Movie Review Inspector Zende (2025) สารวัตรซ่าปะทะทรชน เอาเรื่องจริงที่ควรจะซีเรียสมาเล่าให้เบาสมองได้สุดแสบซ่าก๋ากั่นคันหัวใจกลายเป็นว่าอินเดียทำเรื่องเหนือความคาดหมายได้ดีอีกแล้ว รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! หากท่านเคยดูซีรีส์อินเดียเรื่อง The Serpent (2021) ที่เป็นเรื่องของฆาตกรที่ก่อคดีสะเทือนขวัญในอินเดียยุค 70 ที่มีชีวิตที่โลดโผนน่าสนใจท่านจะรู้จักอาชญากรฉายาอสรพิษ Charles Sobhraj แล้วถ้าท่านได้ดูซีรีส์อินเดียเรื่อง Black Warrant (2025) ที่เป็นเรื่องของผู้คุมเรือนจำติหารที่ได้เห็นการใช้ชีวิตเฉกเช่น VVIP ในเรือนจำของ Charles Sobhraj ท่านจะรู้จักฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ในอีกระดับ แต่บางครั้งเรื่องราวในด้านมืดที่ถูกเผยแพร่ออกมาเป็นความน่าสนใจน่าศึกษาพฤติกรรมของอาชญากรก็อาจเป็นดาบสองคมเพราะวุฒิภาวะในการแยกแยะของมนุษย์ต่างกัน อย่ากระนั้นเลยการเล่าเรื่องในอีกมุมที่เป็นอีกด้านของเรื่องสะเทือนขวัญที่น่าสนใจปานนิยายสืบสวนดีๆสักเรื่องก็เป็นเรื่องที่ควรให้น้ำหนัก ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่น่าเล่าคือเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จับกุมฆาตกรต่อเนื่องอาชญากรตัวเอ้รายนี้ถึงสองครั้งสองคราได้ เขาคนนั้นมานามกรว่าสารวัตร Madhukar Bapurao Zende ผู้มีตัวตนจริงแล้วเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องของเขาแต่ว่าเรื่องแบบนี้มันควรจะซีเรียสไม่ใช่เหรอ หลังจาก Charles Sobhraj ฆาตกรต่อเนื่องอาชญากรตัวฉกาจหลบหนีจากเรือนจำติหารพร้อมพวกอีกสองคนก็สร้างความร้อนรนให้กับกรมตำรวจอินเดีย อีกด้านหนึ่งสารวัตร Madhukar Bapurao Zende ที่พอรู้ข่าวทางวิทยุก็รีบแจ้นกลับบ้านไปแต่งตัวเป็นพ่อสายบัวรอเสียงโทรศัพท์ เพราะเขาคือคนที่เคยจับเจ้าอาชญากรเจ้าของฉายาอสรพิษรายนี้ได้และส่งเข้าเรือนจำ และแล้วเสียงโทรศัพท์จากเบื้องบนก็มาจริงๆเพื่อเรียกสารวัตร Zende เข้าไปเพื่อที่จะได้รับมอบหมายให้เขาตามจับ Charles Sobhraj กลับมาอีกครั้งแต่คราวนี้ Charles Sobhraj ไม่ใช่แค่โจรลักเล็กขโมยน้อยแต่กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องผู้เลื่องลือ สารวัตร Zende จึงรวบรวมทีมตำรวจเพื่อสืบหาและตามจับอาชญากรที่ใช้ชีวิตห้าดาวกลับมาแล้วก็คลาดกันไปมาทำงานพลาดบ้าง จนกระทั่งสารวัตร Zende และทีมสืบพบว่า Charles Sobhraj อยู่ที่กัวเพื่อจะเดินทางต่อไปอเมริกาเขาและทีมจึงต้องบากหน้าไปตามล่าฆาตกรตัวร้ายที่ยังไม่หยุดก่อการสังหารผู้บริสุทธิ์แล้วพวกเขาจะหิ้วเจ้าอสรพิษเข้าซังเตได้หรือไม่ เล่าเรื่องได้น่าสนใจกับการสืบและตามจับคนร้ายของตำรวจที่เอ่อ...เป็นแบบนี้จริงๆใช่มั้ยแต่ยังเล่าได้เชื่อมโยงเรื่องดีและมีแรงจูงใจ เพราะหนังต้องการออกมาตีมึนเลยมีความรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นแบบนี้มั้งเพราะการตามจับอาชญากรระดับเขี้ยวลากดินไม่น่าจะออกมาแบบนี้ และหนังก็บอกกันโต้งๆว่านี่คือเรื่องราวของตำรวจแหกคอกที่เป็นที่เกรงขามของเหล่าอันธพาลและอาชญากรในมุมไบ (บอมเบย์) แต่นี่มันระดับตัวพ่อนะเฟ้ยแล้วจะมาไม้นี้น่ะเรอะแต่เอาจริงคือบทหนังวางตัวเองเป็นงานสืบสวนที่มาแบบกวนๆมากกว่ามาเคร่งขรึม แต่ถ้าตัดเรื่องโทนหนังที่ออกมาในทางที่ไม่น่าจะมาทางนี้ไปได้บทหนังมีความจริงใจในการเล่าเรื่องของการสืบและตามจับเจ้าของฉายาอสรพิษ เพราะมองเห็นความจริงอยู่อย่างชัดแม้จะเห็นความแต่งแต่จุดเชื่อมโยงทุกอย่างไม่หลุดออกจากกันแถมยังมีแรงจูงใจในการทุ่มทุกทางเพื่อจับตัวอาชญากรตัวร้าย ทำให้เรื่องออกมาน่าสนใจแม้จะมาคล้ายๆตีมึนก็ช่างมันประไรนั่นคือเอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาเล่าในอีกโทนหนึ่งซึ่งไม่ทำให้เสียความจริง ที่เจ๋งคือการมาเหนือความคาดหมายด้วยการเอาเรื่องที่ควรซีเรียสมาเล่าได้อย่างชวนหัวเป็นตลกหน้าตายได้ทั้งแสบทั้งคัน อีกครั้งที่อินเดียทำอะไรเหนือคาดแล้วออกมาดีเกินคาดแม้ว่าอาจไม่ถูกใจทุกคนก็หาสนใจไม่ เพราะเรื่องของการสืบและตามจับอาชญากรตัวร้ายฆาตกรต่อเนื่องที่ยังคงสังหารเหยื่อไม่หยุดแบบนี้มันควรเป็นเรื่องซีเรียสชวนเครียดมิใช่หรือ แต่หนังกลับเอาเรื่องชวนเครียดมาปั่นให้ชวนหัวอุดมไปด้วยอารมณ์ขันแบบร้ายๆเป็นตลกร้ายตลกหน้าตายตลกหน้ามึนช่างคิดและและทำไปได้เนาะ แต่การแหกขนบออกมาแบบนี้มันมีดีที่มันดูแปลกใหม่เพราะเอาเรื่องจริงที่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆมาเล่าแบบทีเล่นได้เนียนสุดๆทำให้กลายเป็นความเจ๋งในการนำเสนอ ประมาณว่าคิดได้ไงกับการเอาเรื่องจริงมาเล่าให้แสบสันต์คันหัวใจได้ทั้งความกวนความปั่นเพราะออกจะไม่น่าเชื่อว่านี่คือตำรวจมือฉมังแต่หนังมันเล่าจากเรื่องจริงนี่สิ ทำให้อารมณ์ขันที่มาแบบเต็มเหนี่ยวทำงานอย่าเคร่งครัดอาจไม่มากมายจนหายใจไม่ทันแต่ไม่มีทางที่จะอดยิ้มได้และมันเป็นแบบนั้นตลอดทาง อาจเหมือนทื่อๆแต่คือความจงใจเพราะบทต้องการขายขำแบบหน้ามึนที่นักแสดงก็ยังทำให้เชื่อได้ในมิติตัวละคร เพราะบทหนังตั้งใจมาตีมึนเป็นความขายขำบนเรื่องชวนเครียดตัวละครจึงออกมาแบบมึนๆอึนๆหรืออาจเรียกได้ว่าเหมือนไม่คอยฉลาด นั่นเพราะหนังตั้งใจให้เป็นแบบนั้นคือต้องการให้ไม่น่าเชื่อว่าอะไรจะเป็นแบบนั้นได้คือเรื่องยากมาเล่าให้ดูง่ายโดยผ่านกระบวนการคิดที่เป็นตัวตนของตัวละครได้ นั่นคือมิติตัวละครยังมีอยู่คือความเป็นตำรวจที่เฉียบคมแต่ตีหน้าซื่อจนดูทื่อไปบ้าง แต่ถ้าบทหนังต้องการความทื่อมาฉาบหน้าความเฉียบคมนั้นแล้วคนดูก็ขำไปกับตัวละครนั้นๆทั้งตำรวจทั้งผู้ร้ายที่มึนพอกันนั่นหมายความว่านักแสดงทำหน้าที่ของตัวเองอย่างไม่บกพร่อง และนั่นก็ต้องยกเครดิตความอึนมึนของ Manoj Bajpayee ในบทสารวัตร Zende กับ Jim Sarbh ในบทเจ้าอสรพิษ Carl Bhojraj ที่เป็นไม่ต่างจากเงาในกระจกของกันและกัน ยังรวมความอึนความมึนของเหล่านักแสดงสมทบที่เหมือนจับฉลากมาเป็นตำรวจแต่เมื่อรู้จุดหมายของหนังมันก็ปังฉะนี้ เหมือนไม่มีอะไรไปเรื่อยๆกับเกมแมวจับหนูที่ดูแมวไม่ค่อยเต็มเต็งเท่าไหร่แต่ขำขันคันหัวใจอาจไม่ขำก๊ากน้ำกระจายแต่ยิ้มไม่หุบก็แล้วกัน เอาจริงหนังเหมือนเล่าเรื่อยๆไม่มีอะไรเหมือนไม่ได้ลุ้นแค่อยากรู้ว่าตำรวจก๊วนนี้จะจับคนร้ายได้ยังไงเพราะดูๆไปก็คล้ายไม่ค่อยเต็มเต็งกันเท่าไหร่ แต่เกมแมวจับหนูแบบนี้ที่คลาดกันซ้ายทีขวาทีไอ้ที่มาของการคลาดแคล้วนั่นแหละหนาที่มันเข้าท่า เพราะมันทำให้หนังออกมาดูสนุกมีความขบขันมีความแสบสันต์คือบอกตามตรงไม่ได้เอาใจช่วยเลยทั้งตำรวจทั้งผู้ร้ายเรียกง่ายๆว่าตัวละครไม่ได้ใจซะหรอก แต่กลายเป็นว่าความไม่น่าจะมีอะไรกลับมีแรงดึงดูดประหลาดมุขต่างๆที่ปล่อยมาเหมือนมุขด้านๆยิงมาสะกิดแค่ผิวๆจะขำก๊ากก็น้อยมาก กระนั้นตลอดเวลาที่ดูก็มีรอยยิ้มได้ตลอดเวลาแทนที่เนื้อหาแบบนี้มันควรเครียดระทมกบาลแต่กลายเป็นเบาสมองดูสบายกลายเป็นความบันเทิงที่เกินความคาดหมายได้เฉย ยิ่งฉากสุดท้ายตอนที่สารวัตร Zende มาเข้าฉากจับมือกับสารวัตร Zende ยิ่งขำเพราะมันคือเรื่องจริงแต่เอามาปั่นซะสนิท ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram netflix_in จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !