Sunday Playlist: สุดยอดตำนานหนังล่าจารชน "Jason Bourne" ฉบับสมบูรณ์
ดูหนังออนไลน์ Jason Bourne ครบทุกภาค
ขอต้อนรับเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนในวันอาทิตย์ ที่น่าจะเป็นวันหยุดของใครหลายๆ Movie.TrueID จึงได้ขอนำเสนอเพลย์ลิสต์หนังที่น่าถูกใจกัน เอาไว้เป็นตัวเลือกในการมองหาความบันเทิงในการหย่อนใจตลอดทั้งวันหยุดนี้ โดยขอหยิบมานำเสนอกับหนังแอคชั่นทริลเลอร์เรื่องเยี่ยม ที่วางแผนซับซ้อนด้วยกลยุทธ์อย่างมีชั้นเชิง หนึ่งในหนังบู๊แฟรนไชส์อันทรงคุณค่าของฮอลลิวูด เรากำลังพูดถึง "หนังตระกูลบอร์น" (Jason Bourne Film Series) ที่เคยสร้างความเดือดระอุบนหน้าจอมาถึง 5 ภาค และประสบความสำเร็จทุกภาค
ในคลังหนังของ True.ID ของเรา ก็มีเพลย์ลิสต์หนังตระกูลบอร์นให้ทุกคนได้ดูครบจัดเต็มกันทุกภาคเช่นกัน นับว่าเป็นหนึ่งในหนังแอคชั่นที่สนุกครบรส มีทั้งฉากไล่ล่าสุดระทึก ประเด็นดราม่าของตัวละคร และความซับซ้อนเชิงกลยุทธ์ต่างๆ ของบรรดาสายลับ ถึงจะดัดแปลงมาจากนิยายชุด แต่ฉบับหนังใหญ่จะสมบูรณ์แบบและลงตัวไม่แพ้กันเลย เป็นหนังที่หยิบขึ้นมาดูครั้งไหนๆ ก็ยังสนุกและประทับใจไม่เบื่อเลยจริงๆ และยังเป็นหนังสร้างชื่อติดตัวของ "แมตต์ เดมอน" ด้วย วันนี้จึงนำเอาหนังชุดนี้มาเสิร์ฟให้ถึงที่ ก็ขอให้คุณดูหนังกันเพลิดเพลิน...ในวันหยุดสุดสัปดาห์เช่นนี้
The Bourne Identity ล่าจารชน ยอดคนอันตราย (2002)
ถือว่าเป็นที่ทำหน้าที่โหมโรงได้อย่างน่าประทับใจ เป็นการแนะนำตัวละครหลักๆ ของเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ นับว่าเป็นภาคแรกที่ยังมีอะไรขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง แต่โดยรวมก็ถือว่าสนุกเลยทีเดียว ผลงานจากผู้กำกับ "ดั๊ก ลีแมน" (จาก The Edge of Tomorrow) เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่ถูกช่วยชีวิตขึ้นมาจากทะเล โดยมีกระสุนฝังอยู่ที่แผ่นหลังและเลขบัญชีธนาคารอยู่ตรงสะโพก เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร ก่อนจะเริ่มออกสืบหาตัวตนของตัวเอง และเมื่อสืบเข้าไปลึกขึ้นเรื่องๆ เขาก็ได้พบกับความจริงที่น่าหวาดกลัวของตัวเอง หนังเรื่องทำเงินไปได้กว่า 200 ล้านเหรียญทั่วโลก เป็นการปลุกกระแสหนังแอคชั่นทริลเลอร์สายลับในยุคนั้นเลย
The Bourne Supremacy สุดยอดเกมล่าจารชน (2004)
เรื่องนี้ได้เปลี่ยนผู้กำกับมาเป็น "พอล กรีนกราส" ที่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของหนังล่าจารชนที่เดือดระอุในฉบับที่ใครก็เทียบไม่ได้ เป็นอีกหนึ่งหนังภาคต่อที่เต็มไปด้วยความลงตัวในทุกฉาก นับว่าเป็นการงานที่ถนัดมือและทำออกมาได้เจ๋งของผู้กำกับรายนี้จริงๆ และยกระดับให้หนังทำเงินทั่วโลกไปเกือบแตะ 300 ล้านเหรียญ โดยเล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วใน 2 ปีต่อมา เจสัน บอร์น คิดว่าเขาหนีรอดจากอดีตอันน่ากลัวของตัวเองได้แล้ว แต่เมื่อคนกลุ่มหนึ่งยังตามล่าเขาไม่เลิก บอร์นจึงต้องหนีอีกครั้ง และครั้งนี้เขาจะจัดการทุกคนที่ตามล่าเขา
The Bourne Ultimatum ปิดเกมล่าจารชน คนอันตราย (2007)
มาสู่ภาคที่ดูเหมือนจะทำหน้าที่ปิดฉากไตรภาคของหนังตระกูลบอร์นลง โดยยังคงได้ พอล กรีนกราส กลับมารับหน้าที่เป็นผู้กำกับอีกครั้ง พร้อมกับได้สานต่อเรื่องราวจากภาคก่อนออกมาได้อย่างเข้มข้น ด้วยนักแสดงดั้งเดิมและชุดใหม่ที่เสริมทัพมาทำให้หนังดูลงตัวมากยิ่งขึ้น เริ่มจากการความสูญเสียที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องก่อน เจสัน บอร์น ยังต้องการล้างแค้นกลุ่มที่ตามล่าเขา แต่ชื่อของเขาปรากฏขึ้นอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ ทำให้เขาต้องปลีกตัวหนีจากสังคมอีกครั้ง และในครั้งนี้ดูเหมือนว่ากลุ่มที่ตามล่าเขาคือกลุ่มคนที่ถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกับเขา หนังภาคนี้ถือว่าสำเร็จมากๆ เพราะทำเงินทั่วโลกไปเกือบ 450 ล้านเหรียญเลยทีเดียว
The Bourne Legacy พลิกแผนล่า ยอดจารชน (2012)
แม้ว่าจะเกิดขึ้นในจักรวาลเกี่ยวกับหนังบอร์น แต่ภาคนี้กลับไม่มี เจสัน บอร์น มาปราฏตัว ทำให้หนังเรื่องนี้ดูเป็นภาคแยกกรายๆ ในทำนองหนัง โดยได้ "เจเรมี เรนเนอร์" มารับบทนำแทน ในตัวละครที่ชื่อว่า "แอรอน ครอส" ที่มีชะตากรรมไม่ต่างกับบอร์น โดยหนังได้เล่าเรื่องที่เชื่อมโยงกันเมื่อ เจสัน บอร์น และโครงการลับได้ถูกเปิดเผยออกสู่สาธารณชน บรรดาผู้อยู่เบื้องหลังโครงการต่างตัดสินใจปิดโครงการที่เกี่ยวข้อง ทำให้ แอรอน ครอส หนึ่งในสายลับในโครงการต้องหนีเอาชีวิตรอดจากการถูกไล่ล่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้มี แมตต์ หรือ พอล เข้ามาเกี่ยวข้องใดๆ และแน่นนอว่าก็ทำเงินได้ด้อยกว่าที่ 276 ล้านเหรียญทั่วโลก จนเกือบจะได้ปิดฉากหนังตระกูลนี้ไปแล้ว
Jason Bourne เจสัน บอร์น ยอดจารชนคนอันตราย (2016)
แต่แล้ว...เขาก็กลับมาอีกครั้งในภาคใหม่ที่ดูเหมือนจะเป็นภาคต่อและภาคก่อนหน้าเรื่องราวเกิดขึ้นกับเหตุการณ์ดังกล่าว พอล กรีนกราส ได้กลับมาสานต่อเรื่องราวในครั้งนี้อีกครั้ง พร้อมกับเสริมทัพนักแสดงหน้าใหม่ๆ อย่าง "อาลีเซีย วิคันเดอร์" เข้ามาด้วย โดยเล่าถึงบอร์นที่ยังหลบซ่อนอยู่ไอซ์แลนด์ ขณะกำลังฟื้นฟูความทรงจำ และได้ทำปฏิบัติการกระตุกหนวดเสือด้วยการเขย่าองค์กร CIA ครั้งใหญ่ และเขาอาจจะทำลายองค์กรความมั่นคงนี้ลงได้ด้วยน้ำมือตัวเอง หนังถือว่ากลับมาได้อย่างสมศักดิ์ศรี เป็นอีกภาคที่ทำให้เงินทะลุ 400 ล้านเหรียญอย่างสวยงาม และก็ยังปูทางเอาไว้เผื่อภาคต่อ แม้ว่าตอนนี้ผ่านมา 4 ปีแล้ว ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะได้ทำหนังเรื่องนี้ต่อไปอีกชัดเจนนัก
----------------------------------------------------