ภาพยนตร์เรื่อง The Desperate Hour ฝ่าวิกฤตวิ่งหนีตาย ผลงานระทึกเรื่องใหม่ของผู้กำกับ “ฟิลลิป นอยซ์” ที่เคยสร้างบทตำนานให้กับ แอนเจลินา โจลี่ มาแล้วในภาพยนตร์สายลับเกินคาดเดา SALT สวยสังหาร และ พลิกซาก ผ่าคดีนรก (The Bone Collector) พร้อมได้นักแสดงสาวมากความสามารถ นาโอมิ วัตต์ส ที่เคยได้แสดงฝืมือมาแล้วอย่าง The Ring (2003), King Kong (2005), The Impossible (2012) และ Diana (2013) ซึ่งตัวเธอเองก็ได้กล่าวถึงสาเหตุที่รับบทเรื่องนี้ไว้ว่า "สาเหตุที่ทำให้ฉันรับบทนี้ เพราะฉันเองก็เป็นคุณแม่ ฉันวิตกและกลัวทุกครั้งที่เห็นข่าวกราดยิงบนหน้าหนังสือพิมพ์ มันมีบางครั้งที่ฉันไปส่งลูกๆ ที่โรงเรียนแล้วโดนความคิดแย่ๆ เข้าครอบงำ คนเป็นแม่ก็อย่างนี้แหละ ตั้งแต่เอาลูกขึ้นนอนสมัยยังเป็นทารก เราก็กังวลว่าเขาจะพลิกตัวหรือเปล่า จะหายใจออกไหม เวลาไปบ้านเพื่อนจะล้มตกบันไดหรือเปล่า มันเป็นความกลัวที่มาพร้อมกับการเป็นแม่คน ยิ่งการที่สถานศึกษาที่มีแต่เด็กๆ กลายมาเป็นเป้าโจมตี" The Desperate Hour เรื่องราวเกี่ยวกับ “เอมี คารร์” (นาโอมิ วัตต์ส) คุณแม่เลี้ยงเดียวที่เพิ่งเสียสามีสุดที่รักไปอีกทั้งความสัมพันธ์กับลูกชายของเธอก็ยังไม่ลงรอยกันอยู่ เช้าวันนึงเธอออกวิ่งจ็อกกิ้งในป่าลึก จู่ๆ เธอได้รับแจ้งข่าวร้ายว่าเกิดเหตุกราดยิงในโรงเรียนมัธยมที่ “โนอาห์” (โคลตัน ก็อบโบ) ลูกชายสุดที่รักของเธอเรียนอยู่ และกำลังอยู่ในอันตรายสุดขีด ด้วยเธออยู่ห่างออกจากเมืองไม่มีคนอยู่ แถมไม่มีรถสักคันผ่านมา เธอจึงต้องออกวิ่งบนระยะทางห่างจากเมืองหลายไมล์ด้วยความวิตกกังวลขั้นสุดเพื่อช่วยเหลือลูกของเธอ โดยมีเพียงโทรศัพท์ที่แบตใกล้จะหมดเป็นที่พึ่งสุดท้ายของเธอ ความรู้สึกที่ได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ถือว่าเป็นหนังแนวระทึกขวัญบีบอารมณ์ที่สนุกใช้ได้เลย ถึงแม้ตัวหนังจะเห็นแค่ นาโอมิ วิ่งตามช่วยลูกในป่าตลอดเกือบทั้งเรื่อง การเดินเรื่องและการแสดงอารมณ์ของเธอก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ถ้าขาดไปคงไม่ใช่หนังที่สนุกน่าติดตามแน่ๆเพราะในตลอดทั้งเรื่องจะเห็นแค่นางเอกวิ่งแข่งกับเวลาในป่าเรื่อยๆพร้อมกับมือถือที่แบตพร้อมจะหมดเมื่อไรก็ได้ ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนดูจะได้ยินแค่เสียงตามโทรศัพท์ และ ภาพข่าวตามโซเชียล มีเดีย เท่านั้น แล้วปล่อยให้คนดูคิดตามพร้อมจินตนาการภาพเอาเองซึ่งทำให้นึกถึงภาพยนตร์แนวเล่าเรื่องผ่านภาพจอคอมอย่าง Unfriended กับซีรีส์สยองเล่าผ่านคลื่นเสียงอย่าง CALLS ซึ่งใครชอบแนวประเภทนี้น่าจะถูกอกถูกใจพอสมควร อีกนึงสิ่งที่ผมถูกใจสุดๆที่ทำให้ดึงคนดูตั้งแต่ต้นจนจบคือความสุดยอดการแสดงของ นาโอมิ วัตต์ส ที่แสดงถึงตัวแทนของความเป็นแม่ เมื่อเกิดเหตุร้ายกับคนที่รักมากที่สุด จะมีความคิดสับสน เครียด กดดันทำไรไม่ถูกต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่มีสิ่งนึงที่ต้องหาวิธียอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยลูกของเธอจากเหตุการณ์สลดให้ได้ ซึ่งเธอก็ทำได้ดีเยี่ยมเลย ทำให้คนดูอินและให้เอาใจช่วยได้อยู่หมัด ด้านข้อเสียคือตัวหนังตั้งใจจะให้เล่าเรื่องแบบเรียลไทม์ 84 นาที ของหนังจริงๆตามที่ตัวละครเจอตลอดทั้งเหตุการณ์ ดังนั้นพล็อตหลักๆประเด็นร้อนของเหตุการณ์ ยิงกราด อาจจะไม่ได้ขยี้ลงลึกชักเท่าไร จึงเป็นอีกจุดที่แอบเสียดายนิดๆอยู่เหมือนกัน สรุป - The Desperate Hour ฝ่าวิกฤตวิ่งหนีตาย เป็นอีกภาพยนตร์แนวระทึกขวัญ ดราม่า ที่สนุกระทึกใช้ได้เลย ถึงแม้จะไม่ได้ขยี้ปมพล็อตหลักอย่าง เหตุการณ์ยิงกราด สักเท่าไร ตัวหนังก็เสริฟฉากระทึกแบบ NON-STOP พร้อมกับการแสดงของ นาโอมิ วัตต์ส ที่แบกบทเล่นคนเดียวพาคนดูอิน ได้อยู่หมัดเลย ถือว่าเป็นอีกโปรแกรมหนังระทึกฟอร์มเล็กที่อยากให้ลิ้มลองกันในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ขอขอบคุณภาพ และเกร็ดน่ารู้ของหนัง จาก สหมงคลฟิลม์ อินเตอร์เนชั่นเนลภาพที่ 1 , ภาพที่ 2 , ภาพที่ 3 , ภาพที่ 4 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !