Short CommentSweet Home 2 (2023)คงคอนเซปต์ยำของเก่ามาเล่าใหม่อย่างเคร่งครัดแต่เปลี่ยนจากเคร่งตึงมาเป็นกระจัดกระจายสุดท้ายอารมณ์เปลี่ยนเมื่อสองปีที่แล้วมีซีรีส์เกาหลีแนวสัตว์ประหลาดที่ออกมาเป็นความบันเทิงที่เข้าท่าเพราะสามารถดูจบได้รวดเดียวที่เป็นงานแรกๆกระมังถ้าว่ากันที่ซีรีส์เกาหลีที่เป็นงาน Original ของ NETFLIX จำได้ว่าตอนนั้นผู้เขียนดูกับคนรักหนังตัวเล็กที่เมื่อตอนนั้นอายุสิบสามแบบรวดเดียวจบแปดตอนในวันเสาร์แบบนี้เลยที่คนรักหนังตัวเล็กชอบเรื่องนี้มาก ซึ่งมันคือความบันเทิงแบบการณ์ตูนๆที่ก็แน่นอนเพราะสร้างมาจากเว็บตูนที่เด็กวัยพรีทีนจะชอบด้วยการออกแบบสัตว์ประหลาดที่ดีเขาว่าแบบนั้น กระนั้นในความทรงจำของผู้เขียนที่ไม่ได้ไปย้อนดูซีซันแรกหรอกแต่ย้อนกลับไปอ่านงานเขียนเก่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ก็พึงเข้าใจว่าไม่ได้มีอะไรติดใจขนาดนั้น แต่แม้จะไม่ได้ประทับใจมากมายก็ยังจำได้และดูสนุกในระดับที่ควรเป็นแม้จะมีบางช่วงที่เอื่อยเฉื่อยเพราะการเล่าเรื่องดราม่าและการพยายามมีความหมายในงานที่น่าจะอัดความบันเทิงเข้าใส่แบบนี้ แต่เมื่อดูซีซันแรกแล้วทิ้งท้ายไว้อย่างนั้นมันก็คือหน้าที่ที่จะต้องดูซีซันสองจึงได้โอกาสลูกกลับบ้านมาก็เปิดดูกับลูกคนเล็กพร้อมกันกับการสานต่อครั้งนี่และผลลัพธ์ก็ออกมาดังนี้หลังจากที่อพาร์ทเมนต์กรีนโฮมล่มสลายเหล่าผู้พักอาศัยต่างต้องย้ายไปกับรถทหารนำโดยอีอึนยู (โกมินซี) และยุนจีซู (พัคกยูยอง) ส่วนชาฮยอนซู (ซงคัง) ที่เป็นผู้ติดเชื้อระดับพิเศษที่กำลังจะถูกส่งเข้าห้องทดลองก็ถูกลักพาตัวไปโดยพยอนซังอุค (อีจินอุค) แล้วซออีคยอง (อีซียอง) ที่เพิ่งทราบว่าตัวเองตั้งท้องก็ตัดสินใจกลับเข้ากองทัพเพื่อไปตามหาสามี แต่เหตุการณ์ก็บานปลายเมื่อที่พึ่งพิงสุดท้ายของประชาชนถูกถล่มเพราะผู้นำประเทศต้องการตัดไฟแต่ต้นลมทำให้ประชาชนต้องลงไปอยู่ไต้ดินของสนามกีฬา หนึ่งปีผ่านไปอีอึนยูยังคงออกมาข้างนอกเพื่อตามหาพี่ชายที่เธอคิดว่ากลายเป็นสัตว์ประหลาดที่คอยคุ้มครองเธอคืออีอึนฮยอก (อีโฮยอน) ในขณะที่ประชาชนในสนามกีฬาก็ถูกคุ้มกันโดยหน่วยทหารนำโดยจ่าคิมยองฮู (คิมมูยอล) จนกระทั่งมีคนในพื้นที่ออกไปข้างนอกแล้วสัมผัสกับเด็กหญิงปริศนาทำให้กลายเป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการสร้างความตื่นเต้นให้กับด๊อกเตอร์อิม (โอจองเซ) อดีตนักทดลองยิ่ง แต่ในไต้สนามกีฬาก็มีระเบิดเวลาที่รอประทุอยู่แต่จะเป็นอะไรนั้นเชิญไปพิสูจน์ยังคงคอนเซปต์ยำของเก่ามาเล่าใหม่ได้อย่างเคร่งครัดและซีซันนี้ยิ่งชัดหนักเข้าไปอีก อันที่จริงต้องให้ความเป็นธรรมว่าหลังจากการมาของ The Walking Dead หรือ Resident Evil ทางไปของงานแนวนี้ก็ไม่เหลือให้เดินมากนัก ซึ่งซีซันที่แล้วก็ชัดในการยำเอางานแนวนี้ที่เคยผ่านตามามากมายมาเหลาๆถากๆปนแถให้เป็นเรื่องที่ทางเกาหลีถนัดคือดราม่าที่วัยรุ่นข้างบ้านเรียกว่าขยี้ ซึ่งมันก็บันเทิงแหละแต่ก็มีช่วงที่เล่าอะไรที่ก็ควรเล่านะแต่มันไปลดทอนความบันเทิงทำให้กลายเป็นความเอื่อยเฉื่อยในบางช่วง จนในซีซันนี้ทุกอย่างยังคงเดินตามทางของงานเก่าๆอย่างเคร่งครัดชัดเข้าไปอีกหลังจากโลกล่มสลายมนุษย์ต้องหาที่มั่นสุดท้ายประมาณ The Walking Dead ซีซันไหนนะที่ไปอยู่ในคุก ทุกลูกเล่นที่เคยใช้ก็เอามาใช้หมดจนดูไปก็อดคิดถึงนู่นนี่นั่นไม่ได้จนผู้เขียนหันไปคุยกับลูกชายไว้ว่าอย่าบอกนะว่าเลี้ยงสัตว์ประหลาดไว้แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆไม่ต่างจากการเลี้ยงซอมบี้ใน The Walking Dead ที่ก็ไม่รู้ว่าจะเลิกเล่นมุขนี้กันเมื่อไหร่ แต่ไม่ว่ายังไงคอนเซปต์นี้ก็ยังขายได้และชัดเจนในตัวตนที่ตัวเองเป็นดีเปลี่ยนจากสถานการณ์เคร่งตึงในสถานที่จำกัดมาเล่นใหญ่ขึ้นทำให้เรื่องมีพัฒนาการไปไกล แน่นอนเมื่อสิ้นสุดซีซันที่แล้วอพาร์ทเมนต์กรีนโฮมได้ล่มสลายไปพร้อมกับโลกไปแล้วจะให้มาอยู่ที่เดิมก็คงไม่ได้ดังนั้นจึงต้องออกสู่โลกกว้างตามทางที่ควรเป็นของงานแนวนี้ ซึ่งก็คือพัฒนาการที่ชัดเมื่อเรื่องถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนคือสามตอนแรกเป็นการสานต่อจากซีซันที่แล้วแล้วสามตอนต่อมาคือเล่าเรื่องราวใหม่ก่อนที่สองตอนสุดท้ายจะเริ่มขมวดเข้ามาหากันและถ้ามองตรงนั้นก็คือเรื่องพยายามมีพัฒนาการ นั่นคือจากเดิมที่ธีมของเรื่องคือบ้านแสนสุขที่อยู่ในพื้นที่จำกัดก็คือในตึกอพาร์ทเมนต์ก็พลังทลายจนกลายมาเป็นประเทศที่ต้องคุ้มหัวประชาชนที่กลายเป็นบ้านแสนสุข (หรือเปล่า) หลังจากนั้นบ้านแสนสุขก็ไปอยู่ไต้ดินเพื่อชี้วัดความเป็นมนุษย์ซึ่งก็คือความฉลาดที่แบ่งเรื่องออกจนเห็นว่าเรื่องไม่ได้วนอยู่กับที่ในส่วนของชีวิตที่ต้องดำเนินไป นั่นเพราะคอนเซปต์หลักก็อย่างที่บอกคือการเดินตามทางอย่างเคร่งครัดทำให้เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องออกเดินทางสู่โลกโดยที่เล่นใหญ่ขึ้นที่งานด้านภาพเรื่องของฉากจัดว่าเจ๋งดีแต่สิ่งที่ต้องแลกมาคือความกระจัดกระจายเล่าต้นชนกับปลายไม่ได้สุดท้ายอารมณ์เปลี่ยน เมื่อพัฒนาการมันบานจากซีซันแรกที่เป็นเหตุการณ์เอาชีวิตรอดในสถานที่จำกัดที่อึดอัดกดดันเคร่งตึงเพราะโฟกัสทางอารมณ์จะไปอยู่ที่มนุษย์เหล่านี้จะเอาชีวิตรอดได้อย่างไรใครจะอยู่ใครจะตายก่อนใครซึ่งมันคือความลุ้นระทึกในตัว แต่เมื่อพัฒนามาเป็นการใช้ลูกเล่นในสถานที่เปิดและการเล่นใหญ่ขึ้นมีอะไรให้เล่ามากขึ้นก็คือการแตกประเด็นมากขึ้น ทำให้การเล่าเรื่องไม่มีเอกภาพคือหาจุดร่วมไม่ได้จนความรู้สึกกระจัดกระจายเพราะเดี๋ยวไปนู่นแล้วค้างไว้มานี่แล้วทิ้งไว้หันไปนั่นแล้วปล่อยไว้ โฟกัสทางอารมณ์จึงไม่เหลือเพราะไม่รู้จะจับจ้องไปที่ใครทำให้อาการลุ้นระทึกหายไปความเคร่งตึงอึดอัดกดดันก็หายไปโดยปริยาย สุดท้ายกลายเป็นว่าความสงสัยหลักอยู่ที่เรื่องที่เล่าจะมาบรรจบกันอย่างไรหรือเตลิดไปถึงว่าเรื่องจะปานปลายไปได้ขนาดไหนเพราะต้นกลับปลายไม่ชนกัน ทั้งยังมีเหคุการณ์มากมายที่อยู่ในช่วงเวลาที่หายไปที่ควรเล่าแต่ไม่เล่าทำให้ขาดความเชื่อมโยงและแน่นอนมันกลายเป็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอุดมไปด้วยนักแสดงชั้นยอดมากมายแต่การเล่านู่นนิดนี่หน่อยบางครั้งก็ปล่อยไว้ทำให้ไม่ได้ผลที่ดีนัก เมื่อเล่นใหญ่ขึ้นสิ่งที่ตามมาคือมีเรื่องให้เล่ามากขึ้นเพราะขยันแตกประเด็นมากขึ้นเรื่อยๆจนหาทางรวบเข้าหากันลำบาก ซึ่งเมื่อเรื่องมากนักแสดงก็ต้องมากเพราะเล่าหลายทางหลายบุคคลจึงกลายเป็นงานที่ระดมนักแสดงชั้นดีมากันเพียบทั้งตัวละครเก่าอย่างซงคัง,อีจินอุค,โกมินซีและอีซียองที่เป็นตัวละครที่คนดูรักซึ่งแน่นอนต้องมีใครบางคนต้องจากไปตามแนว รวมถึงตัวละครใหม่ที่มาเปิดเรื่องราวใหม่อย่างโอจองเซ,จินยอง,คิมมูยอลและคิมซีอา ตามมาด้วยตัวละครที่มาเพื่อเชื่อมต่อเรื่องราวและทิ้งเชื้อไปหาซีซันหน้าที่น่าจะเป็นบทสรุปอย่างโกยุนจองและอีโอฮยอนที่น่าเสียดายไม่น้อยที่การเล่าเรื่องที่กระจัดกระจายทำให้ไม่สามารถโฟกัสไปยังคนหนึ่งคนใดได้คงจะมีโกมินซีกระมังที่ดูเด่นกว่าคนอื่น ซึ่งก็เข้าใจได้ว่าซีซันนี้คือการเปิดประเด็นเพื่อไปรวบเข้าหากันในซีซันสุดท้ายซึ่งถ้าคิดมุมนี้ก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่เมื่อออกมาคนละนิดละหน่อยในตัวละครตามสูตรแบบนี้ก็เสียดายศักยภาพชะมัดเอาแบบไม่เกรงใจเลยคืออาจไม่สมกับการรอคอยแต่ก็เป็นหน้าที่ที่จะติดตามดูให้รู้กันไปว่าจะจบลงยังไง หลายคนคงคาดหมายว่าจะเป็นการต่อสู้กันของสัตว์ประหลาดฝ่ายดีและฝ่ายร้ายกันมันส์ๆเพราะทิ้งท้ายไว้แบบนั้นและตัวอย่างก็ชวนให้คิด แต่เมื่อเลือกเปลี่ยนจากแนวสยองระทึกขวัญมาเป็นแนวเอาชีวิตรอดจากโลกดิสโทเปียจึงเป็นอย่างที่เห็นคือหลายเรื่องต้องทำความเข้าใจซึ่งมันไม่ควรต้องทำความเข้าใจในงานแบบนี้ นั่นคืออะไรที่ควรเข้าใจก็ต้องเข้าใจไปเลยจึงจะออกมาบันเทิงจัดๆแต่เมื่อต้องพยายามเข้าใจจะมีช่วงที่เห็นว่าใส่มาทำไมไม่ทราบอยู่เยอะ ซึ่งก็เปรอะไปหมดอย่างบางตัวละครก็ไม่รู้จะมีไปเพื่ออะไรเพราะการมีอยู่กลายเป็นน่ารำคาญเสียมากกว่า แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในซีซันที่แล้วที่มีปรัชญาปนมากับความสยองก็หมายความว่าความชัดเจนในตัวเองก็ยังมีรวมถึงซีจีไม่เนียนที่ก็อาจต้องเข้าใจอีกแหละว่ามันเป็นสไตล์ ส่วนที่เสียดายอย่างสุดซึ้งคือซีซันที่แล้วมีเพลงประกอบที่โดดเด่น (เพลง Warrior ของวง Imagine Dragon) แต่ซีซันนี้หายไปจนคล้ายไม่สมกับการรอคอยเล็กๆ ซึ่งก็คงไปว่ากันที่ซีซันหน้าส่วนถ้ามองซีซันนี้เพียวๆก็ยังบอกว่าสนุกแค่ไม่สุดเท่านั้นดูไปบ่นไปhttps://www.youtube.com/watch?v=Z7k34Uvtgg8&ab_channel=NetflixThailandขอบคุณภาพประกอบภาพปก จาก X Netflixthภาพที่ 1 จาก Instagram netflixthภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาห Instagram netflixkrVDO ตัวอย่าง จาก TouTube Netflix Thailand ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/K9mpEoZjn1Olhttps://entertainment.trueid.net/detail/yqGjG6kxEK0lhttps://entertainment.trueid.net/detail/1JGapBZvBLXr ติดตามข่าวสาร คอนเทนต์เด็ด ๆ ก่อนใคร อย่าช้า โหลดเลยที่ TrueID !!