รีเซต

"Fast X" ส่อแววไม่น่าแบ่งย่อยได้ 3 ภาคแบบที่คุยโว หลังรายได้ในบ้านยังน้อยน่าตกใจ

"Fast X" ส่อแววไม่น่าแบ่งย่อยได้ 3 ภาคแบบที่คุยโว หลังรายได้ในบ้านยังน้อยน่าตกใจ
แบไต๋
7 มิถุนายน 2566 ( 18:30 )
10.3K

ในช่วงเดินสายโปรโมต Fast X วิน ดีเซล (Vin Diesel) ในฐานะนักแสดงและผู้อำนวยการสร้างได้เปรยกับนักข่าวไว้ว่า Fast X มหากาพย์ปิดตำนาน Fast อาจจะถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 ภาค จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าเป็น 2 ภาค แต่หลังจากที่หนังเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว รายได้ในประเทศกลับไม่เปรี้ยงปร้างตามคาด

พลังดาราที่อัดแน่น ไม่สามารถช่วยรายได้ของหนัง

แต่ก็ยังดีที่รายได้ในต่างประเทศไปได้ดี ขณะนี้ทำไปได้ 530 ล้านเหรียญแล้ว ในขณะที่ตัวเลขบ็อกซ์ออฟฟิศในสหรัฐฯ นั้นทำไปได้แค่เพียง 129 ล้านเหรียญ นับว่าเป็นตัวเลขที่น้อยจนน่าใจหาย เมื่อเทียบกับทุนสร้างและงบประมาณโฆษณาที่ยูนิเวอร์แซลควักกระเป๋าออกไป ไม่เพียงแค่นั้น รายได้ในสัปดาห์ที่ 2 ของ Fast X ยังลดลงในระดับที่ฮวบฮาบถึง 67% จากสัปดาห์แรก ซึ่งคาดการณ์ได้เลยว่าตัวเลขรายได้ในประเทศไม่น่าจะแซง F9 ภาคก่อนหน้าที่ทำรายได้ในประเทศไป 173 ล้านเหรียญ และรายได้รวมที่ 723 ล้านเหรียญ ทั้ง ๆ ที่ F9 เข้าฉายในท่ามกลางสภาวการณ์ที่แย่กว่าด้วยซ้ำ เพราะเป็นช่วงปลายของสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และโรงภาพยนตร์ยังไม่ได้เปิดให้บริการทั่วสหรัฐฯ

ด้วยตัวเลขรายได้ 129 ล้านเหรียญในสหรัฐฯ ของ Fast X นั้น ถือว่าเป็นรายได้ลำดับที่ 3 จากท้ายตาราง มากกว่าแค่ 2 ภาคคือ 2 Fast 2 Furious (2003) – 127 ล้านเหรียญ และ The Fast and the Furious: Tokyo Drift (2006) – 62 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็น 2 ภาคที่ไม่มี วิน ดีเซล มารับบทนำ

รายได้ของ Fast X ในสหรัฐฯ

จากนี้ไปสิ่งที่ยูนิเวอร์แซลพอจะคาดหวังได้ก็คือรายได้ก๊อกสอง จากการวางจำหน่ายในรูปแบบดีวีดีและช่องทางสตรีมมิง แต่สิ่งที่ Fast X ได้ฝากไว้ให้กับทางสตูดิโอก็เรื่องเตือนใจเมื่อยูนิเวอร์แซลจะควักทุนสร้างครั้งต่อไปให้กับ Fast 11 หรือ Fast 12 (ถ้ามี) ว่าวันนี้แฟรนไชส์ Fast ไม่ได้ทำหน้าที่แม่เหล็กที่แข็งแกร่งที่สามารถสร้างกระแสคลั่งไคล้ในหมู่ผู้ชมได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว

สิ่งที่แฟรนไชส์ Fast กำลังประสบอยู่ก็เป็นปัญหาเดียวกันกับจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล ที่มักจะทำรายได้ดีในสุดสัปดาห์แรกเท่านั้น และจะตกลงอย่างฮวบฮาบในสัปดาห์ที่ 2 กรณีของ fast X เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า แม้หนังจะอัดแน่นไปด้วยนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดมากหน้าหลายตา แถมด้วยฉากแอ็กชันที่เวอร์วัง แล้วยังมีตอนจบที่สุดระทึกใจแล้วทิ้งค้างชะตากรรมของบรรดาตัวละครชวนให้ติดตามความเป็นไปในภาคต่อไป แต่ปัญหาใหญ่ของแฟรนไชส์ Fast ก็คือ นี่คือหนังภาคที่ 10 ของแฟรนไชส์แล้ว หนังได้มอบทุกอย่างให้กับผู้ชมแล้ว ไม่เหลืออะไรแปลกใหม่หวือหวาให้คนดูคาดหวังอีกต่อไป แต่สิ่งที่ผู้ชมพูดถึงมากที่สุดในภาคนี้ก็คือการปรากฎตัวของ เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) ที่ฝากการแสดงไว้อย่างน่าจดจำ แต่พลังของโมโมอาก็ไม่เพียงพอที่จะลากหนังไปแตะตัวเลข 1,000 ล้านเหรียญได้

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราก็ต้องได้ดู Fast 11 กันอย่างแน่นอน แต่ก้าวต่อไปจากนี้เป็นก้าวที่ยากขึ้นและเป็นก้าวที่ต้องระมัดระวังอย่างมาก เชื่อแน่ว่าทางผู้บริหารสตูดิโอจะต้องโดดมาคุมเข้มในกระบวนการสร้างอย่างใกล้ชิด และ Fast X ก็ส่อแววให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าหนังจะปิดฉากด้วย Fast 11 หรือ Fast 12 แต่ก็ไม่ได้เป็นการปิดฉากที่สง่างามเสียแล้ว

ที่มา : movieweb