือไม่ก็ไม่แน่ใจ) คือวีฮาจุน จนกระทั่งหนังเข้า NETFLIX มาเมื่อไม่กี่วันก่อนผู้เขียนจึงนึกได้ว่าตอนนั้นที่หนังเข้าฉายนี่คือเรื่องที่หมายตาอันดับต้นๆ กับงานทริลเลอร์กระตุกขวัญที่มีไอเดียต่างไปและความต่างนั้นก็มาเล่นกับอารมณ์รวมถึงหัวใจคนดูได้อย่างชะงัด เมื่อคนจะซวยช่วยไม่ได้ คยองมี (จินกีจู) หญิงสาวผู้พิการทางการได้ยินและพูดไม่ได้ที่ชีวิตก็ไม่เลวร้ายอะไรเมื่อยังมีงานทำใช้ชีวิตปกติได้ แต่ก็มีบ้างที่ยังเห็นการปฏิบัติต่อเธอบางอย่างที่แปลกแยกแต่เธอก็มีวิธีจัดการในแบบของตัวเองอย่างชวนขันและคยองมีอยู่กับแม่ (กิลแฮยอน) เพียงสองคนที่แม่ก็เป็นเหมือนเธอคือบกพร่องทางการได้ยินและพูดไม่ได้ ชีวิตของคยองมีกับแม่ยังคงดำเนินไปตามปกติถ้าไม่ใช่ว่าในคืนหนึ่งที่เธอเลิกงานกลับบ้านพร้อมแม่แต่เธอดันไปเห็นอะไรบางอย่างนั่นคือการฆาตกรรมที่เกือบสำเร็จ แต่การที่เธอไปพบเข้าก็คือการช่วยเหยื่อให้รอดแต่นั่นคือการพาตัวเองมาเป็นเป้าสังหารของฆาตกรโรคจิต (วีฮาจุน) แม้เธอจะได้รับความช่วยเหลือจากตำรวจแต่เจ้าฆาตกรดันมีจริตที่สามารถลวงตาตำรวจได้ทำให้ตำรวจเผลอปล่อยคนร้ายไปและในคืนนี้มันต้องปิดปากที่ไร้เสียงของยองมีให้ได้ แล้วคยองมีจะเอาชีวิตรอดยังไงเมื่อเธอไม่สามารถสื่อสารขอความช่วยเหลือจากใครได้เพราะเธอพูดให้ใครเข้าใจไม่ได้เปิดหน้าตรงๆทำให้ไม่ต้องลุ้นเพราะนี่คืองานที่มาตามสูตร ธรรมชาติของสูตรหนังฆาตกรโรคจิตไล่ล่าเหยื่อที่ต้องเป็นผู้หญิงแบบนี้โดยเฉพาะของเกาหลีมักจะมีความซับซ้อนซ่อนเหลี่ยมให้สงสัยเพื่อจะพาไปสู่ความพลิกผันหักมุม แต่เรื่องนี้ที่เป็นงานเขียนบทและกำกับชิ้นแรกของควอนโอซองกลับเลือกเดินทางสาธารณะเมื่อเล่าเรื่องแบบเปิดหน้าท้าดวลกันไปไม่ซับซ้อนวุ่นวายไม่ต้องปิดซ่อนว่าฆาตกรเป็นใคร หนังเลือกเล่าเรื่องง่ายๆคือฆาตกรกับเหยื่อที่เป็นเกมแมวไล่จับหนูตามสถานการณ์ที่อาจมีบ้างที่มีอะไรไม่ค่อยฉลาดสำหรับฆาตกรแต่สำหรับเหยื่อพอเข้าใจได้ว่าเพราะมันคือนาทีชีวิต แต่สิ่งเหล่านั้นที่เป็นริ้วรอยในบทหนังกลับถูกพลังในการขับเคลื่อนที่แรงพอทำให้มองข้ามไปได้เพราะหนังเดินหน้าเร็วด้วยการใช้เวลาในค่ำคืนนั้นเคลียร์ทุกอย่าง แน่นอนเมื่อหนังยังเป็นสูตรและเปิดหน้าออกมาตรงๆแบบนี้สิ่งที่คนดูจะรู้ทันทีแบบไม่ต้องลุ้นคือเรื่องจะมีบทสรุปเช่นไรทำให้ตอนสุดท้ายแม้จะเหนือคาดเล็กๆไม่ถึงกับหักมุมอะไรแต่สะใจคนดูบีบอารมณ์บีบหัวใจด้วยความสงสารจนเต็มไปด้วยความอึดอัดคับแค้นเจียนคลั่ง เมื่อคนดูรู้แบบไม่ต้องลุ้นแล้วว่าหนังต้องลงเอยตามครรลองโจทย์ต่อมาแล้วจะเอาอะไรมามัดใจคนดู ซึ่งเรื่องนี้ต้องชมไอเดียที่อาจเป็นเรื่องง่ายๆแต่บางครั้งคิดไม่ถึงคือการมัดใจคนดูด้วยความสงสารเมื่อเหยื่อคือคนที่พูดไม่ได้สื่อสารขอความช่วยเหลือไม่ได้จะน้อยจะมากก็คือได้ใจคนดูไปแล้ว และเมื่อผู้พิการทางการพูดการสื่อสารแบบนี้กลายมาเป็นผู้ถูกกระทำคนดูจะรู้สึกเอาใจช่วยเต็มที่นั่นหมายความว่าไอเดียนี้สามารถดึงอารมณ์และหัวใจคนดูให้ผูกติดไปกับตัวละครที่เป็นคนไม่ปกติทางกายภาพแต่ปกติในความเป็นมนุษย์ กลับกันเมื่อเจ้าฆาตกรเป็นหนุ่มรูปงามที่ดูภายนอกเป็นคนดีแต่กลับมีความบกพร่องทางความเป็นมนุษย์ทำให้เมื่อสองขั้วมาประจันกันคือความสงสารและความน่ารังเกียจ และเมื่อฝ่ายหนึ่งไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้การสื่อสารด้วยภาษามือแค่ว่า "ช่วยด้วย" หรือจะอธิบายอะไรก็ไม่มีใครเข้าใจทำให้เรื่องนี้เดินไปด้วยความอึดอัดปนคับแค้นใจจนจวนเจียนคลั่งแม้ไม่ต้องลุ้นแต่ก็มีดีที่ความระทึกแทบกลั้นหายใจ เมื่อรู้จุดเริ่มต้นรู้จุดจบที่เหลือก็คือปล่อยให้สถานการณ์ที่ความสงสารมาจับใจคนดูพาไปและการที่หนังเดินหน้าฉับไวก็ทำให้เร้าใจในทุกนาที อย่างฉากในสถานีตำรวจที่เห็นชัดว่าตั้งใจมาให้เป็นภาพความต่างของการปฏิบัติต่อคนที่ดูดีดูปกติกับผู้พิการที่เป็นเรื่องของทัศนคติที่ก็มีทั้งเรื่องแต่ฉากนี้ชัด สถานการณ์ตอนนั้นตั้งใจมาเร้าให้ระทึกว่าตำรวจจะมีไหวพริบอะไรให้จับไต๋ฆาตกรได้หรือจะเป็นเหตุการณ์การตามล่าเหยื่อของฆาตกรที่ด้วยความที่เหยื่อไม่ได้ยินทำให้อึดอัดแทบกลั้นหายใจเมื่อภัยกำลังจะมาถึงตัวเธอ แต่เมื่อหนังเป็นหนังตามสูตรแบบนี้จึงมีฉากมากมายที่พอเห็นก็รู้ว่าเป็นอะไรเช่นที่ฆาตกรร้ายขึ้นมาอยู่ที่เบาะหลัง แต่สิ่งที่หายไปคืออารมณ์หลอนประมาณความตายค่อยๆคืบคลานมาหาแต่กลับใช้วิธีวิ่งหนีหน้าตั้งอันพามาซึ่งความเร้าใจไปอีกแบบ ส่วนการพาตัวเองไปอยู่ในที่ชุมชนนั้นเชื่อว่าทุกคนก็เป็นเพราะนาทีนั้นคงคิดว่าที่ที่คนเยอะๆคือที่ที่ปลอดภัยแต่กลับไม่ใช่กับคนที่พูดไม่ได้คนที่แค่จะพูดออกเสียงว่า "ช่วยด้วย" ยังทำไม่ได้การแสดงระดับสุดยอดที่พาความคับแค้นใจที่บอกไม่ได้มาจับหัวใจคนดู หนังมีดีที่ความอึดอัดอัดอั้นคับแค้นใจกับการเอาใจช่วยเต็มที่ของคนดูที่มาจากการบทที่ขีดเส้นแบ่งทางอารมณ์ขาวและดำชัดเจน เป็นเรื่องง่ายๆที่ถ้าสื่อสารให้เข้าถึงได้จะพาความเร้าใจสุดขั้วมาให้แต่ทุกอย่างต้องมาจากการแสดงที่ได้ด้วย กับเรื่องนี้อาจมีบ้างเรื่องมิติบางอย่างที่เหมือนฉลาดน้อยแต่นั่นมันคือเรื่องส่วนบุคลไม่ใช่ภาพรวม และการแสดงของสองนักแสดงนำที่มาเป็นตัวกำหนดอารมณ์คนดูคือสิ่งที่ต้องชื่นชมเพราะความอึดอัดอับจนอัดอั้นคับแค้นที่บอกอะไรกับใครไม่ได้ที่คนดูรู้สึกตามไปล้วนมาจากการแสดงของจินกีจูและควอนโอซองที่แสดงเป็นแม่ลูกกันอย่างเชื่อได้ และที่ต้องเชิดชูคือการสื่อสารออกมาด้วยความอึดอัดคับแค้นไร้ทางออกจนเทให้ทั้งใจ ส่วนวีฮาจุนคนดูก็เทใจให้แต่เป็นอีกขั้วเมื่อหน้าตาและบุคลิกของเขาได้ถูกแปรมาเป็นเรื่องของภายนอกและภายในได้อย่างสมบูรณ์เพราะคนดูเชื่อได้ว่านี่คือฆาตกรโรคจิตที่ซ่อนความโหดร้ายไว้หลังใบหน้าท่าทีที่น่ามอง เมื่อหัวใจคนดูแบ่งชัดที่เหลือก็คือความเร้าใจสุดขีดที่มาประเคนให้ตั้งแต่ต้นจนจบนี่คือหนังที่สนุกสุดๆ แม้ว่าถ้าจะคิดมากจริงๆหนังยังมีอะไรที่เป็นบาดแผลแต่ก็เป็นแผลถลอกไม่ใช่แผลใหญ่บาดลึก ซึ่งถ้าจะมองให้ลึกลงไปอีกรอยแผลเหล่านั้นมาจากมิติส่วนบุคคลที่พยายามชี้ชัดทางทัศนคติของคนที่ทะนงตนว่าเป็นคนปกติที่มีต่อผู้พิการและในที่นี้คือผู้พิการทางการได้ยินและการพูด และแม้จะพยายามปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างปกติแต่ส่วนลึกยังมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างในที่ไม่ควรมีและมันนำมาซึ่งการกระทำบางอย่างที่ดูไม่ฉลาดของตัวละครฆาตกรเองหรือบทสมทบเล็กๆอย่างตำรวจในสถานีหรือพี่ทหาร แล้วเมื่อลองคิดใคร่ครวญดูหลังดูจบหนังเรื่องนี้แฝงเรื่องนั้นไว้อย่างแยบยล จนอาจเห็นเป็นความไม่สมเหตุสมผลแต่เมื่อลองพินิจดูถ้าเป็นคนที่มีอคติหรือมีทัศนคติเหยียดผู้พิการก็อาจเป็นได้ที่จะทำไปแบบนั้นไม่เว้นแม้แต่คนดูบางคนหากมีทัศนคติแบบนั้น แต่ถ้าจะนับเป็นรอยแผลให้กับหนังก็ย่อมได้เพราะมันก็เป็นจุดให้เอะใจจริงๆแต่ตลอดเวลาที่ดูหนังเรื่องนี้ความอึดอัดกดดันอัดอั้นคับแค้นได้พาอารมณ์ร่วมและความเร้าใจใส่มาเต็มที่จนบทสรุปสุดท้ายที่สะใจเป็นบ้าดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก 1-2,ภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก cgv.co.kr ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้ความเห็นหลังชม Recalled : ระลึกหลอน (2021) ลุ้นระทึก พลิกผัน ชวนสงสัย ที่ "ซอเยจี" แบกเรื่องไว้สุดกำลังรีวิวหลังชม The Hypnosis : สั่งจิตสยอง (2021) "หลอน สยอง อึดอัด แต่ชวนติดตาม" ใหม่ทาง TrueID ที่เดียวรีวิวจัดเต็ม The Call : สายตรงต่ออดีต (2020) ระทึกลืมหายใจ ซับซ้อนแต่ดูง่าย ด้วยการแสดงชั้นยอดบทชั้นเยี่ยมเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!