‘Rebel Moon’ เวอร์ชัน ‘The Director’s Cut’ นี้ ได้รับเรต R ในขณะที่ภาพยนตร์เวอร์ชันแรกนั้นได้เรต PG-13 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้กำกับสามารถใส่องค์ประกอบแและฉากแอ็กชันความรุนแรงสูงที่เข้าสร้างสรรค์ลงในภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเปลี่ยนโทนเรื่องจากเวอร์ชันแรกไปอย่างสิ้นเชิง

อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ สไนเดอร์จะเพิ่มความยาวของภาพยตร์ไปถึงระดับใด เนื่องจากเวอร์ชันแรกอย่าง ‘Part One: A Child of Fire’ มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 14 นาที และ ‘ Part Two: The Scargiver’ ก็มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 2 นาที เข้าไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการวางโครงสร้างพื้นฐานของจักรวาล ‘Rebel Moon’ ให้แข็งแรงที่สุด แต่ด้วยการเดินเรื่องที่เนิบช้าและขาดความสมเหตุสมผลในบางส่วน ทำให้ภาพยนตร์ทั้ง 2 ภาค ถูกวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก

คะแนนของ ‘Rebel Moon’ ทั้ง 2 ภาค บน Rotten Tomatoes

เรื่องคะแนนจากนักวิจารณ์คะแนนจากผู้ชม
Rebel Moon – Part One: A Child of Fire (2023)21%57%
Rebel Moon – Part Two: The Scargiver (2024)15%48%

หากสไนเดอร์สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาพยนตร์เวอร์ชันแรกทั้ง 2 ภาคได้ จะพิสูจน์ว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีศักยภาพในการเล่าเรื่องระดับมหากาพย์ด้วยงานด้านภาพสุดอลังการที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งของฮอลลีวูด หลังจากที่เขาทำให้ ‘Zack Snyder’s Justice League’ เมื่อปี 2021 ได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes ไปถึง 71% ในขณะที่ ‘Justice League’ เวอร์ชันแรกของเขาเมื่อปี 2017 ที่ถูก Warner Bros. นำไปถ่ายทำใหม่ ได้คะแนนวิจารณ์บน Rotten Tomatoes เพียง 40% เท่านั้น