ได้มีโอกาสรับชมภาพยนตร์แนวอินดี้ในรอบหลายปี อยากรู้เหมือนกันว่าทุกวันนี้ผู้คนยังชมภาพยนตร์แนวอินดี้กันอยู่หรือเปล่า ทางนี้ชอบภาพยนตร์แนวอิรดี้ของค่าย A24 มากเลย ผลงานหลาย ๆ เรื่องที่คนมักจะรู้จัก ยกตัวอย่างเช่น Midsommar - เทศกาลสยอง (2019) , X (2022) , Everything Everywhere All at Once - ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส (2022) เป็นต้น จนทางนี้ได้โอกาสดูเรื่อง I Saw the TV Glow - จิตจ้องจอ อีกหนึ่งผลงานของค่าย A24 สามารถหาชมได้ทางสตรีมมิ่งออนไลน์เลย รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ภาพยนตร์ I Saw the TV Glow จิตจ้องจอ (2024) ประเภท : ภาพยนตร์ ความยาว : 1 ชั่วโมง 40 นาที ผู้กำกับ : เจน เชนบรัน แนว : อินดี้ , สยองขวัญ , จิตวิทยา เรื่องย่อ “โอเวน” (รับบทโดย จัสติส สมิธ) เด็กหนุ่มที่กำลังติดงอมแงมกับรายการในโทรทัศน์ นั่นก็คือรายการ “The Pink Opaque” เป็นรายการเกี่ยวกับการปราบปีศาจในแต่ละตอน โอนเวนได้มีโอกาสรู้จักกับ “แมดดี้” (รับบทโดย แจ็ค ฮาเวน) โดยบังเอิญและมารู้ความจริงว่า แมดดี้เองก็ชื่นชอบรายการนี้ด้วยเหมือนกัน ทำให้ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้นจนถึงขั้นไปนอนค้างคืนบ้านได้ เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก จู่ ๆ “แมดดี้” ก็หายตัวไปอย่างกะทันหัน ไม่มีแม้กระทั่งข่าวคราวหรือเบาะแสเกี่ยวกับแมดดี้ มีเบาะแสเพียงแค่ “โทรทัศน์” ถูกเผาทิ้งไว้สวนหลังบ้านของแมดดี้เอง จนกระทั่ง “โอเวน” เติบโตเป็นผู้ใหญ่ และได้บังเอิญเจอกับ “แมดดี้” อีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้แมดดี้มีเรื่องราวบางอย่างที่จำเป็นต้องบอกโอเวนโดยไว ไม่อย่างนั้นมันอาจจะสายเกินกว่าที่จะแก้ไขมันได้ นักแสดงหลักจากภาพยนตร์ I Saw the TV Glow จิตจ้องจอ จัสติส สมิธ รับบทเป็น โอเวน แจ็ค ฮาเวน รับบทเป็น แมดดี้ รีวิวหลังจากดูจบ ถ้าให้พูดถึงภาพยนตร์แนวอินดี้ อยากจะบอกว่าเป็นแนวที่ทางนี้ดูน้อยที่สุดแล้ว เพราะภาพจำของแนวอินดี้ส่วนใหญ่ จะเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ , การตีความ เป็นต้น แต่เป็นเฉพาะบางเรื่องนะ ส่วนน้อยมากที่จะดูแนวนี้แล้วชอบเลยทันที ยกตัวอย่างภาพยนตร์แนวอินดี้ที่ค่าย A24 ทำแล้วเราชอบมากก็คือ Everything Everywhere All at Once - ซือเจ๊ทะลุมัลติเวิร์ส (2022) อาจจะเพราะว่ามันรีเลทกับบ้านเราเยอะ รวมไปถึงสายคอหนังเริ่มให้ความสนใจเกี่ยวกับมัลติเวิร์สมากขึ้น ส่วนเรื่อง I saw the TV Glow นี่เปิดดูเพราะนักแสดง “จัสติส สมิธ” อย่างเดียวเลย แล้วก็เห็นคำโปรยของเรื่องแล้ว นึกว่าจะเป็นแนวหลอน ๆ น่ากลัวอะไรอย่างนี้ เลยตัดสินใจเปิดดูเรื่องนี้ การเล่าของเรื่องนี้จะเป็นการเล่าเรื่องผ่านตัวละครเอกอย่าง “โอเวน” แล้วก็ “แมดดี้” ซึ่งจะสลับกันไปมาระหว่าง ใช้เสียงในบรรยายเล่าเรื่อง กับ ใช้เทคนิค Breaking the Fourth Wall การบรรยายเรื่องราวโดยการสบตากับผู้ชมอย่างเราจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นการเล่าเรื่องที่ทำให้เราไม่รู้สึกน่าเบื่อในการดูมากนัก เพราะมีตัวละครหลัก 2 คนเล่าเรื่องราวในมุมมองของตัวเอง และพอมีการใช้เทคนิคกำแพงที่ 4 ก็เหมือนได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับตัวละครด้วยเหมือนกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่อาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับทุกคนจริง ๆ ถึงแม้จะมีความหลากหลายในการเล่าเรื่องราว แต่การดำเนินเรื่องก็จะเป็นไปแบบเนิบ ๆ ช้า ๆ ค่อยเรียนรู้สถานการณ์ไปพร้อมกับตัวละครหลัก แล้วที่ว่าไม่ตอบโจทย์สำหรับทุกคนก็คือ ภาพยนตร์ไม่ค่อยบอกอะไรกับเรามากนัก มีบางจุดที่มีทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจในหลาย ๆ ฉาก และตัวภาพยนตร์เองก็ไม่ได้เฉลยเรื่องราวสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ใครที่ไม่ชอบแนวจบแบบค้างคาใจ หรือชื่นชอบความตื่นเต้น มีความน่ากลัว หลอนปั่นประสาท เรื่องนี้อาจจะไม่ตรงโจทย์สักเท่าไหร่ สำหรับเรายังคงเฉย ๆ กับเรื่องนี้เลย คือไม่ถึงขั้นไม่ชอบแต่ก็ไม่ได้ชอบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน แต่อย่างน้อยภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีสิ่งที่น่าชื่นชมนะ อย่างเช่น นักแสดงหลักทั้ง 2 คน นั่นก็คือ “จัสติส สมิธ” กับ “แจ็ค ฮาเวน” เรียกได้ว่าแบกเรื่องนี้ทั้งคู่เลย ทั้งคู่แสดงได้ดีเข้าถึงบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะ “จัสติส” ที่ภาพจำของเราส่วนใหญ่ เขามักจะโดนให้เล่นบทบาทเด็กเนิร์ด เด็กอินโทรเวิร์ด หลายเรื่องมากเลย เรียกได้ว่าเป็นบทขาประจำเฉพาะทางของจัสติสเลยก็ว่าได้ ทำให้เรื่องนี้เองเขาก็เข้าถึงบทบาทเด็กหนุ่ม “โอเวน” เด็กน้อยที่เงียบ ๆ เข้าสังคมไม่ค่อยจะเก่ง ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ขี้กลัวกับโลกภายนอก ได้ออกมาแบบ Perfect มาก ๆ ส่วนทางด้านบท “แมดดี้” เอง “แจ็ค” ก็สวมบทบาทสาวแซฟฟิกที่จริงใจได้อย่างถูกต้องมาก นิสัยห้าว ๆ มีปัญหาชีวิตรุมล้อมเยอะ เป็นห่วงเป็นใยเพื่อน น่าเสียดายเห็นบทบาทของเธอได้ไม่เยอะเท่าไหร่ และสิ่งที่น่าชื่นชมอีกเรื่องหนึ่ง คือ พวกมุมกล้อง และการจัดแสงสีของภาพยนตร์เรื่อง เรียกได้ว่าสวยมาก ทางทีม Production จับคู่สีของเรื่องออกมาได้สวยมาก ถ้าเหนื่อยกับการดูเรื่องราว มาดูมุมกล้องเอย แสงเอย ก็ได้นะ เพราะทำออกมาได้ดีจริง ๆ ส่วนฉากที่เกี่ยวกับความหลอน สำหรับเราที่เป็นคนที่ไม่ชอบดูแนวสยองขวัญเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็มองว่าเรื่องทำออกมาได้ดีนะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ชวนหลอนหรือน่ากลัวอะไรมาก แต่มันก็ชวนอึดอัด อยากจะรีบข้ามฉากนี้ไปให้จบ ๆ ก็มีนะ ถือเป็นอีกเรื่องที่เป็นแนวอินดี้แล้วทำภาพออกมาได้สวยมาก ถูกใจเราเลยแหละ สรุปคะแนน องค์ประกอบโดยรวม : ⭐⭐⭐ การดำเนินเรื่อง : ⭐⭐⭐ งานภาพ : ⭐⭐⭐⭐ การแคสติ้ง : ⭐⭐⭐⭐ ความรู้สึกร่วมในการรับชม ⭐⭐⭐ รวม : 3.4⭐ เป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนอาจจะเข้าไม่ถึงเยอะเลย เล่าเรื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจจะไม่ได้ชวนหลอน ชวนน่ากลัวขนาดนั้น แต่ภาพสวย นักแสดงเล่นเก่งมาก เครดิตรูปภาพ ภาพหน้าปก มีรูปภาพที่ 1 จาก isawthetvglow รูปภาพประกอบที่ 1 , 8 , 9 จาก isawthetvglow รูปภาพประกอบที่ 2 , 10 จาก I Saw The TV Glow รูปภาพประกอบที่ 3 จาก standup4justice รูปภาพประกอบที่ 4 จาก briiiiiiiiiig รูปภาพประกอบที่ 5 , 6 , 7 จาก a24 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !