ใครที่โตมากับยุคทองของโชเน็นอนิเมะยุค 2000 ชื่อของ Bleach หรือ เทพมรณะ คงเป็นหนึ่งในเรื่องที่ติดลิสต์โปรดแน่นอน และหลังจากที่อนิเมะต้นฉบับจบลงไปแบบ “ยังไม่ถึงปลายทาง” มานานกว่า 10 ปี ในที่สุดปี 2022 ก็มีข่าวดีว่า Bleach: Thousand-Year Blood War หรือ สงครามเลือดพันปี จะถูกนำมาทำเป็นอนิเมะแบบเต็ม ๆ จบสมบูรณ์ ซึ่งนั่นแหละเป็นจุดที่ทำให้ผมกลับมาหยิบดาบฟันวิญญาณขึ้นมาอีกครั้ง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! ตอนแรกก็แอบกลัวเหมือนกันนะว่า การกลับมารอบนี้จะทำได้ดีแค่ไหน เพราะเนื้อเรื่องช่วงนี้ในมังงะเองก็เคยมีเสียงวิจารณ์อยู่พอสมควร แต่พอได้ดูจริง ๆ ผมขอบอกเลยว่า นี่ไม่ใช่แค่การ “สานต่อ” แต่เป็นการ “ยกระดับ” Bleach ให้กลายเป็นอนิเมะที่มีคุณภาพในระดับที่น่าทึ่งมากจริง ๆ ก่อนอื่นใครที่หลุดวงโคจรไปนาน ขอเล่าคร่าว ๆ ว่า Thousand-Year Blood War เป็นอาร์คสุดท้ายของมังงะ Bleach โดยเนื้อเรื่องจะเล่าถึงการรุกรานของ ควินซี่ กลุ่ม Wandenreich ที่นำโดย Yhwach ราชาแห่งควินซี่ ที่โผล่มาประกาศสงครามกับ Soul Society แบบไม่ให้ตั้งตัว ตัวเรื่องเดินไปเร็ว รุนแรง และดาร์กกว่าที่เคยมาก เรียกได้ว่าไม่มีพื้นที่ให้หยุดหายใจเลย ตอนที่ผมเริ่มดู The Blood Warfare ซึ่งเป็นคอร์แรกของอนิเมะชุดนี้ สิ่งแรกที่รู้สึกคือ ภาพสวยชัดจนน่าเหลือเชื่อ งานภาพของ Studio Pierrot เหมือนเปลี่ยนมือคนทำไปเลย (ในทางที่ดี) แสง สี คาแรคเตอร์ดีไซน์ ลื่นและคมกริบ โดยเฉพาะฉากแอคชั่น บอกเลยว่าแทบไม่มีฉากหลุด การเล่าเรื่องก็ปรับให้กระชับขึ้น ไม่อืดเหมือนตอนช่วงกลางของอนิเมะภาคเก่า แถมพวกฉากสำคัญอย่างการสูญเสียของตัวละครหลัก การสู้ของกัปตัน หรือแม้แต่พลังใหม่ของอิจิโกะ ก็ถูกขับเน้นด้วยการกำกับและดนตรีที่ทำให้ขนลุกได้จริง ๆ หนึ่งในซีนที่ผมอินสุด ๆ คือตอนกัปตันยามาโมโตะบุกไปหา Yhwach แล้วใช้ Bankai อื้อหือ! ผมไม่สปอยล์นะ แต่บอกเลยว่า ขนาดดูตอนตีสอง ยังนั่งหลังตรงได้โดยไม่รู้ตัว อีกอย่างที่ต้องพูดถึงคือเพลงประกอบ ไม่ว่าจะเป็น Scar ของ Tatsuya Kitani หรือ Saihate ที่มาในช่วงจบแต่ละตอน มันช่วยเสริมอารมณ์ตอนนั้นได้แบบไม่ขัดเขินเลย และพอเข้า The Separation กับ The Conflict ก็ยังรักษาคุณภาพไว้ได้ดี เพลงเปลี่ยนแต่ความรู้สึกยังลึกเหมือนเดิม และสำหรับคนที่เคยบ่นว่า Bleach มีแต่ตัวละครเยอะ ๆ แล้วไม่ปั้นใครให้เด่นพอ ช่วงนี้จะได้เห็นพัฒนาการของหลายตัว เช่น Renji, Rukia, Kenpachi หรือแม้แต่ Mayuri ที่บทเด่นจนรู้สึกว่า “แกนี่มันตัวละครเอกเงา ๆ เลยนะ” เรื่องนี้ใช้วิธีเล่าหลายเส้นเรื่องสลับกันแบบไม่สับสน ช่วยทำให้แฟนเก่า ๆ รู้สึกว่าทุกคนยังมีค่ากับโลกของ Bleach อยู่จริง ๆ การกลับมาของ Bleach ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ตอบแทนแฟนเก่าที่รอมาเป็นสิบปี แต่ยังเป็นการย้ำว่า “อนิเมะโชเน็นระดับตำนานก็สามารถ Reboot คุณภาพได้ถ้าทำด้วยใจ” ผมเองเป็นคนที่อ่านมังงะจบไปนานมากแล้ว แต่พอกลับมาดู Thousand-Year Blood War ผมรู้สึกเหมือนได้ย้อนวัยตัวเองอีกครั้ง ยิ่งดูยิ่งคิดถึงตอนนั่งหน้าทีวีดู Ichigo ปะทะพวกอารันคาร์กับเพื่อน ๆ สมัยมัธยม ความประทับใจมันไม่ได้มาจากฉากสู้อลังการอย่างเดียว แต่มาจากความรู้สึกว่า “เรื่องนี้เคยมีค่ากับเรายังไง…มันยังมีค่านั้นอยู่เหมือนเดิม” อาจจะมีบางจังหวะที่การเล่าเรื่องเร็วไปหน่อย หรือบางตัวละครยังโดนทิ้งบ้าง แต่โดยรวมแล้ว ถ้าคุณเคยรัก Bleach มาก่อน หรือกำลังมองหาอนิเมะแอคชั่นเนื้อเรื่องแน่น ๆ ภาพสวย ดนตรีปัง และมีอะไรให้ตามต่อทุกตอน ผมว่า Bleach: Thousand-Year Blood War เป็นคำตอบที่ไม่ควรมองข้ามเลย รูปภาพปกทั้งหมดจาก x.com เจ้าของภาพ 【公式】TVアニメ『BLEACH』 :|: รูปภาพปกที่ 1 รูปภาพประกอบทั้งหมดจาก x.com เจ้าของภาพ 【公式】TVアニメ『BLEACH』 :|: รูปภาพประกอบที่ 1 | รูปภาพประกอบที่ 2 | รูปภาพประกอบที่ 3 | รูปภาพประกอบที่ 4 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !