Sort CommentCall Me Chihiro ฉันชื่อจิฮิโระ (2023)เก็บกอดความเหงาจนจับหัวใจ กับความสงสัยที่อาจดูเรียบเรื่อยแต่หยุดดูไม่ได้เพราะความสุขของคนเราต่างกันความสุขของคนคนหนึ่งในการทำอย่างใดอย่างหนึ่งอาจไม่ใช่ความสุขของคนอีกคนหนึ่งซึ่งดูไปบ่นไปเชื่ออย่างนั้น จึงเป็นที่มาของความชื่นชอบส่วนบุคคลเพราะการทำสิ่งใดที่ทำแล้วมีความสุขมนุษย์ย่อมต้องการทำสิ่งนั้นซ้ำๆ เช่นดียวกับผู้เขียนเองจะมีความสุขทุกครั้งที่ได้เห็นท้องฟ้าสีครามน้ำทะเลสวยใสและเป็นจุดหมายที่อยากไปเยือนทุกปีทั้งที่คงเป็นไปไม่ได้อาจเพราะผู้เขียนโตมากับภูเขาและแมกไม้จึงชอบทะเล เช่นกันเมื่อเห็นภาพความสวยงามของทิวทัศน์ท้องทะเลในหนังหรือละครผู้เขียนมักจะไม่ปฏิเสธเพราะความงดงามนั้น และที่สำคัญหนังหรือละครที่มีฉากหลังเป็นบรรยากาศท้องฟ้าสายลมแสงแดดคลื่นกระทบฝั่งมักจะเป็นงานที่ดูแล้วดีต่อใจดูไปพร้อมอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้มีความสุขใจที่ได้ดู แล้วเมื่อท้องทะเลที่งดงามมาเป็นฉากหลังของหนังที่ผู้เขียนอยากดูเพราะชื่นชอบนักแสดงสาวนัยน์ตาเศร้าคาสุมิ อาริมูระด้วยแล้วจึงนับว่าเป็นสารตั้งต้นของความสุข ทว่าหนังใหม่ของคาสุมิ อาริมูระเรื่องนี้ที่ดูแล้วก็ยังมีอะไรให้สมานรอยแผลหรือเยียวยาทัศนคติได้แต่ทำไมดูแล้วรู้สึกเหงาจิฮิโระ (คาสุมิ อาริมุระ) คือชื่อเรียกของหญิงสาวที่เป็นพนักงานหน้าร้านขายเบนโตะ (ข้าวกล่อง) ที่เมืองริมทะเลแห่งหนึ่งแต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้และเธอไม่เคยปกปิดคืออดีตที่เธอเคยเป็นหญิงสาวขายบริการทางเพศ กระนั้นจิฮิโระก็อยู่ในสายตาของโอคาจิ (ฮานะ โทโยชิมะ) เด็กสาวชั้นมัธยมปลายที่จับจ้องเธอรวมถึงการที่จิฮิโระที่อาจดูปากร้ายเล็กน้อยแต่ใจดีกับมาโคโตะ (เท็ตตะ ชิมาดะ) เด็กชายชั้นประถมผู้ซนแก่นที่อาจเพราะเขาอยู่กับแม่เพียงลำพังโดยที่แม่ไม่มีเวลาให้เขามากนัก แน่นอนโอคาจิและมาโคโตะมีครอบครัวมีคนอยู่เคียงข้างแต่กลับมีเหตุผลของความเหงาเช่นเดียวกับจิฮิโระที่อาจเพราะความเดียวดายจึงเป็นความเหงา และการมีเด็กสองวัยเข้ามาในชีวิตก็ทำให้คนสามรุ่นได้คลายความเหงาแต่ก็ยังมีคนอีกมากหลายที่ก็ยังเหงาที่ได้ผ่านเข้ามาผูกสัมพันธ์กับจิฮิโระ กระทั่งเวลาผ่านไปโอคาจิและมาโคโตะเหมือนได้มีกันและกันได้มีเพื่อนที่รู้ใจให้ความเหงาคลายจนแม้อาหารง่ายๆยังมีรสล้ำ ทว่าจิฮิโระที่ดูมีทัศนคติเชิงบวกต่อทุกสิ่งกลับเหมือนจมอยู่กับอะไรบางอย่างและเธอมีที่พักพิงคือคุณทาเอะแต่อะไรที่ทำให้จิฮิโระเป็นแบบนี้กันแน่...เรียบเรื่อยแต่ไม่เอื่อยเงียบนิ่งแต่มีพลังดึงดูดที่มาจากความสงสัย เพราะหนังญี่ปุ่นมักจะเป็นเช่นนี้ที่จะเล่าเรื่องด้วยความเงียบนิ่งเรียบเรื่อยแล้วปล่อยให้ภาพและเพลงรวมถึงบรรยากาศรอบข้างเกาะกุมความรู้สึกและหนังเรื่องนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น เมื่อบทหนังมาเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้สึกด้วยการสื่อสารผ่านองค์ประกอบต่างๆให้ซึมลึกสู่ก้นบึ้ง อาจเพราะเรื่องนี้สร้างมาจากมังงะหลายอย่างจึงเหมือนจงใจเปิดปลายให้คิดไปเองว่าบทสรุปของเรื่องราวที่เข้ามากระทบกับจิฮิโระจะมีบทสรุปเช่นไร แล้วเมื่อบทหนังที่เก็บความรู้สึกคนดูได้อะไรก็ตามที่เหมือนปล่อยทิ้งไว้คนดูกลับเข้าใจและรู้ว่ามันควรเป็นอย่างนั้น นั่นเพราะหนังตั้งใจเล่าปัจจุบันด้วยความรู้สึกด้วยจุดเริ่มต้นด้วยความสงสัยว่าทำไมจิฮิโระจึงมาที่นี่ทำไมจิฮิโระจึงมีทัศนคติอย่างที่เห็นและแน่นอนอดีตของจิฮิโระเป็นอย่างไร กระนั้นหนังก็ไม่ได้คลายความสงสัยไปทั้งหมดแต่คนดูกลับรู้แล้วว่าทำไมเพราะอะไรและแม้จะไม้รู้อดีตแต่ก็หาสำคัญไม่เพราะปัจจุบันของจิฮิโระกำลังคุยกับคนดูอยู่ หนังจึงเดินไปเรื่อยๆมีสุขบ้างให้ได้ยิ้มเศร้านิดหน่อยพอให้ขอบตาอุ่นโดยไม่เร่งเร้าแต่มีพลังดึงดูดที่น่าประหลาดทุกอย่างมีความหมายสุดแท้จะสื่อสารออกมาอย่างไรให้ความคมคายไม่ดูเป็นความตั้งใจยัดเยียด หากจะเปรียบกับการจ้องตากันโดยไม่เอ่ยวาจาแล้วปล่อยให้สายตาสื่อความในหนังเรื่องนี้อาจเป็นแบบนั้น เพราะในความหมายที่หนังต้องการบอกอะไรกับคนดูทั้งงานด้านภาพที่อาจมาพร้อมกับสรรพเสียงรอบข้างหรือดนตรีพลิ้วแผ่วถูกจังหวะตามสไตล์ หรือผ่านการกระทำบางอย่างของตัวละครซึ่งตั้งใจให้คนดูจับจ้องไปที่จิฮิโระทำให้รู้ความหมายของอดีตที่ผ่านมาที่ได้ถูกอดีตทอดทิ้งหรือทอดทิ้งอดีตกันแน่ การอยู่กับปัจจุบันมิใช่จมอยู่กับอดีตและบางครั้งการเดินบนเส้นทางบางเส้นที่อาจไม่ใช่เส้นทางที่ดีในสายตาคนอื่นแต่อาจเป็นสิ่งที่ช่วยกอบกู้พลังชีวิตของตัวเองดังเช่นการได้พบกับผู้จัดการร้านนวดและเดินเข้าสู้เส้นทางหญิงสาวขายบริการทางเพศของจิฮิโระ หรือกระทั่งทัศนคติเชิงบวกผ่านจานอาหารและรสชาติอาหารที่ความอร่อยอาจอยู่ที่กินอะไรแต่ความสุขจะขึ้นอยู่ที่กินกับใครและความรู้สึก ณ ขณะนั้น แน่นอนความหมายของความเหงาที่จับตัวแน่นอยู่กับหัวใจที่มีคนมากมายเป็นแบบนั้นที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายแต่ในใจกลับเหงาเหงาจนจับหัวใจ อาจบอกได้ว่าหนังมีเจตนาจะพาความเหงามาเกาะกุมหัวใจคนดูและก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ เพราะนี่คือเรื่องของหนึ่งคนเหงาที่เป็นจุดสนใจจากอดีตที่เธอเคยเป็นกับคนเหงาอีกมากหน้าที่เขามารายล้อมหนึ่งคนเหงา อาจเพราะความเหงากับความเดียวดายนั้นต่างกันความเหงาที่มาเพราะความเดียวดายของจิฮิโระจึงเป็นฟองน้ำที่ดูดซับความเหงาของคนอื่นที่อาจเหงาแต่ทุกคนใช่ว่าจะเดียวดาย ทั้งมาโคโตะ,โอคาจิ,บาจิรุหรือกระทั่งลุงคนไร้บ้าน หนังจึงเต็มไปด้วยความเหงาที่อบอวลไปทั่วจนจับขั้วหัวใจกระทั่งบางครั้งเหมือนเย็นเยียบท่ามกลางผู้คนมากมาย แต่นั่นคือเจตนาที่จะเริ่มด้วยความเหงาในหัวใจเมื่อคนเหงาที่เดียวดายยังมีฟองน้ำให้ดูดซับคือคุณทาเอะและเมื่อถึงเวลาความอบอุ่นก็เข้ามาให้ได้สัมผัส นั่นหมายความว่าหนังมีเจตนาให้ความหนาวเหน็บมาเกะกุมความรู้สึกก่อนที่จะมอบความอบอุ่นให้ภายหลังให้แต่ละคนไม่รู้สึกเหงาอีกต่อไปและได้มีใครสักคนที่คอยเคียงข้าง ทว่ายังมีอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมปล่อยความเหงาให้หลุดพ้นยังคงเก็บกอดความเหงาไว้อาจเพราะความเหงาบนความเดียวดายคือพลังชีวิตของจิฮิโระเก็บกอดความเหงาไว้คนเดียวแต่เผื่อแผ่ความอบอุ่นให้คนอื่น สิ่งที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือความเหงาและเดียวดายที่มองเห็นความอ้างว้างอยู่ในฉากหน้าของการมองโลกในทัศนคติที่แตกต่างของจิฮิโระ และสิ่งนั้นมาจากนัยน์ตาที่โศกซึ้งอยู่แล้วของคาสุมิ อาริมูระที่ไม่รู้ว่าผู้เขียนรู้สึกแบบนี้คนเดียวหรือไม่เมื่อรู้สึกว่าเธอเหมาะมากกับบทที่ต้องเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียวแบบนี้ แน่นอนกับบทบาทนี้คาสุมิ อาริมูระต้องแสดงให้คนดูรู้สึกว่าข้างในมีอะไรมากมายเพราะบทหนังต้องการให้คนสงสัยในตัวเธอที่เป็นพลังหลัก ทำให้หนังเดินทางไปข้างหน้าที่เหมือนสายลมทะเลที่พลิ้วผ่านเรือนกายให้รู้สึกดีบนการเดินคนเดียวเป็นเพราะการแสดงที่สื่อสารได้อย่างไร้ที่ติจนคนดูรู้สึกเหงาตามไปของคาสุมิ อาริมูระ กระนั้นก็ต้องยกเครดิตให้นักแสดงสมทบที่ถ้าเล่นไม่ได้ในระดับที่คู่ควรจะถูกกลับฝังทั้งฮานะ โทโยชิมะในบทโอคาจิกับเท็ตตะ ชิมาดะในบทมาโคโตะ แต่ที่ต้องไม่ลืมคือความอบอุ่นท่ามกลางสายฝนที่เหน็บหนาวของจุน ฟูบิกิในบทคุณทาเอะหรือกระทั่งทุกคนที่เป็นองค์ประกอบชั้นดีที่ทำให้รู้ว่าแม้จะไม่เดียวดายแต่ไม่คลายความเหงาอาจเรียกไม่ได้ว่าเป็นหนังที่ดูสนุกแต่นี่คือหนังที่เก็บเกี่ยวความรู้สึกจนยากจะถอนตัว ถ้าว่ากันที่หนังต้องการสื่อสารความเหงาแต่ไม่เศร้าให้คนดูได้สัมผัสด้านบรรยากาศถือว่าทำได้ดีเยี่ยมแล้ว เพราะทุกคนล้วนมีเรื่องราวของตนเองความเหงาก็ไม่ต่างกันทุกคนล้วนต้องรู้สึกเหงาบ้างในบางคราวบางเวลาต่างวาระแต่อาจมีบางคนที่กอดเก็บความเหงาไว้คนเดียวนั่นคือมีบางคนที่เหงาอยู่แทบตลอดเวลาอาจเพราะความเดียวดายหรืออดีตที่ผ่านมาได้ทอดทิ้งคนคนนั้นไป แน่นอนคนที่เหงาอยู่ตลอดคือคนที่เชี่ยวชาญความเหงารู้ดีว่าอะไรที่จะทำให้ความเหงาคลี่คลายและเผื่อแผ่มันแต่ตนเองกลับไม่อาจปล่อยวางความเหงา ซึ่งถ้าว่ากันที่ความเหงาที่จับใจในหนังที่เหมือนเดินทอดน่องให้ลมทะเลพัดผ่านแบบนี้จะเรียกว่าหนังสนุกก็ใช่ที่เพราะมีความเหงาอยู่ตลอดเวลา ทว่าด้วยความเหงาปนความสงสัยและอะไรก็ตามที่มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเหล่าคนเหงาที่เข้ามาพัวพันกับจิฮิโระนั้นกลายเป็นพลังงานประหลาดที่อธิบายยากเพราะมีทั้งปลื้มปริ่มและหม่นโศกแต่ไม่รู้สึกว่าล้นจนดูจงใจ ทำให้เผลอลืมไปว่านี่ก็มืดค่ำแล้วแต่ยังละสายตาไม่ได้ดูไปบ่นไปhttps://www.facebook.com/NetflixTH/videos/1522005214944071ขอบคุณภาพประกอบภาพปก จาก Twitter Netflix Indonesiaภาพที่ 1 จาก Twitter アスミック・エース【公式】ภาพที่ 2,3 / ภาพที่ 4,5,6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram netflixjpVDO ตัวอย่าง จาก Facebook Netflix อ่านบทความหนังและซีรีส์ญี่ปุ่นโดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่ในความทรงจำ Be With You : ปาฏิหาริย์รัก 6 สัปดาห์ เปลี่ยนฉันให้รักเธอ (2004) งานคลาสสิคที่เรียบง่ายแต่ซึมลึก สัมผัสได้จากความรู้สึกที่ตราตรึงรีวิวจัดเต็ม FISHBOWL WIVES (2022) ซีรีส์ญี่ปุ่นที่ตั้งคำถามอย่างคมคาย ภายใต้ฉากหน้า 18+ความเห็นหลังชม Moonlight Shadow : ปาฏิหาริย์รักใต้เงาจันทร์ (2021) "สายธาร ความรัก การจากลา และการปล่อยมือ"รีวิวจัดเต็ม Love Like The Falling Petals : ใบไม้ผลิที่ไม่มีเธอเป็นซากุระ (2022) "ดั่งหัวใจถูกแต่งให้งดงามพร่างพราย แต่ลงท้ายถูกขยี้"ในความทรงจำ Café Funiculi Funicula เพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่น (2018) "ละเมียดละไม งดงาม ซาบซึ้ง ตราตรึง ซับซ้อนแต่เข้าใจง่ายจนน้ำตาไหลไม่รู้ตัว"ความเห็นหลังชม First Love รักแรก (2022) เมื่อได้ยินเพลง First Love คุณคิดถึงใคร ตราตรึง ดีต่อใจ กับว่าที่ซีรีส์ญี่ปุ่นแห่งปีความเห็นหลังชม The Makanai: Cooking for the Maiko House แม่ครัวแห่งบ้านไมโกะ (2023) มิตรภาพ ความรัก ความฝัน โชคชะตา หรือชีวิตลิขิตเอง ชิ้นส่วนยิบย่อยร้อยเรียงเป็นความธรรมดาที่เหนือธรรมดาเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!