หลังจากปิดฉากไตรภาคการผจญภัยของครอบครัวนักสู้พิทักษ์จักรวาล Guardians of the Galaxy แห่งจักรวาล MCU ไปอย่างยิ่งใหญ่ ผู้กำกับมากวิสัยทัศน์ James Gunn จึงขอโบกมือลาแฟรนไชส์อันเป็นที่รัก เพื่อเข้าร่วมจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่บ้านใหม่ที่ดัดแปลงมาจากตัวละครในค่ายคอมมิคชื่อดังอย่าง DC Comics ภายใต้ชายคาหลังใหม่ DC Studios สตูดิโอหน้าใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยแนวคิดสุดสร้างสรรค์ ร่วมกับคู่หูโปรดิวเซอร์ Peter Safran ทั้งสองได้ร่วมกันวางรากฐานปฐมบทการเดินทางครั้งใหม่แห่งจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ยุคใหม่ในชื่อ DC Universe (DCU) ซึ่งจะเริ่มต้นอย่างยิ่งใหญ่ด้วยภาพยนตร์เปิดจักรวาลเรื่องแรกกับการหยิบนำตัวละครซูเปอร์ฮีโร่อันเป็นที่รักและโด่งดังตลอดกาล ผู้เป็นตัวแทนของแสงสว่างและความหวัง ที่จะนำพาผู้ชมออกโบยบินสู่จักรวาลใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุดกับ Superman ซูเปอร์แมน รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! https://pbs.twimg.com/media/Gt7aZtHWAAAqF9F?format=jpg&name=large Superman ซูเปอร์แมน ภาพยนตร์เรื่องแรกจากสตูดิโอน้องใหม่ผู้เปี่ยมวิสัยทัศน์ DC Studios ที่ขอนำพาคุณผู้ชมเข้าสู่จักรวาลซูเปอร์ฮีโร่รูปโฉมใหม่ DC Universe (DCU) ใน "บทที่ 1: เทพเจ้าและปีศาจ" (Chapter One: Gods and Monsters) อย่างเป็นทางการ พบกับเรื่องราวของ Clark Kent/Superman (David Corenswet) ซูเปอร์ฮีโร่วัยหนุ่ม ผู้กำลังพยายามหาจุดสมดุลระหว่างสองโลก เมื่อทั้งสายเลือดชาว Krypton บ้านเกิดของเขา และความเป็นมนุษย์คนธรรมดาจาก Smallville กำลังถูกทดสอบ นี่คือการเดินทางเพื่อสำรวจความเป็นมนุษย์ที่แท้จริงผ่านสายตาของฮีโร่ผู้ทรงพลังที่สุดในโลก พร้อมกับสิ่งที่ทำให้เขากลายเป็นตัวแทนของ "แสงแห่งความหวัง" แด่คนทั้งโลก ซูเปอร์ฮีโร่ ผู้ทรงพลังที่ 'ล้มได้' และ 'เจ็บเป็น' หลังจากเคยฝากผลงานไว้อย่างโดดเด่นในภาพยนตร์ The Suicide Squad (2021) พร้อมกับซีรีส์สุดเกรียน Peacemaker ซีซั่นแรก (2022) ให้กับ DC ผู้กำกับมากวิสัยทัศน์อย่าง James Gunn ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า "ผลงานที่ดีต้องเริ่มต้นมาจากบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม พร้อมด้วยเรื่องราวที่ลึกซึ้งและสามารถเข้าถึงอารมณ์ของผู้ชมได้อย่างแท้จริง" นั่นจึงทำให้ภาพยนตร์เปิดจักรวาลครั้งใหม่ของ DCU อย่าง Superman กลายเป็นที่จับตามองของแฟน ๆ และผู้คนทั่วโลก เพราะ นี่ถือเป็นความท้าทายครั้งสำคัญที่ต้องนำเสนอตำนานของซูเปอร์ฮีโร่คนแรกของโลก ผู้ทรงพลังเหนือกาลเวลาในรูปโฉมใหม่ และเป็นตัวแทนแห่ง "ความหวัง" ที่จะเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของจักรวาลฮีโร่ที่กำลังจะมาถึง https://pbs.twimg.com/media/GvXqIhDX0AAW5a-?format=jpg&name=large จนเมื่อภาพยนตร์ Superman ได้ออกโบยบินสู่สายตาของผู้ชมทั่วโลก เราสามารถบรรยายได้เต็มปากเลยว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่ในแบบที่คุณเคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน มันไม่ใช่เรื่องราวต้นกำเนิด ไม่ใช่เรื่องราวของผ้าคลุมและการต่อสู้สุดยิ่งใหญ่ แต่เป็นเรื่องราวการเดินทางของชายคนหนึ่ง ผู้เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจอันแรงกล้าที่ยึดมั่นในความดี และต้องการจะปกป้องผู้คนอย่างถึงที่สุด" ต้องยอมรับว่า ผู้กำกับ James Gunn สามารถนำเสนอเรื่องราวของฮีโร่ผู้เป็นตำนานผู้นี้ได้อย่างสดใหม่และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงมาก ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวที่สะท้อนถึงความรู้สึกอันลึกซึ้งและจิตวิญญาณของซูเปอร์แมนได้อย่างเหนือชั้น พร้อมกับฉากแอ็กชั่นสุดตระการตา และอารมณ์ขันที่ขาดไปไม่ได้ในจักรวาลซูเปอร์ฮีโร่ ซึ่งหากจะเรียกว่า นี่เป็นการนิยามตัวตนของ Man of Steel บุรุษเหล็กผู้นี้ขึ้นมาใหม่ ก็คงจะไม่ได้กล่าวเกินจริงแม้แต่น้อย https://pbs.twimg.com/media/GvUIUHQWUAAOhDS?format=jpg&name=large แก่นเรื่องสำคัญที่สร้างความประทับใจได้อย่างคาดไม่ถึงใน Superman คือ การที่เรื่องราวไม่ได้พยายามสำรวจถึงความแข็งแกร่งหรือพลังพิเศษของซูเปอร์แมนเลยในช่วงแรก หากแต่เป็นความเปราะบางทางพละกำลังและอารมณ์ของตัวละครในฐานะฮีโร่ผู้ทรงพลัง ผู้ที่ 'ล้มได้' และ 'เจ็บเป็น' ไม่ต่างจากคนธรรมดาเดินดินทั่ว ๆ ไป หนึ่งในแรงผลักดันสำคัญของเรื่องราว คือ มุมมองของซูเปอร์แมน รวมถึงสาธารณชน ที่มีต่อการตัดสินใจเข้าไปแทรกแซงความขัดแย้งระหว่างประเทศของซูเปอร์แมน ความตั้งใจดีของเขากลับกลายเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งภายในจิตใจและประเด็นคำถามมากมายที่ชวนคิดไม่ใช่น้อย และเมื่อทั้งโลกเริ่มมองว่าเขาเป็นภัยคุกคามมากกว่าผู้กอบกู้ การเดินทางเพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริงของบุรุษเหล็กผู้นี้จึงกลายเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความอบอุ่น และความงดงามของชีวิตที่เต็มไปด้วยมิติทางอารมณ์ พร้อมทั้งตอกย้ำถึงความหมายแท้จริงของความดีงามในตัวมนุษย์ว่า "สิ่งที่ทำให้เราเป็นเรา ไม่ใช่พลังพิเศษหรือความแข็งแกร่ง แต่เป็นทางเลือกและการกระทำของเราเองที่กำหนดตัวตนของเรา" https://pbs.twimg.com/media/GvYKv1JWEAA1_q8?format=jpg&name=large ด้วยโทนเรื่องของภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยความสนุก สไตล์การนำเสนอที่สดใส และการเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งถึงตัวละคร Superman จึงได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมอย่างกว้างขวาง แต่สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นประสบการณ์ความบันเทิงที่น่าจดจำเหนือความคาดหมาย และสามารถสะกดทุกสายตาของผู้ชมเอาไว้ได้ คือ การถ่ายทอดงานภาพอันยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยความสร้างสรรค์ ผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับ James Gunn ที่นำเราเดินทางไปสัมผัสแง่มุมที่หลากหลายและลึกซึ้งในชีวิตของซูเปอร์แมน พร้อมกับดนตรีประกอบสุดปลุกใจที่ฟังทีไรก็ขนลุกขึ้นทุกทีกับดนตรีประกอบเวอร์ชั่นใหม่ของ "Superman" ที่บรรเลงโดยนักประพันธ์ John Murphy และ David Fleming ซึ่งอ้างอิงมาจากผลงานการประพันธ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลอย่าง "Superman March" ของนักประพันธ์ John Williams จากภาพยนตร์ Superman (1978) ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่เติมเต็มอารมณ์ให้กับเรื่องราวเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่ทำให้ผู้ชมสามารถหวนรำลึกถึงความหลังของภาพยนตร์ซูเปอร์แมนในอดีต และพร้อมต้อนรับซูเปอร์แมนในยุคสมัยใหม่ได้อย่างน่าประทับใจ 'David Corenswet' คือ ซูเปอร์แมนคนใหม่ https://pbs.twimg.com/media/GvUGZiCaIAAW_GW?format=jpg&name=large ความสำเร็จของภาพยนตร์ Superman ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงจากบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการแสดงอันโดดเด่นของทีมนักแสดง ที่สามารถเข้าถึงหัวใจของตัวละครได้อย่างลึกซึ้งและน่าทึ่ง โดยเฉพาะนักแสดงหนุ่ม David Corenswet (จาก Twisters) ที่เข้ามารับบทเป็นบุรุษเหล็กคนใหม่ Clark Kent/Superman ในจักรวาล DCU การแสดงของ David Corenswet สามารถถ่ายทอดตัวตนของบุรุษเหล็กออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและความอบอุ่นในแบบที่เป็นธรรมชาติ ทำให้ซูเปอร์แมนของเขามีทั้งความจริงจัง ความเปราะบาง พร้อมทั้งอารมณ์ขัน จนกลายเป็นซูเปอร์แมนที่เปี่ยมไปด้วยหัวใจความเป็นมนุษย์มากที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นมา การแสดงของเขาจึงไม่เพียงแต่สร้างซูเปอร์แมนโฉมใหม่ที่สามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น แต่ยังพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาสามารถสร้างสรรค์ภาพของฮีโร่ระดับตำนานผู้นี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่แพ้รุ่นพี่ผู้เคยรับบทมาก่อนหน้าอย่าง Henry Cavill จากจักรวาล DCEU เลยแม้แต่น้อย https://pbs.twimg.com/media/GvUGZinXEAAMFmL?format=jpg&name=large นักแสดงสาว Rachel Brosnahan (จาก The Marvelous Mrs. Maisel) เข้ามารับบทเป็นนักข่าวสาว ผู้มากความสามารถ Lois Lane ในจักรวาล DCU ต่อจากรุ่นพี่ Amy Adams จากจักรวาล DCEU โดยตัวละคร Lois Lane เวอร์ชั่นใหม่ที่ Rachel Brosnahan ถ่ายทอดออกมานั้นมีทั้งความดุดัน ฉลาดหลักแหลม และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทำให้บทบาทของเธอทั้งในฐานะนักข่าวผู้ตามหาความจริง และคนรักของซูเปอร์แมนมีมิติที่ลึกซึ้งและน่าสนใจ การแสดงของเธอไม่เพียงแต่มอบภาพลักษณ์ใหม่ให้กับตัวละคร แต่ยังมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการเดินทางค้นหาตัวตนของซูเปอร์แมนอย่างไม่ต้องสงสัย และด้วยเคมีที่เข้าคู่กันดีระหว่างเธอและ David Corenswet ก็ยิ่งช่วยเติมเต็มอารมณ์ของเรื่องราว พร้อมทั้งสามารถรักษาหัวใจของภาพยนตร์ให้มั่นคงและอบอุ่นอย่างงดงาม https://pbs.twimg.com/media/GvUGZigXAAAUdx2?format=jpg&name=large หลังจากพลาดออดิชั่นบทบาทของซูเปอร์แมน นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ Nicholas Hoult (จาก Mad Max: Fury Road) จึงได้รับบทบาทเป็นวารร้ายคู่ปรับตลอดกาลของซูเปอร์แมนแทนอย่าง Lex Luthor ต่อจากรุ่นพี่ Jesse Eisenberg จากจักรวาล DCEU ซึ่งต้องยอมรับว่า การแสดงอันเข้มข้นของ Nicholas Hoult เป็นหนึ่งในสิ่งที่สะกดทุกสายตาของผู้ชม พร้อมยกระดับมาตรฐานใหม่ให้กับตัวละคร Lex Luthor เขาสามารถถ่ายทอดบทบาทใหม่ในฐานะเจ้าพ่อเทคโนโลยีที่มีสติปัญญาอันน่าสะพรึงกลัว ผู้ขับเคลื่อนด้วยความโกรธและอิจฉาริษยาส่วนตัวที่มีต่อซูเปอร์แมน จนทำให้เขากลายเป็นตัวละครที่จมอยู่กับความเกลียดชังอย่างถึงที่สุด แต่ก็น่าประหลาดใจที่เสน่ห์ของตัวละครนี้กลับเพิ่มพูน จนผู้ชมอยากให้เขาปรากฏบนจอให้นานยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน นอกจาก Lex Luthor แล้ว ยังมีพันธมิตรของเขาที่เข้ามาช่วยต่อกรกับซูเปอร์แมนอย่าง Angela Spica/The Engineer (María Gabriela de Faría) นักรบหญิงที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นวัตถุใดก็ได้ และ Ultraman ตัวละครปริศนาผู้มีพลังเทียบเท่าซูเปอร์แมน ทั้งสองตัวละครมีบทบาทสำคัญในการผลักดันความขัดแย้งและสร้างความท้าทายต่อซูเปอร์แมน โดยเฉพาะบทบาทของ The Engineer ที่น่าจะมีความสำคัญไม่น้อยในอนาคตของจักรวาล DCU เมื่อเธอเป็นหนึ่งในสมาชิกทีม The Authority กลุ่มฮีโร่พลังแปลกจากหน้าคอมมิก ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนพัฒนาเป็นภาพยนตร์คนแสดงอย่างเป็นทางการในขณะนี้ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเรื่องราว คือ การปรากฎตัวของกลุ่มซูเปอร์ฮีโร่ Justice Gang (ชื่อชั่วคราว) ซึ่งนำทีมโดย Michael Holt/Mister Terrific (Edi Gathegi) ฮีโร่สายเทคโนโลยี ผู้เฉลียวฉลาดและมีกลยุทธ์, Guy Gardner (Nathan Fillion) ตำรวจอวกาศแห่ง Green Lantern ผู้ชอบทำบุคลิกมาดเข้ม แต่น่ากวนโอ๊ย, Kendra Saunders/Hawkgirl (Isabela Merced) นักรบสาวอมตะ และ Rex Mason/Metamorpho (Anthony Carrigan) ผู้สามารถแปลงธาตุต่าง ๆ ในร่างกายให้กลายเป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้ตามต้องการ บทบาทของพวกเขาที่เข้ามาช่วยสร้างชีวิตชีวาและความหลากหลายทางอารมณ์ จึงทำให้พวกเขาเป็นมากกว่าแค่ตัวประกอบธรรมดา เช่นเฉกเดียวกันกับตัวละครจากทีมสำนักข่าว Daily Planet โดยเฉพาะตัวละคร Jimmy Olsen (Skyler Gisondo) ช่างภาพหนุ่มหล่อ และ Perry White (Wendell Pierce) บรรณาธิการบริหารของ Daily Planet ที่เข้ามาช่วยเสริมสร้างเสน่ห์และสีสันของเรื่องราวให้เป็นที่น่าประทับใจ โลกใบใหม่ที่น่าสนใจของ DCU หนึ่งในแง่มุมที่โดดเด่นที่สุดของ Superman ในฐานะภาพยนตร์เปิดจักรวาลใหม่ DCU คือ การสรรค์สร้างโลกใบใหม่ที่เหล่าเมตาฮิวแมน (Metahuman) หรือผู้มีพลังพิเศษได้ดำรงอยู่มานานกว่า 300 ปีแล้ว ซึ่งเป็นรากฐานที่ต่อเนื่องมาจากซีรีส์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้นอย่าง Creature Commandos (2024) ความกล้าหาญของ James Gunn ในการสร้างจักรวาล DCU โดยไม่ยึดติดกับเรื่องราวต้นกำเนิดแบบเดิม แต่เลือกที่จะนำเสนอโลกที่ปรับตัวรับกับเหล่าผู้มีพลังพิเศษมาอย่างสมบูรณ์นั้น ถือเป็นการจุดประกายแนวทางการเล่าเรื่องแบบใหม่ได้อย่างทรงพลัง โดยเฉพาะในเมื่อผู้คนบนโลกต่างมองถึงการมีอยู่ของเมตาฮิวแมนเป็นเรื่องธรรมดา และพบเห็นได้ทั่วไป การบอกเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดจึงอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไป แถมยังช่วยให้เรื่องราวสามารถดำดิ่งเข้าสู่ประเด็นที่เข้มข้นและซับซ้อนมากขึ้นได้โดยตรง https://pbs.twimg.com/media/GvWyRtPWwAAsdXz?format=jpg&name=large หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของโลกใบใหม่ใน Superman คือ เมื่อซูเปอร์แมนไม่ใช่ฮีโร่ผู้มีพลังพิเศษคนแรกของโลก การมาถึงของเขาไม่ได้สร้างความประทับใจต่อผู้คน แต่กลับกลายเป็นชนวนของข้อถกเถียงถึงจุดประสงค์ของการปรากฎตัวของบุรุษผู้ทรงพลังสูงสุดผู้นี้ว่า "เขามาเพื่อปกป้อง หรือเพื่อควบคุม" และนั่นจึงทำให้การเดินทางของซูเปอร์แมนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สะท้อนถึงการค้นหาความหมายและจุดยืนของตัวเองในโลกที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้มีพลังพิเศษมากมาย นอกจากนี้ การสร้างสรรค์โลกดังกล่าวยังช่วยปูรากฐานไปสู่เรื่องราวในอนาคตของ DCU ซึ่งด้วยโครงสร้างที่เปิดกว้าง จึงเปิดโอกาสให้ตัวละครอื่น ๆ เช่น Batman, Wonder Woman หรือ Supergirl สามารถก้าวเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเบื้องหลังได้ทันที โดยที่ไม่ต้องย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวต้นกำเนิดซ้ำอีก พร้อมทั้งยังเปิดโอกาสให้มีการผสมผสานแนวทางการเล่าเรื่องได้หลากหลาย เพื่อสร้างโลกของซูเปอร์ฮีโร่ที่เต็มไปด้วยสีสัน ความลุ่มลึก และมิติใหม่ที่น่าติดตามยิ่งกว่าเดิม โดยสรุป Superman ซูเปอร์แมน คือ ภาพยนตร์เปิดจักรวาล DCU อย่างยิ่งใหญ่ โดยผู้กำกับมากวิสัยทัศน์ James Gunn ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่การรีบูตเริ่มต้นจักรวาลใหม่ แต่ยังได้นิยามความหมายของเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ในยุคปัจจุบันใหม่ให้เป็นมากกว่าการต่อสู้ระหว่างฮีโร่กับวารร้ายทั่ว ๆ ไป นี่คือเรื่องราวการสำรวจถึงตัวตนของฮีโร่ผู้ทรงพลังที่สุดได้อย่างลึกซึ้ง ผู้ซึ่งเป็นดั่งตัวแทนแห่งแสงสว่างและความหวังต่อจักรวาลใหม่ที่มีอนาคตอันยาวไกลแน่นอน 10/10 - The Light of Hope! https://www.youtube.com/watch?v=N7hECf5eeX8 Superman ซูเปอร์แมน วันนี้ในโรงภาพยนตร์ บทความที่เกี่ยวข้อง REVIEW! Creature Commandos (2024) รวมพลก๊วนมอนสเตอร์กับภารกิจเดนตาย! ขอบคุณข้อมูล รูปภาพและวิดีโอ ภาพปก | ภาพประกอบที่ 3 | ภาพประกอบที่ 4 | ภาพประกอบที่ 5 | ภาพประกอบที่ 6 | ภาพประกอบที่ 7 | ภาพประกอบที่ 9 (1, 2, 3 ,4) จาก Official X Superman ภาพประกอบที่ 1 | ภาพประกอบที่ 2 | ภาพประกอบที่ 8 (ซ้าย, ขวา) | ภาพประกอบที่ 10 จาก Official X James Gunn คลิปวิดีโอจาก YouTube: Warner Bros. Thailand จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !