"The Crown Season 2 " ไม่มีใครสร้างประวัติศาสตร์ได้ โดยไม่ทำอะไรเลย กลับมาอีกครั้งกับThe Crown Season 2 บอกได้เลยว่าซีซั่นนี้เข้มข้นกว่าซีซั่นแรก ผู้เขียนบทและกำกับยังคงเป็น ปีเตอร์ มอร์แกน เริ่มออกอากาศทาง Netflix เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2566 ใครที่ยังไม่เคยรับชมบอกเลยห้ามพลาดเพราะเป็นภาพยนตร์นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร จะสนุกแค่ไหนมาเริ่มกันเลย"ตัวอย่างภาพยนตร์The Crown Season 2"เรื่องย่อ ข่าวฉาวระหว่างควีนเอลิซาเบธและเจ้าชายฟิลิปเมื่อทั้งคู่ต้องห่างกัน มีเรื่องราวเกิดขึ้นจนทำให้ทางรัฐบาลต้องปกป้องสถานภาพความสัมพันธ์ เรื่องการแต่งงานของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตกับชายชื่อว่าโทนี อาร์มสตรอง-โจนส์ ทำไมคำสัญญาของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตและปีเตอร์ถึงยุติลงรวมไปถึงเหตุการณ์บ้านเมืองแสนวุ่นวาย ควีนเอลิซาเบธจะแก้ไขปัญหาทั้งหมดและประคองชีวิตคู่ของตนเองต่อไปอย่างไรติดตามได้ใน "The Crown Season 2 " ถึงวันที่ 14 ธันวาคมโครงเรื่อง พูดเรื่องความสัมพันธ์ของควีนเอลิซาเบธและเจ้าชายฟิลิปที่เกิดความกระท่อนกระแท่นมากขึ้นจนเกิดเป็นข่าวดังลงหน้าหนังสือพิมพ์ จากความห่างเหินกันด้วยภาระหน้าที่ ไหนจะเรื่องของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต แอบบอกว่าซีซั่นนี้เจ้าหญิงแซ่บขึ้นกว่าเดิม เมื่อเวลาเปลี่ยนก็ต้องมูฟออนต่อไปจนเจ้าหญิงได้พบเข้ากับโทนี อาร์มสตรอง-โจนส์ ชายหนุ่มผู้พราวเสน่ห์มีดีกรีเป็นถึงตากล้องดัง และเรื่องราวในประวัติศาสตร์น่าสนใจอีกมากมาย เรื่องจะเป็นอย่างไรติดตามต่อใน "The Crown Season 2 " ถึงวันที่ 14 ธันวาคม"บทบาทใน The Crown2"Queen Elizabeth รับบทโดย Claire Foy ควีนเอลิซาเบธในซีซั่นนี้นอกจากความสุขม อดทนอดกลั้น รับฟังรัฐบาลมาโดยตลอดแต่ครั้งนี้ไม่อีกต่อไปและเลือกที่จะตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยความห้าวหาญ มีความสมเหตุสมผลมากขึ้นด้วยวุฒิภาวะ ส่วนการแสดงออกทางอารมณ์นั้นก็อย่างตรงไปตรงมาไม่เก็บเงียบเหมือนก่อน ไม่ยอมให้คนมาดูถูก ส่วนปัญหาเรื่องความล้าหลังควีนเอลิซาเบธเลือกที่จะรับฟังและแก้ไขปัญหาได้อย่างยอดเยี่ยมPrince Philip, Duke of Edinburgh รับบทโดย Matt Smith เจ้าชายฟิลิปมีบทบาทมากขึ้นภูมิหลังเป็นเด็กที่เติบโตมาด้วยสังคมที่คอยบีบบังคับให้เป็นคนแข็งแกร่ง แม้ว่าจะกลายเป็นความอ่อนไหวในจิตใจจึงไม่ชอบให้ใครมารู้เรื่องส่วนตัว เป็นผู้ชายชอบเข้าสังคม รักสนุก ไม่ชอบการเป็นจุดสนใจแต่หลายครั้งมักถูกจับเป็นประเด็นจากการทำงานหรือการเข้าร่วมสมาคมต่างๆ เจ้าอารมณ์ ความน่ารักของเจ้าชายฟิลิปคือชอบแหย่ภรรยาของตัวเองPrincess Margaret รับบทโดย Vanessa Kirby เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตในซีซั่นนี้เราจะได้เห็นความรู้สึกในใจของเจ้าหญิงมากขึ้นจากการสูญเสียปีเตอร์ไปนั่นส่งผลขนาดไหน ถูกแม่บังคับให้หาคู่ จนเธอได้พบกับ โทนี อาร์มสตรอง-โจนส์ ผู้เปิดโลกใบใหม่ รวมถึงการเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ที่มีอิสระในการเลือกทุกสิ่งAntony Armstrong-Jones รับบทโดย Matthew Goode ตัวละครใหม่มีปมในจิตใจ เขาอยากให้แม่รักและภูมิจึงแต่งงานกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต มีความสามารถในการถ่ายภาพที่ร่วมสมัยไม่เก่าแก่หัวโบราณ ชอบอิสระเป็นอย่างมากไม่สนใจเรื่องศาสนาแม้แต่เรื่องการแต่งงานเขามองว่ามันคือความผูกมัดไม่ใช่ความสุข Queen Elizabeth the Queen Mother รับบทโดย Victoria Hamilton เป็นผู้รับฟังและช่วยเหลือลูกสาวสุดที่รักอยู่เสมอ หลายๆครั้งเมื่อเอลิซาเบธเจอปัญหาใหม่ๆแม่จะคอยเป็นห่วงและช่วยแก้ไขปัญหา ได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นชอบเข้าสังคม สังสรรค์ ไม่มีมุมอ่อนแอให้เห็นเหมือนซีซั่นที่แล้วKing Edward VIII รับบทโดย Alex Jennings เจ้าชายเอ็ดเวิร์ดยังคงพยายามเอาตัวเข้ามาเพื่อมีบทบาทหน้าที่ในบ้านเกิดของตน แต่ด้วยความลับร้ายแรงถูกเปิดเผยจึงมีอุปสรรค์ในการพาตัวเองและภรรยากลับมา ยังคงรักภรรยามากคอยเขียนจดหมายส่งถึงภรรยาทุกครั้งด้วยความรักและคิดถึงAnthony Eden รับบทโดย Jeremy Northam นายกรัฐมนตรีกลุ่มอนุรักษ์นิยมจากซีซั่นก่อนป่วยหนักอยู่แล้วแต่พยายามเขี่ยวิสตันออกจากเก้าอี้นายกจนได้ขึ้นรับตำแหน่งต่อ ในหน้าที่การงานหลายครั้งการตัดใจของเขานำมาซึ่งหายนะของประเทศจนทำให้ประชาชนสาปส่งจนอาการป่วยทรุดลงยิ่งกว่าเดิมHarold Macmillan รับบทโดย Anton Lesser นายกรัฐมนตรีที่ขึ้นต่อจากอีเดน ถูกควีนเอลิซาเบธประนามว่าเป็นนายกที่อ่อนแอจากการโจมตีของประชาชนเขามองว่าตัวเองไม่ต่างจากตัวตลกจึงหาทางออกจากการเป็นนายกPrince Charles รับบทโดย Julian Baring เจ้าชายชาร์ลส์ในวัยเด็กถูกเลี้ยงอย่างประคบประหงมเจ้าชายฟิลิปจึงส่งเจ้าชายชาร์ลส์ไปเรียนต่างประเทศเพื่อฝึกความอดทนแต่การส่งไปเรียนครั้งนี้ทำให้ยิ่งเกิดความเหินห่างระหว่างพ่อและลูก"ปัญหาบางส่วนในเรื่อง"ปัญหาเรื่องข่าวเล่นงานความสัมพันธ์ของควีนเอลิซาเบธและเจ้าชายฟิลิปอียิปต์ยึดคลองสุเอชจากอังกฤษคืนAnthony Eden ลาออกจากการเป็นนายกLord Altrincham วิพากษ์วิจารณ์ควีนเอลิซาเบธด้วยถ้อยคำรุนแรงKennedy Onassis พูดล่วงเกินควีนเอลิซาเบธความสนุกของ The Crown Season 2 The Crown ซีซั่นนี้ตัวละครเติบโตขึ้นมีการเปลี่ยนแปลง ได้รู้จักนิสัยของตัวละครมากขึ้น รู้จักเจ้าชายฟิลิปในวัยเด็กที่เคยมีปมมาก่อน ควีนเลือกที่จะไม่เงียบเหมือนที่ย่าสอน ชอบที่ควีนเอลิซาเบธเลือกที่จะปรับเปลี่ยนทุกอย่างเป็นไปตามกาลเวลา มีความเท่าเทียมแสดงให้ประชาชนเห็นว่าราชาสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่แบ่งชนชั้นเหยียดสีผิวและได้รับนามว่าเป็นนักสังคมนิยม เลือกปกป้องคนที่ควรจะปกป้องไม่ใช่เพียงความเห็นใจ เจ้าหญิงมาร์กาเร็ตที่หัวใจแตกสลายซ้ำๆ จนเธอต้องแสดงให้ผู้คนภายนอกว่าเธอนั้นเข้มแข็ง ได้เห็นว่าการนั่งบนบัลลังก์ไม่ได้แปลว่าจะตัดสินใจได้ทุกอย่างเพราะพวกรัฐบาลคอยจับตาดูอยู่ ขณะเดียวกันเมื่อเกิดเรื่องฉาวในวังรัฐบาลมีหน้าที่ปกป้องราชวงศ์เพื่อการมีอยู่ของระบบเทวราชาต่อไป ในส่วนของตอนจบเป็นการจบแบบปลายเปิดมองว่าเป็นสิ่งที่ดี ให้ผู้ชมคิดต่อกันเองเพราะไม่มีใครรู้ความจริงแน่ชัดนอกจากตัวพระองค์เองนักแสดง บอกก่อนเลยว่าทุกตัวละครเล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ได้เห็นการปะทะอารมณ์ของเจ้าชายและควีนรวมไปถึงการพูดคุยถึงปัญหาทุกอย่างเพื่อให้ทั้งคู่จับมือเดินต่อไปได้ ควีนเอลิซาเบธจะมีสองฉากที่ชอบ ฉากแรกคือฉากที่ Lord Altrincham ติด้วยถ้อยคำรุนแรงจนควีนต้องขอเข้าพบเป็นการส่วนตัว ควีนเอลิซาเบธเลือกแต่งตัวชุดโทนแดงน้ำตาล ทาลิปสติกสีแดงรวมถึงถามขยี้คำที่ด่า ส่วนอีกฉากคือ Kennedy พูดจาล่วงเกินควีน เมื่อเคนเนดี้รู้จึงขอเข้าพบเพื่อทำการขอโทษ ควีนเลือกที่จะไม่ให้เข้าพบที่วังและแสดงอาการไม่ให้เกียติเคนเนดี้ ส่วนเจ้าชายฟิลิปช็อตฟิลเก่งมากปากแซ่บไม่ไหว แซวภรรยาไม่หยุดแต่เป็นซีนสร้างเสียงหัวเราะได้ ต่อมาความเผ็ดของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตไม่ว่าจะสไตล์การแต่งหน้าแต่งตัว ชอบฉากระเบิดอารมณ์ของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตแสดงดีมากเป็นฉากที่เจ้าหญิงผิดหวังอีกครั้งซึ่งมันแสดงออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ในการแสดงท่าทางของตัวละครมันสุดมากในความรู้สึกทั้งเสียใจ โกรธในเวลาเดียวกันเห็นใจตัวละครนี้มากๆ รวมไปถึงตัวละครอื่นๆทุกคนเข้าถึงบทบาทอารมณ์เราเป็นคนดูรู้สึกอิน แอบเสียดายที่ซีซั่นต่อไปจะไม่ได้เห็นนักแสดงวัยนี้แล้วองค์ประกอบรวม The Crown Season 2 ยังคงสวยงาม ยิ่งใหญ่ หรูหราเหมือนเดิม ทิศทางแสงทุกอย่างเซตมาเข้ากับบรรยากาศ งานคอสตูมแสดงความเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน ชุดของควีนเอลิซาเบธในครั้งนี้จะเรียบหรู มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ผิดกับเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตผู้ที่มีความโดดเด่นด้านแฟนชั่น ชุดจึงมีความหลากหลายบ่งบอกถึงความสมัยใหม่เท่าเทียมเช่นการใส่กางเกง สีนั้นฉูดฉาด ส่วนเพลงยิ่งเป็นฉากสำคัญดนตรียิ่งส่งให้เรารู้สึกลุ้นระทึกไปด้วย ชอบเพลงที่บ่งบอกความรู้สึกของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตเวลาเธอรู้สึกอะไรมักจะเปิดเพลงตามอารมณ์ซึ่งทำให้ง่ายต่อการเข้าใจตัวละคร"ข้อคิด"การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแต่การไม่ทำอะไรเลยต่างหากจะนำไปสู่หายนะเมื่อไม่สามารถให้อภัยได้ก็หันมาให้อภัยตัวเองเสียพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส"Spoil The Crown Season 2""แม้ต้องลำบากใหญ่หลวง ข้าก็มาถึงตรงนี้และข้าไม่นึกเสียใจกับปัญหามากมายที่ข้าเจอ เพื่อให้มาถึงยังจุดนี้"สามารถอ่านบทความรีวิวThe Crownซีซั่นอื่นๆต่อได้ในช่องค่ะเครดิต ขอบคุณรูปภาพและวิดีโอจาก The Crown / NetflixThe Crown : ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3 ภาพที่4 ภาพที่5 ภาพที่6 ภาพที่7 ภาพที่8 ภาพที่9 ภาพที่10 ภาพที่11 ภาพที่12 ภาพที่13 ภาพที่14 ภาพที่15 ภาพที่16 ภาพปก Netflix : The Crown - Season 2 บทความเพิ่มเติมSeason 1 : "The Crown" เมื่อหน้าที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด อาจทำให้ต้องละทิ้งคนสำคัญอย่างไม่อาจย้อนคืนคอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน