Batman V Superman: Dawn of Justice เป็นภาคต่อยอดจากภาพยนตร์เรื่อง Man of Steel (2013) ซึ่งเป็นภาคที่อยู่ใน Timeline เดียวกันจากผู้กำกับอย่าง Zack Snyder และนอกจากตัวละครอย่าง Superman ที่นำแสดงโดย Henry Cavill แล้ว ยังมี Batman รับบทโดย Ben Affleck ที่มาร่วมจอ (ภาคนี้ถือได้ว่ามีพระเอกถึงสองคนเลย) ซึ่งในจักวาลนี้ทั้งสองคนก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของฮีโร่ DC ทั้ง Superman และ Batman ที่ส่วนตัวคิดว่าไม่มีใครสามารถแทนได้แล้วในความคิดเห็นของคนดูอย่างผม และอีกคนนึงที่เป็นที่โด่งดังไม่แพ้กันคือ Wonder Woman รับบทโดย Gal Gadot ที่ได้มาเป็นฮีโร่รับเชิญ โดยการรับบทในครั้งนี้เธอก็ได้กลายเป็นนักแสดงที่เป็นถึงสัญลักษณ์ของ Wonder Woman ที่หาใครแทนได้ยากเช่นกันเนื้อเรื่องในภาคนี้เป็นมาอย่างไร?อย่างที่ผู้เขียนได้บอกเอาไว้ข้างต้นว่าภาคนี้จะต่อเนื่องจากภาค Man of Steel มาภาคนี้จะเป็นภาคที่ได้เผยปมปัญหาจากผลการปะทะกันระหว่าง Superman และนายพล Zod ที่บวกกันทีโลกแทบแตก และหลังจากนั้น Superman ก็ได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกโดยมีการพูดถึงในทั้งด้านดี และด้านลบจากเหตุการณ์การต่อสู้กลางเมืองครั้งนั้น ก็ได้มีบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วยนั่นคือ Bruce Wayne หรือ Batman ที่โกรธแค้นชาว Kryptonian ทั้งสองคน (รวมถึงมีหลายคนเกลียดไปทั้งดาวก็มีเพราะส่วนใหญ่คิดว่าชาวดาว Krypton จะมีมาอีก) หลังจากนั้น Bruce ก็ได้หาวิธีในการที่จะแก้แค้น และทำลายชาวดาว Krypton ซึ่งคนที่หลงเหลืออยู่คือ Superman การต่อสู้จึงได้เริ่มต้นขึ้น แต่การต่อสู้ในครั้งนี้เป็นที่ตัว Superman ที่ไม่สามารถฆ่า Batman ได้เพราะเขาต้องการเพียงแค่ให้ Batman ช่วยเหลือ สุดท้ายแล้วทั้ง Superman และ Batman ได้ทำความเข้าใจ และหาทางช่วยกันในที่สุดแต่ปัญหามันไม่ได้จบเพียงเท่านั้น เพราะมีบางสิ่งที่ Lex ปลุกมาเพื่อกำจัด Superman มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่ Superman จะต่อสู้ได้ด้วยตัวคนเดียว นั่นทำให้นอกจาก Batman แล้ว Diana หรือ Wonder Woman ได้ลงมาช่วยด้วยอีกแรงมารีวิวความรู้สึกหลังดูกันดีกว่าอย่างที่แฟนๆ DC ทราบทั่วกันว่าข่าววงในเป็นอย่างไรกับการสร้างชุดนี้ของ Zack Snyder ซึ่งเนื้อเรื่องรวมถึงฉากต่างๆ เอาตรงๆ ว่าหลังจากที่ดูคือรู้ได้เลยว่ามีการตัดฉากออกหลายจุดมากๆ ดูรู้เรื่อง แต่องค์ประกอบบางอย่างของหนังหายไปอย่างน่าเสียดาย เพราะการตัดฉากที่ควรจะใส่ไว้ออกไป บางครั้งทำให้คนดูทั่วไปเขาดูรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง อีกเรื่องก็คือช่วงเวลาทำความรู้จักกับตัวละครมีน้อยเกินไป (ผู้ชมบางกลุ่มเขาไม่ได้รู้สึกผูกพันอะไรขนาดนั้น) ทั้งๆ ที่ควรจะสร้างภาคเดี่ยวก่อน แต่อยู่ดีๆ มารีบสร้างภาครวมฮีโร่เลยอีกปัญหานี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของเวลาที่เร่งจนเกินไป การที่ต้องตัดลดเวลาให้หนังไม่ดูยาวเกิน (ในสมัยนั้นนะ แต่มายุคนี้ 3 - 4 ชั่วโมงก็เริ่มมีมาให้เห็นกันบ้าง) ทำให้หนังไม่ค่อยมีมิติ และความละเอียดมากเท่าที่ควรสำหรับผู้เขียนนะ แต่ยังไงโดยรวมแล้วภาคนี้ก็ยังถือว่าโอเค และไม่ได้แย่ไปซะทีเดียวถ้าถามว่าแนะนำให้ดูมั้ยก็ยังแนะนำให้ดูนะ เพราะถ้าดูแล้วไม่เครียด หรือดูแล้วสนุกก็โอเคเลย แต่ถ้าคนที่เป็นแฟนๆ ของฮีโร่ DC มาดูเนี่ยผมค่อนข้างเห็นใจเขาเลยจริงๆ เพราะบางอย่างดูค่อนข้างไปทางผิดหวัง แต่ก็อย่างที่กล่าวไปว่าการดูเพื่อเสพความบันเทิงทั่วๆ ไปก็แนะนำอีกเรื่อง เพราะฉากการต่อสู้มันส์ๆ มีค่อนข้างเยอะ และสนุกจริง ตัวอย่างภาพยนตร์https://www.youtube.com/watch?v=0WWzgGyAH6Y&ab_channel=WarnerBros.Picturesอ้างอิงข้อมูลจาก IMDb | Batman v Superman: Dawn of Justiceขอขอบคุณภาพจาก Facebook | Batman v Superman: Dawn of Justiceตัวอย่างภาพยนตร์โดย Warner Bros. Pictures | Batman v Superman: Dawn of Justice - Comic-Con Trailer [HD]ภาพปกโดยผู้เขียน immark | ภาพปก (ภาพประกอบภาพปก จาก Facebook | Batman v Superman: Dawn of Justice)ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5, ภาพที่ 6 และภาพที่ 7 จาก Facebook | Batman v Superman: Dawn of Justiceภาพที่ 3 จาก Facebook | Man of Steelคอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน