ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า รักยุ่งของสาวโย่งชื่อภาษาอังกฤษ Tall Girlเป็นหนังรักสไตล์ป็อปปี้เลิฟ ในหนังเน้นไปทางให้ข้อคิด สื่อให้คนที่รับชมได้มีกำลังใจและรู้จักพอใจในไม่ตัวเอง ให้ลองมองไปที่ความสามารถของตนเอง เพราะบนโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง คนเราล้วนมีข้อบกพร่องที่ต่างกัน ผู้กำกับหนัง : เอนซิงกา สจ๊วร์ต นักแสดงนำโดย : เอวา มิเชลล์ รับบทเป็น โจดี้กริฟฟิน กลัค รับบทเป็น แจ๊คดาโค่แมน ซาบรีน่า คาร์เพนเตอร์ รับบทเป็น ฮาบเปอร์ เนื้อเรื่อง - หญิงสาววัย 16 "โจดี้" เธอสูงถึง 185 ซม. ความสูงทำให้เธอไม่มีความมั่นใจในตัวเองและถูกเพื่อน ๆ ล้ออยู่เสมอถูกเพื่อน ๆ ล้อว่า เป็นยัยตัวยักษ์ ขาตะเกียบ แต่ว่า แม้เธอจะถูกเพื่อนเกือบทั้งโรงเรียนดูถูกเธอก็ยังมีผู้ชายอยู่คนนึงที่ไม่เคยมองเธอเป็นตัวประหลาดเลย คือ "แจ๊คดาโค่แมน" เขาหลงไหลในตัวเธอมาก รู้จักเธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ เรียกได้ว่าแอบชอบโจดี้มานานมากแล้ว แต่เธอก็ไม่เคยสนใจเขา เพราะเธอไม่อยากออกเดทกับผู้ชายที่เตี้ยกว่าเธอและวันนึงเธอก็ได้แอบชอบหนุ่มสวีเดนนักเรียนแลกเปลี่ยนคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนใหม่ ตัวสูงพอ ๆ กับเธอ เขาหล่อและดูดี จนทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับรักสามเศร้า เมื่อผู้ชายที่เธอหลงรักมีแฟนอยู่แล้ว ความรู้สึกหลังดูจบ - ฉากของพระเอกน้อยไปนิดนึง เพ่งเล็งไปทางหนุ่มสวีเดนเกือบทั้งเรื่อง บางทีเราอยากเห็นมุมมองของพระเอกหรือ "แจ๊คดาโค่แมน" มากกว่านี้ มันยังไม่รู้สึกถึงความรู้สึกของทั้งสอง ว่าตอนจบทั้งคู่คือพระเอกนางเอก ตอนที่ดูอยู่ ก็แอบเดาว่า พระเอกคือหนุ่มสวีเดนผมยาวคนนั้นแน่ ๆ เลยเพราะมีแต่ฉากของเขากับโจดี้ แต่มาพลิกล็อกเอาตอนจบ เมื่อพระเอกคือ "แจ๊คดาโค่แมน" แต่หลังดูจบก็รู้สึกว่าถ้าให้เลือกใครเป็นพระเอก ก็คงเป็น แจ๊คดาโค่แมน นั่นแหละเพราะตัวหนุ่มสวีเดนตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาโกหกความรู้สึกตัวเอง โกหกโจดี้ จริง ๆ แล้วเขาแค่ต้องการเกาะใครสักคนที่สามารถทำให้ตัวเขาเองนั้นดู ฮอต เด่น ขึ้นมาได้ก็แค่นั้น ส่วนทาง แจ๊คดาโค่แมน อาจจะซื่อบื่อไปนิด แต่ไม่เคยโกหกนางเอกเลย รักยังไงก็รักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แถมยังคอยปกป้องอีก นี่คือความรักที่แท้จริง คนเราจงเลือกคนที่ทำให้เราเป็นตัวเองได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นตอนจบเรื่องนี้ แจ๊คดาโค่แมน สมควรแล้วที่ได้รับบทพระเอกเรื่องนี้ เพราะเขาเป็นสุภาพบุรุษมาก 😳ความประทับใจ - เป็นหนังที่ช่วยสร้างกำลังใจให้กับหลายคนที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองไม่ชอบตัวเอง และผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ไม่ค่อยชื่นชอบตัวเองเท่าไหร่นัก พอได้ลองดูเรื่องนี้ ก็รู้สึกมันทำให้เราแบบ มีแอนเนอร์จี้ขึ้น มองเห็นข้อดีของตัวเองมากขึ้น ไม่แอนตี้ตัวเอง เห็นคุณค่าในตัวเอง มองโลกในแง่ดีขึ้น ในเรื่องให้ข้อคิดหลายแง่มาก หนังเรื่องนี้สอนให้เรารักตัวเองมากขึ้น ชอบคำคมตอนจบมากเลย ที่ โจดี้พูดว่า เราทุกคนมีบางอย่างในตัวที่เราอยากเปลี่ยนแปลงแต่ถ้ามันเป็นสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ จะจัดการกับมันยังไง อยู่ที่เราจะหลบหนีมันหรือเผชิญมันอยากให้จงจำไว้ว่า ทุกคนมีเสน่ห์ในตัวเองเสมอนะ 💓คะแนนความชอบส่วนตัวเราให้ 9/10 ใครที่สนใจสามารถเข้าไปติดตามรับชมกันได้ที่แอปพลิเคชั่น Netflix หรือดูผ่านกล่อง True id TV ได้แล้วนะครับ เวลาในการรับชม 1 ชั่วโมง 42 นาที (มีภาคไทย) ขอบคุณรูปภาพหน้าปกและรูปภาพประกอบทั้งหมดจากค่าย Netflix official ด้วยนะครับ