Movie ReviewKyrie คิริเอะ เพลงรักคือเธอ (2023)ความชัดเจนบนความคลุมเครือเมื่อเพลงโดดเด่นสะกดใจจนความสัมพันธ์ดูไม่ชัดแต่สุดท้ายก็ชัดเพราะเพลงรักคือเธอ...จริงๆผู้เขียนเองอาจดูหนังได้ทุกชาติทุกภาษาก็จริงแต่ถ้าเอาที่เห็นไม่ได้จริงๆคงจะเป็นไม่เกาหลีก็ญี่ปุ่นหรือไต้หวันนี่ล่ะที่เห็นเป็นไม่ได้ยังไงก็ต้องเปิดดูให้รู้กันไปว่ามันจะเป็นเช่นไรอันนี้ว่ากันที่ในปัจจุบัน อาจเพราะหนังจากสามชาตินี้ที่มีมาให้ดูคือผ่านการคัดสรรมาแล้วระดับหนึ่งจึงสามารถจิ้มดูได้โดยไม่ต้องสุ่มเสี่ยงกับความผิดหวังในใจมากนัก โดยเฉพาะหนังญี่ปุ่นที่อาจเรียกได้ว่าเป็นหนังเฉพาะกลุ่มด้วยซ้ำเพราะความที่ทางญี่ปุ่นจะมีเอกลักษณ์ที่ค่อนข้างไม่เอาใจคนดูนั่นคือมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ทั้งการเล่าเรื่องที่ค่อยๆเล่าจนบางครั้งคนดูที่ต้องการความหวือหวาหมาเห่าบอกว่ามันเป็นความน่าเบื่อแต่ถ้าเข้าใจในความเป็นญี่ปุ่นจะรู้ว่านั่นคือการเก็บเกี่ยวอารมณ์ความรู้สึก หนังญี่ปุ่นจะค่อนข้างนิ่งๆเงียบๆบางครั้งเหมืนคนนั่งเหม่อมองอะไรบางอย่างด้วยสมองที่ว่างเปล่าแต่นั่นคือการท้าทายให้สมองคนดูคิดว่าสิ่งที่ตาเห็นบนจอนั้นคืออะไร ซึ่งถ้าคนที่เข้าใจในความเป็นหนังญี่ปุ่นและคุ้นเคยกับการดูหนังญี่ปุ่นจะรักหนังญี่ปุ่นเช่นเดียวกับผู้เขียนคิริเอะ (ไอนะ ดิ เอนด์) คือนักร้องเปิดหมวกที่พลังเสียงดีแต่เสียงพูดไม่ออกเธอเดินทางมาโตเกียวแล้วได้พบกับอิกโกะ (ซึสึ ฮิโรเสะ) แล้วกลายเป็นว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนที่คิริเอะชื่อว่ารุกะและอิกโกะคือมาโอริ แล้วเรื่องก็ย้อนกลับไปเมื่อสิบสามปีก่อนที่โอซาก้ารุกะในวัยเด็กเหมือนเป็นเด็กหลงทางและด้วยความที่เธอพูดเสียงไม่ออกจึงเหมือนกับพูดไม่ได้จนมาพบกับครูชั้นประถมผู้อารีชื่อฟูมิ เทราอิชิ (ฮารุ คุโรกิ) แล้วเรื่องก็สาวไปถึงที่มาของรุกะที่เป็นน้องของแฟนสาวของนัทสึฮิโกะ ชิโอมิ (ฮารุโตะ มัตสึมูระ) ที่สูญหายไปกับสึนามิที่เป็นที่มาของชื่อคิริเิอะของรุกะ ส่วนในปัจจุบันอิกโกะหรือมาโอริก็เข้ามาเป็นผู้จัดการศิลปินของคิริเอะหรือรุกะซึ่งก็เป็นไปด้วยดีถ้าไม่ใช่ว่าอิกโกะต้องหนีคดีต้มตุ๋นและนั่นพาให้นัทสึฮิโกะได้มาพบน้องสาวของแฟนตัวเองที่หายไปและหน้าตายังเหมือนกัน แล้วเรื่องราวของคนสี่คนนี้จะเกี่ยวพันกันยังไงความสัมพันธ์ที่ขาดหายไประหว่างทางเมื่อเชื่อมกันแล้วจะส่งผลอะไรกับพวกเขากันแน่การเล่าเรื่องหลายมุมหากแต่มีโฟกัสที่จุดเดียวที่ชัดเจนนับเป็นความร้ายกาจ แรกเลยที่ต้องซูฮกคือบทหนังของเจ้าของนิยายและลงมือกำกับเองโดยชินจิ อิวาอิที่ยังคงเล่าเรื่องอย่างฉลาด ด้วยการเล่าด้วยความหม่นหมองและเล่าหลายมุมจากหลายคนแต่มีโฟกัสที่จุดเดียวที่ทรงของหนังอาจคล้ายกับ Last Letter (2020) งานเรื่องเยี่ยมเรื่องนั้นที่โฟกัสที่ความรู้สึกของบุคคลหนึ่งแต่เล่าจากหลายทางเพื่อให้เห็นชัดที่จุดเดียว เช่นกันเรื่องนี้ยังคงเล่าจากหลายทางเพื่อโฟกัสไปที่ตัวละครคิริเอะที่เหมือนเป็นปริศนาและเป็นปัญหาให้ขบคิดในหลายมิติ ทำให้ตัวละครมีความลึกและน่าค้นหาในตัวซึ่งนั่นส่งผลกับตัวหนังให้น่าค้นหาไม่แพ้กันโดยวางความต้องการพื้นฐานของคนดูเป็นตัวหลอก นั่นคือเมื่อเรืองเล่าถึงนักดนตรีพรสวรรค์ที่เข้ากรุงมาร้อยทั้งร้อยจะคิดว่ามาตามล่าฝันละอยากเห็นสิ่งนั้นในบั้นปลาย แต่สุดท้ายกลายเป็นการค้นหาบางอย่างที่อาจต้องคิดและตีความตามสไตล์หนังญี่ปุ่นซึ่งการเล่าเรื่องแบบนี้มันอาจลึกซึ้งแต่ถ้าเข้าถึงก็ตรึงใจบนความสัมพันธ์ที่ดูคลุมเครือกลับมองเห็นบางอย่างชัดเจนที่ตั้งบนความสงสัยปนสงสารประมาณได้ใจไปค่อนตัว เมื่อเรื่องเล่าจากหลายทางโดยมีคนสี่คนพัวพันกันโดยมีโฟกัสหลักที่ตัวคิริเอะที่เป็นชื่อเรื่อง สิ่งที่ต้องมีคือมิติเชิงความสัมพันธ์ที่จะต้องพุ่งตรงไปยังคิริเอะที่หลากหลายมิติที่โดยทั่วไปมักจะชี้ชัดไปเลยว่าเป็นความสัมพันธ์แบบไหน แต่เมื่อหนังเลือกเป็นความน่าค้นหาความสัมพันธ์ที่ว่ามาเลยดูคลุมเครือเมื่อมาพาดทับกับตัวคิริเอะที่ตัวละครน่าค้นหาทิ้งปริศนาไว้ตั้งแต่ต้น ยิ่งเวลาผ่านไปพร้อมกับการเล่าเรื่องที่ไม่เรียงเวลาสลับไปมาปริศนาในตัวคิริเอะยิ่งน่าสงสัยอาจเพราะคนดูสงสารเพราะเอาจริงคือหนังทิ้งน้ำหนักไปทางที่ว่าเวลาที่ผ่านมาถึงตรงนี้คิริเอะต้องผ่านต้องเจออะไรมาบ้าง นั่นหมายความว่าตัวละครได้ใจคนดูไปแล้วครึ่งค่อนตัวทำให้โฟกัสทางหัวใจคนดูชัดที่คิริเอะ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทุกความสัมพันธ์โดยเฉพาะระหว่างนัทสึฮิโกะกับคิริเอะที่คือรุกะหรือระหว่างอิกโกะกับคิริเอะคืออะไรจนหยุดดูไม่ได้เช่นกันจะมีหนังกี่เรื่องที่ความรู้สึกอยากดูหรืออยากฟังตัวละครร้องเพลงมากกว่าเพราะเพลงโดดเด่นสะกดใจมากกว่าตัวเรื่อง ความจริงหนังญี่ปุ่นจะเป็นแบบนี้เสมอที่เพลงประกอบจะโดดเด่นจนบางครั้งทำหน้าที่บอกเล่าหรือสื่ออารมณ์ออกมาได้ แต่หนังบางเรื่องที่ใช้เพลงเป็นตัวเดินเรื่องผ่านเนื้อหาของบทเพลงที่ร้องผ่านการเล่าเรื่องที่เรียกว่าหนังเพลงก็มีแต่เรื่องนี้ดูจะไม่ใช่เพราะไม่ถึงขนาดนั้น เพราะหนังเหมือนใช้บทเพลงโดยเฉพาะเพลงของคิริเอะเป็นตัวช่วยปลอบประโลมตัวเธอเองผ่านการร้องเพลง ซึ่งมันชัดเจนตรงที่เมื่อเธอพูดไม่มีเสียงแต่ทันทีที่เปล่งเสียงร้องพลังเสียงที่แหบแต่มีเสน่ห์เนื้อเสียงมีแรงดึงดูดจะเหมือนกับตัวคิริเอะได้ปลดปล่อยและล่องลอยไปกับความในใจที่ส่งผ่านบทเพลงของเธอ แน่นอนมันทำให้เพลงมีพลังมากกว่าเนื้อหาแต่นั่นอาจเป็นความตั้งใจมาเป็นแบบนี้ที่ให้เพลงสะกดใจคนดู เพื่อที่จะไปค้นหาความเป็นคิริเอะที่ถ้าเป็นแบบนั้นก็นับว่าอัจฉริยะที่อาจมีไม่บ่อยที่ระหว่างดูอยากเห็นและอยากฟังเพลงมากกว่าอีกครั้งที่การเอานักร้องมาแสดงหนังและทำได้ดีแต่ก็มันเหตุผลอันควร สารภาพว่าผู้เขียนคิดถึงหนังอีกเรื่องคือ The 100th Love with You (2017) เมื่อดูจบที่เนื้อหาอาจไปคนละทางคนละโทน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือการเอานักร้องนักแต่งเพลงมาแสดงซึ่งเรื่องนั้นคือมิวะและเรื่องนี้คือไอนะ ดิ เอนด์ ความเหมือนของสองคนนอกจากพลังเสียงในการร้องเพลงที่เนื้อเสียงอาจต่างแต่ความสวยที่บอกตรงๆคือถ้าไม่อยู่ในหนังที่เหมือนเอาตัวตนของพวกเธอมาเขียนเสน่ห์อาจไม่มากพอ เพราะพลังดารายังไม่ถึงแต่เมื่อบทหนังได้ถูกสร้างมาเพื่อพวกเธอเสน่ห์ในแบบของตัวเองจึงออกมาและยิ่งเรื่องนี้ไม่มีโทนโรแมนติกแต่ไปทางดราม่าจัดๆจึงต้องยกย่องการแสดงของไอนะ ดิ เอนด์เป็นปฐม เพราะทั้งเรื่องคือหนังของเธอที่ให้เธอเป็นคนพาเรื่องไปโดยให้นักแสดงมากฝีมืออย่างซึสึ ฮิโรเสะมาประคองโดยมีฮารุ คิโรกิกับฮารุโตะ มัตสึมูระมาช่วยเสริม ทำให้หนังที่เล่าเรื่องด้วยเพลงใช้นักร้องที่เล่นหนังได้ดีเป็นแรงดึงดูดเป็นคุณค่าที่คู่ควรนี่ไม่ใช่หนังโรแมนติกแน่ๆแม้จะสัมผัสถึงความรักแต่นี่คือหนังดราม่าที่เพลงจะพาหัวใจให้ล่องลอยไปกับเรื่องที่เล่า ด้วยชื่อไทยว่า "คิริเอะ เพลงรักคือเธอ" อาจมีไม่น้อยที่คิดไปทางโรแมนติกดราม่าที่ญี่ปุ่นถนัดมือ แต่ชื่อก็ไม่ได้ผิดเพี้ยนกลับกันคือตรงตัวด้วยซ้ำเพราะเนื้อหาออกมาแบบนั้นจริงๆว่าเพลงรักก็คือคิริเอะและคิริเอะก็คือเพลงรักเพราะเมื่อตัวละครคิริเอะขึ้นจอคนดูจะอยากเห็นเธอปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับการร้องเพลง แน่นอนเพลงของเธอที่ต้องขอบคุณที่ทำซับไทยเนื้อเพลงมาให้จึงรู้ว่าเพลงก็คือเธอและเธอก็คือเพลง เพราะสามารถสัมผัสได้ถึงความรักที่ส่งผ่านออกมาแม้จะไม่รู้ชัดว่าเป็นความรักแบบไหนด้วยความตั้งใจคลุมเครือ แต่แม้จะเห็นความรักแต่ความโรแมนติกที่พาดทับกับตัวคิริเอะหรือรุกะกลับไม่มีความโรแมนติกด้วยเหตุผลที่เอ่ยมานั้น อาจเหมือนเรื่องดูเรียบเรื่อยไม่ค่อยคมชัดทางความรู้สึกแต่ถ้าจับสัมผัสได้ไม่มีทางที่จะไม่ตรึงใจโดยมีเพลงเป็นพลังทำให้ล่องลอยไปพร้อมกับคิริเอะได้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram kyrie_uta ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้ https://entertainment.trueid.net/detail/OzP9wq6b7B02เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !