Movie Review Missing หาย (2024) หน่วงอย่างเยี่ยมๆ เหมือนจริงเหมือนไม่มีอะไรให้ลุ้นแต่นั่นเพราะเจตนาให้สัมผัสอย่างลงลึกทางความรู้สึกและผลกระทบทางจิตใจ เพราะบริบททางสังคมวิถีชีวิตการใช้ชีวิตและสภาพแวดล้อมที่ต่างกันทำให้การดูหนังดูละครจึงเหมือนการได้ไปเยือนในพื้นที่ต่างๆที่ปรากฎให้เห็นบนจอ แน่นอนการดูหนังต่างประเทศย่อมต้องมีความต่างจากบ้านเราที่เป็นความคุ้นเคยอยู่ไม่น้อยทำให้บางอย่างอาจไม่สามารถเข้าถึงหรือสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งด้วยเหตุปัจจัยที่ว่ามาข้างต้น แต่บางครั้งสิ่งที่ว่ามาก็มีบ้างที่ไม่เหมือนแต่ดูคล้ายทำให้เมื่อดูไปก็เห็นว่าสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนหนังที่เล่าเรื่องสามัญพื้นฐานในชีวิตจึงถูกจริตคนดูอย่างผู้เขียนยิ่ง เช่นเดียวกับหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของปัจจัยที่ว่ามาที่เป็นความต่างแต่เจตนานั้นคือการลงลึกให้เห็นถึงสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นชนชาติไหนอยู่ในสังคมแบบใดก็เป็นเหมือนกันนั่นคือความเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์จะมีความรู้สึกพื้นฐานที่เหมือนกันมีความรักมีความเกลียดมีความโกรธมีความเห็นแก่ตัวเพราะมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ และหนังเรื่องนี้จะพาท่านไปสำรวจภาวะทางจิตใจของมนุษย์เมื่อถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง สามเดือนหลังจากการหายตัวไปของลูกสาวซาโอริ (ซาโตมิ อิชิฮาระ) ผู้เป็นแม่ก็เหมือนตกนรกเพราะวันที่ลูกสาวหายไปเธอไปดูคอนเสิร์ตวงไอดอลที่ชื่นชอบ หลังจากการตามหาที่ไม่พบเบาะแสใดๆเธอและยูทากะ (มุเนทากะ อาโอิ) ผู้เป็นพ่อก็เฝ้าแจกใบปลิวตามหาลูกสาวที่หายแต่คอมเมนต์ในอินเตอร์เน็ตที่ให้ร้ายเธอยังตามมาหลอกหลอนเรื่อยมา ในขณะที่ความหวังเดียวของการตามหาลูกอยู่ที่นักข่าวสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นซึนาดะ (โทโมยะ นากามูระ) ที่เกาะติดทำข่าวของเธอแต่ซาโตมิที่สถานการณ์แย่ลงเพราะถูกโจมตีทางอินเตอร์เน็ตกลับมองว่าซึนาดะทำข่าวของเธอเพราะต้องการเพียงเรทติ้งซึ่งก็อาจไม่ผิด และสิ่งที่ยิ่งหนักสำหรับซาโตมิคือการที่ยูทากะสามีของเธอดูเหมือนจะใจเย็นกับเหตุการณ์เกินไปจนคล้ายกับเย็นชาต่อเธอยิ่งทำให้ซาโตมิดิ่งลง ส่วนทางด้านของซึนาดะก็ต้องต่อสู้กับผู้บริหารสถานีเพื่อที่จะออกอากาศข่าวของซาโตมิเพื่อตามหาลูกของเธอจนความสับสนเริ่มเข้ามาว่าแท้จริงแล้วเขาทำเพื่ออะไรกันแน่ เรียบเรื่อยแบบเรียบง่ายแต่เดินหน้าไปอย่างมีพลังด้วยความที่เหมือนไม่มีอะไรแต่มีอะไรมากมาย ว่าตามจริงด้วยชื่อเรื่องอาจมีบ้างที่คนดูคิดว่าหนังจะเป็นเรื่องของการค้นหาลูกสาวที่หายไปด้วยวิธีใดๆก็ตามที่เป็นงานทริลเลอร์เข้มๆแต่ไม่เป็นแบบนั้น เพราะหนังเสนอตัวเป็นงานดราม่าหนักหน่วงเต็มพิกัดที่ยังคงความเป็นหนังญี่ปุ่นอยู่เต็มที่คือเรียบเรื่อยในการเล่าเรื่องแต่ก็เป็นความเรียบง่ายไม่ซับซ้อน กระนั้นแม้จะเหมือนเรียบๆแต่หนังญี่ปุ่นจะมีพลังบางอย่างที่เป็นแรงดึงดูดแฝงอยู่นั่นคือการสื่อสารจากข้างในและเรื่องนี้เป็นพลังแบบ Inside out ว่าด้วยเรื่องของความรู้สึก รวมถึงการก่นด่าบริบททางสังคมบางอย่างเช่นคอมเมนต์ในโลกออนไลน์หรือแม้กระทั่งการเสนอข่าวที่บางครั้งในปัจจุบันข้อเท็จจริงอาจไม่สำคัญเท่าความบันเทิงของคนดู และสิ่งเหล่านี้คือเห็นได้อย่างแรงจัดชัดจริงเพราะมีผลกระทบต่อตัวละครและความรู้สึกคนดู ทำให้หนังที่อาจไม่ได้เร่งเร้ามากมายแต่มีพลังเพราะมีอะไรให้ขบคิดที่แฝงไว้ในความเหมือนจะไม่มีอะไร เมื่อความรู้สึกไปอยู่ในความรู้สึกอารมณ์ก็ตามมาโดยไม่ต้องบีบคั้นรุนแรงแต่แฝงความหน่วงจนดิ่งลึก ความเยี่ยมของหนังคือการดึงความรู้สึกคนดูไปอยู่ในความรู้สึกของตัวละครที่มันมากกว่าการเหมือนมีส่วนร่วม แน่นอนหนังญี่ปุ่นจะเรียบเรื่อยไม่เร่งไม่บีบไม่ขยี้ค่อยๆเก็บเกี่ยวความรู้สึกและเรื่องนี้ผ่านตัวละครซาโอริ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีใครรับมือได้และไม่มีใครรู้ว่าความรู้สึกข้างในเป็นอย่างไรแต่หนังสามารถถ่ายทอดความรู้สึกหัวใจสาลายนั้นออกมาได้อย่างสัมผัสได้แม้จะเรียบๆง่ายๆ รวมถึงความสับสนใจใจของซึนาดะที่มีอุดมการณ์และเห็นความขัดแย้งในใจเขาเมื่อข่าวที่เสนอด้วยข้อเท็จจริงอาจไม่เป็นที่สนใจ หนังยังเสนอผลกระทบของการเสนอข่าวและความพยายามที่มากเกินไปทำให้กระทบต่อคนที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ แต่สิ่งที่สวยงามคือเมื่อเวลาผ่านไปต่อให้คำว่าหายคือการเลือนหายไปตามกาลเวลาและแม้จะพยายามมีชีวิตต่อไปแต่คงไม่มีอะไรมาลบล้างรอยแผลได้ที่เป็นผลของความหน่วงทางอารมณ์จนจมดิ่งที่ผ่านมา การแสดงที่เฉียบขาดจนรู้สึกได้ว่าแต่ละคนรู้สึกอย่างไรในเวลานั้นๆเพราะหนังเลือกเล่นกับความรู้สึก นี่คือหนังที่ถ่ายทอดความรู้สึกของคนสี่คนที่มีศูนย์กลางอยู่ที่การหายไปของเด็กหญิงคนหนึ่ง แน่นอนคนที่หัวใจแหลกราญปานโลกล่มสลายย่อมเป็นแม่ที่เฝ้าโทษตัวเองเหมือนคนกำลังจะจมน้ำแค่กิ่งไม้เล็กๆลอยมาก็คว้าไว้เพื่อความหวังแต่ต้องพบกับความสิ้นหวังจนเป็นความยอดเยี่ยมของซาโตมิ อิชิฮาระ ส่วนพ่อที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายแม้จะหัวใจสลายไม่ต่างกันแต่ก็ยังต้องมีสติประคองความรู้สึกไว้ไม่แสดงออกก็เป็นความยอดเยี่ยมของมุเนทากะ อาโออิ ส่วนน้องชายที่มีปมในใจและรู้สึกผิดเฝ้าโทษตัวเองพี่สาวก็โทษเขาแถมยังต้องรับมือกับการล่าแม่มดจนชีวิตติดหล่มก็เป็นความยอดเยี่ยมของยูซากุ โมริ และสุดท้ายความสับสนในใจในการเสนอข่าวว่าจะเป็นผลดีกับครอบครัวนี้หรือไม่เพราะที่ผ่านมามีผลกระทบมากมายและความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถทำให้ครอบครัวนี้หาลูกเจอก็เป็นความยอดเยี่ยมของโทโมยะ นากามูระ เป็นความธรรมดาจนเหมือนเป็นเรื่องจริงที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามดูให้รู้ว่าความรู้สึกสุดท้ายจะเป็นอย่างไร ออกตัวไว้ก่อนว่านี่อาจไม่ใช่หนังที่บันเทิงนักเพราะหนังเลือกเล่นกับความรู้สึกมากกว่าการค้นหาเด็กหายจึงแทบไม่มีอะไรมาเป็นพายุรุนแรงให้ตื่นเต้นเร้าใจ แต่หนังออกมาเป็นดราม่าเข้มจัดปานเอสเปรสโซ่ดับเบิลช็อตที่แม้จะเข้มขมแต่ก็คือรสชาติกาแฟแท้ เพราะหนังออกมาเป็นความเรียบง่ายธรรมดาจนเหมือนกับว่านี่คือการดูเรื่องจริงของครอบครัวหนึ่งที่ลูกหายไป แต่ความจริงนั้นมันเจ็บปวดเพราะเมื่อเวลาผ่านไปคนดูก็จะรู้สึกเหมือนที่ตัวละครรู้สึกคือความสิ้นหวังเริ่มย่างกรายเข้ามาแต่สิ่งที่เยี่ยมคือแม้ว่าจะเหมือนสิ้นหวังแต่ในใจยังหวังลึกๆที่คนดูจะรู้สึกตาม เพราะหนังใช้ความรู้สึกของตัวละครที่เชื่อเถอะว่าคงไม่มีใครประสบชะตากรรมแบบนี้แต่ความเจ็บปวดแสนสาหัสของตัวละครได้ครอบงำความรู้สึกคนดูเต็มที่ และสุดท้ายความจริงก็ยังโหดร้ายเสมอเพราะนี่คือหนังที่เหมือนกับเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีบทสรุปสวยหรูเหมือนในนิยาย ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 2,3,4 จาก Instagram netflixjp ภาพที่ 1 จาก X 映画『ミッシング』公式|絶賛公開中 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !