Short CommentChief Of Staff 2 : มือขวา 2 (2019)"การต่อสู้กับความมืดอาจต้องอยู่ในความมืดจนต้องสูญเสียความสว่างหรือไม่?" สานต่ออย่างเข้มข้นเร้าใจจนไม่มีที่ติในความคิดของดูไปบ่นไปความท้าทายอย่างใหญ่หลวงของการสร้างหนังหรือซีรีส์ภาคต่อนั้นคือความเยี่ยมที่ภาคแรกหรือซีซันแรกที่ต้องมีดีมากพอจึงมีการสานต่อ บ่อยครั้งที่การสานต่อกลายเป็นหายนะแต่ก็มีเช่นกันที่เป็นภาคต่อในความทรงจำส่วนหนึ่งอาจเพราะงานภาคแรกตั้งมาตรฐานไว้สูง แต่มีงานภาคต่ออีกแบบหนึ่งที่เป็นการลดความเสี่ยงตรงนี้ลงคือการวางตำแหน่งเรื่องราวให้เป็นสองส่วนไว้ตั้งแต่แรก หรือเรียกอีกอย่างว่าแบ่งเรื่องเป็นสองส่วนตั้งแต่แรกแล้วแยกกันเล่าในเรื่องราวมีแก่นที่อาจต่างกันและโดยมากลูกเล่นแบบนี้จะมีการปิดท้ายหรือปิดซีซันแรกด้วยความค้างคาเพราะว่าเป็นเรื่องยาวที่ถูกหั่นทำให้คนดูที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แล้วมาได้ดูจนถึงตรงนั้นก็เกิดอาการหงุดหงิด เช่นเดียวกับเรื่องนี้ที่ความจริงทำเป็นรวดเดียวซีซันเดียวก็คงไม่แปลกแต่ที่ต้องชมคือการวางตำแหน่งของเรื่องเมื่อสรุปจบให้กังขาและสงสัยเพื่อมาต่อภาคสองเพื่อเฉลยและไขข้อข้องใจให้กระจ่าง และบอกได้เลยความเข้มข้นและอารมณ์ร่วมไม่ได้ลดทอนลงแต่เนี้ยบขึ้นสมบูรณ์ขึ้นมากกว่าภาคแรกแรกทั้งที่เล่นใหญ่ขึ้นเพื่อเข้าสู่บทสรุปที่สมบูรณ์แบบผลพวงจากภาคที่แล้วเมื่อจางแทจุน (อีจองแจ) แตกหักกับ ส.ส.ซงอีซอบ (คิมกับซู) ที่วันนี้คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีอำนาจควบคุมสถาบันอัยการ แต่จางแทจุนที่มีหลักฐานพอที่จะทำลายรัฐมนตรีซงแต่เขากลับยอมคุกเข่าและทำลายหลักฐานนั้นเพื่อให้รัฐมนตรีซงเสนอชื่อเขาลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมจนในที่สุดเขาก็ได้เข้าสภาสมดังตั้งใจ ขณะเดียวกันหัวหน้าคณะทำงานของ ส.ส.คังซอนยอง (ชินมินอา) ก็เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาทำให้คังซอนยองคลางแคลงในตัวจางแทจุน แต่ไม่นานความจริงก็ปรากฏว่าสิ่งที่จางแทจุนที่เหมือนจะหักหลังคนที่ไว้ใจเขาในบทสรุปภาคที่แล้วคือเจตนาที่จะก้าวขึ้นสู่อำนาจเพื่อใช้อำนาจของ ส.ส. ในการโค่นอำนาจและอิทธิพลของรัฐมนตรีซงแล้วเปลี่ยนโลกการเมือง แต่ก็ไม่ง่ายเมื่อจางแทจุนไม่ได้เป็นคนคุมเกมอีกต่อไปซ้ำร้ายรัฐมนตรีซงยังแต่งตั้งคนที่พยายามขุดคุ้ยเรื่องสกปรกของจางแทจุนมาเป็นหัวหน้าอัยการคืออัยการ ชเวคยองชอล (จองมันซิก) จนเมื่อจางแทจุนและคังซอนยองปรับความเข้าใจกันจึงต้องทุ่มสุดตัวแม้จะต้องลงไปคลุกโคลนตมก็ตามเพื่อโค่นอำนาจความฉ้อฉลเหมือนรู้ตัวว่าบกพร่องบ้างจากภาคแรกจึงลบมันออกไปทำให้ได้การสานต่อที่ไม่มีที่ติ ความจริงเรื่องนี้คือเรื่องยาวที่ถูกแบ่งเป็นสองภาคมากกว่าเพราะเนื้อหาต่อเนื่องกันแต่ภาคแรกมีบทสรุปที่ลงตัวดีเป็นงานชั้นดีที่มีข้อบกพร่องบ้างเพราะยังมีบางอย่างดูเป็นอะไรที่ง่ายๆ แล้วเมื่อมาถึงภาคสองนี้อะไรที่ง่ายๆนั้นก็ถูกกำจัดไปเพื่อเก็บรายละเอียดให้ดีขึ้นมีความหนักหนาในการแก้ปัญหามากขึ้นอาจเพราะเวทีที่เล่นใหญ่ขึ้นเพราะคราวนี้จางแทจุนเป็น ส.ส. หน้าใหม่ที่ต้องต่อกรกับเสือเฒ่าลายครามที่เก๋าเกม ทำให้คราวนี้แบ่งข้างชัดไม่มีกั๊กแล้วว่าจะเอาใจช่วยใครหรือไว้ใจไม่ไว้ใจใครผลักอารมณ์คนดูไปสุดทางตามสูตรงานแนวการเมือง สิ่งที่ตามมาคือคนดูจะสัมผัสได้ถึงความมันส์ปานดูงานแอ็กชั่นที่สาดอาวุธทางกลยุทธ์เข้าใส่กันด้วยเล่ห์เหลี่ยมประหนึ่งอาวุธหนัก ผลของมันคือความลุ้นระทึกพลิกผันครั้งแล้วครั้งเล่าที่พาความรู้สึกจนมุมอับจนหนทางและความฉลาดของบทในภาคนี้คือการดึงอารมณ์ให้เหมือนได้ชื่นชมผลงานเหมือนจะให้รางวัลระหว่างทางแต่กระนั้นก็หักหลังทุกที เมื่อเป็นเช่นนี้คืออารมณ์ถูกบีบเต็มที่จึงสร้างความสะใจสุดทางเมื่อถึงบทสรุปถ้าภาคแรกคือจุดเริ่มต้นที่ใสซื่อของคนตัวเล็กที่อยากเปลี่ยนโลกภาคนี้ก็คือพัฒนาการที่ชัด แม้จะเหมือนกับการแบ่งเรื่องก็จริงแต่สิ่งที่ต้องชื่นชมคือการสร้างความรู้สึกที่มีต่อเรื่องที่เล่าให้ต่างกันชัด เพราะภาคแรกคือการพยายามเดินตามความฝันในการเข้าสภาเพื่อเปลี่ยนโลกให้เป็นเช่นดังอุดมคติของคนใสซื่อคนหนึ่ง แต่การเมืองก็ไม่ต่างจากเทวากับซาตานเมื่อทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับว่าจะหลงกลและขายวิญญาณให้ฝั่งไหนก็อยู่ที่จิตใจมนุษย์เอง แน่นอนการทำงานการเมืองกับเสือเฒ่าเจ้าเล่ห์ได้บ่มเพาะวิธีการที่โสมมภาคแรกจึงสร้างความสับสนใจตัวจางแทจุนที่คล้ายกับหลงเข้าสู่ด้านมืดของการเมือง แต่พอมาภาคนี้คือการบอกกับคนดูที่เหมือนถูกหักหลังในภาคที่แล้วว่าการจะต่อสู้กับความมืดอาจต้องยืนในที่มืดมิดแต่คนดูก็ยังไม่วายสงสัยว่าความมืดจะกลืนกินจนความสว่างในใจสูญสิ้นไปหรือไม่ เพราะถึงที่สุดอาจจะไม่ใช่การขายวิญญาณให้ซาตานแต่ก็แปดเปื้อนไม่ต่างกันและนั่นคือเจตนารมณ์ของบทที่วางไว้เพื่อสะใจตอนจบที่โลกความจริงอาจไม่สวยงามอย่างที่เห็นเร้าอารมณ์ด้วยความสงสัยไม่น่าไว้ใจเมื่อจะสู้กับความมืดต้องอยู่ในความมืดเท่านั้น ในภาคนี้เมื่อถึงจุดหนึ่งคนดูจะสิ้นความคลางแคลงในตัวจางแทจุนแต่บทก็ยังคงความน่าสงสัยไว้ไม่ทิ้งไปให้เสียของ ซึ่งตัวละครทั้งเก่าใหม่ที่เข้ามานอกจากที่สิ้นความแคลงใจมาจากภาคที่แล้วยังคงมาด้วยความน่าสงสัยชี้นำให้คาดเดาว่าจะเป็นฝั่งไหนแล้วความรู้สึกไม่น่าไว้ใจก็ตามมา เพื่อดึงเข้าสู่ความจริงที่ว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรอำนาจและผลประโยชน์ที่เป็นกิเลสขั้นสูงที่ทำให้คนไม่ใช่คนอีกต่อไป และหากภาคแรกคือการฉายภาพการเมืองในระดับตัวบุคคลภาคนี้ก็คือการว่าด้วยเรื่องเชิงโครงสร้างที่ทั้งโครงสร้างของระบบยุติธรรมและโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีความฉ้อฉลเชิงนโยบาย เพราะบางทีการมองแค่หน้าฉากว่าดีแต่เนื้อในกลับเต็มไปด้วยความฟอนเฟะเช่นจางแทจุนที่แม้เจตนาของเขาจะดีแต่การกระทำกลับมีอะไรบางอย่างที่ขัดแย้งกับคำว่าดี เพราะจางแทจุนสนแต่ผลลัพธ์ไม่สนวิธีการต่อให้ตัวเขาต้องเข้าสู่ด้านมืดเพื่อต่อสู้กับความมืดคนอย่างจางแทจุนก็ยินดี เพียงแต่เมื่อเข้าสู่ด้านมืดแล้วต้องไม่สูญเสียแสงสว่างภายในใจต่างหากยังคงเดินเรื่องด้วยพลังดาราและพลังการแสดงที่ไร้ที่ติ ที่ว่าไร้ที่ตินั้นไม่ใช่กับแค่นักแสดงนำแต่เป็นกับทุกคนที่เป็นฟันเฟืองน้อยใหญ่ให้เรื่องนี้เดินหนาช้าไปอย่างเข้มขลัง แน่นอนว่าพลังดาราของอีจองแจกับชินมินอาที่ดึงดูดสายตาและอารมณ์ทุกอย่างก็ยังมาอย่างเต็มที่ ด้วยความที่ตัวละครจางแทจุนคือศูนย์กลางของเรื่องโดยมีคังซอนยองเป็นตัวสนับสนุนด้วยความสวยสมวัยของชินมินอาบวกกับพลังการแสดงที่เลอค่าของอีจองแจ แม้ว่าตัวละครของชินมินอาอาจดูดร็อปลงในช่วงแรกแต่พลังดาราของเธอยังทำให้คนดูคิดถึงนั่นหมายความว่าชินมินอาแสดงเป็น ส.ส.คังจนเข้าไปนั่งในใจคนดูแล้ว ส่วนที่ต้องยกนิ้วให้คือเหล่าตัวละครฝั่งร้ายทั้งคิมกับซูหรือจองอุงอินในบทหัวหน้าโอวอนซิกที่น่ารังเกียจคงเส้นคงวารวมถึงจองมันซิกในบทอัยการชเวคยองซอลที่แสดงได้อย่างน่าสงสัย แถมด้วยเส้นความรักระหว่างหัวหน้ายุนฮเยวอน (เอลิยาห์ อี) กับเลขาฮันโดคยอง (คิมดงจุน) ที่ไม่เยอะเกินไปให้เรื่องเสียแต่ก็เพียงพอให้เรื่องไม่ตึงเกินไป ทั้งนี้สิ่งที่ต้องชื่นชมคือบทที่มีความเป็นมนุษย์แม้จะร้ายจนน่ารังเกียจก็ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เป็นสิ่งที่คนทั่วไปถ้าอยู่ตรงจุดนั้นก็อาจทำแบบบั้น อาจเพราะเนื้อหาที่แบ่งเป็นสองทางชัดภาคนี้จึงเป็นการสานต่อที่ทรงคุณค่าได้ทุกอารมณ์ที่ต้องการ ด้วยการเล่าเรื่องที่เล่นใหญ่ขึ้นแต่สมบูรณ์ขึ้นและยังคงความเข้มข้นจนเรียกได้ว่าดีกว่าภาคที่แล้วจนถึงระดับไร้ที่ติ การดูภาคนี้จึงเต็มไปด้วยอารมณ์สนุกตื่นเต้นได้ลุ้นได้มันส์ไปกับการหักเหลี่ยมเฉือนคมทางการเมืองที่แลกกันหมัดต่อหมัดชนิดเอาเป็นเอาตายกันไปข้างเพราะเล่นกันหนักใส่กันแรงไม่เลือกวิธีการ แถมด้วยเหตุการณ์พลิกผันไปมาในทุกตอนเพราะทันกันทุกกลยุทธ์คนดูจึงถูกต้อนจนมุมไปกับตัวละครสิ้นหวัง อับจนหนทางด้วยบทละครที่สมบูรณ์แบบจนไม่รู้จะหาที่ติยังไง จึงเป็นการสานต่อเรื่องราวที่สมบูรณ์และคงไม่เกินเลยไปถ้าผู้เขียนจะบอกว่านี่คืองานภาคสองที่ดีกว่าภาคแรกเป็นงานระดับยอดเยี่ยมอีกเรื่องของเกาหลีที่ต้องยอมรับในความกล้าที่จะเล่นในประเด็นแรงๆ กล้าที่จะตีแผ่ในเรื่องที่เกิดขึ้นจริงแม้จะออกตัวว่าเป็นเรื่องแต่งก็แต่ก็คงไม่มีใครไม่คิดว่าเรื่องเหล่านี้มันมีจริงในโลกจริง และถึงที่สุดเรื่องจะสรุปอย่างสะใจแต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายไว้อย่างทรงพลังและน่าติดตามว่าภาคสามจะมาหรือไม่กับเกมอำนาจเวอร์ชั่นเกาหลีเรื่องนี้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก tv.jtbc.co.kr ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/J3Br6Pl4ZbP3https://entertainment.trueid.net/detail/1XPqPBVNdNMyhttps://entertainment.trueid.net/detail/9wG6ND0OB3Arเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!