บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริการับสภาพ รายได้หนังของปี 2020 เสี่ยงขาดทุนไม่ต่ำกว่า 50%
ข่าวสารวงการหนัง
ในขณะที่ธุรกิจโรงหนังหลายๆ แห่งทั่วโลกเริ่มที่จะกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง หลังผ่านวิกฤตการแพร่ระบาดของ Covid-19 แม้ว่าบรรยากาศต่างๆ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะต้องปรับเข้าสู่ยุค New Normal รูปแบบการดำเนินกิจการโรงหนังถูกปรับเปลี่ยนไปเกือบทั้งหมด แต่ยักษ์ใหญ่ของวงการหนังที่อเมริกา ดูเหมือนว่ายังคงรอดูท่าทีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อและสถานการณ์ภายในประเทศ ทำให้ยังไม่มีความแน่ชัดว่าโรงหนังอเมริกาจะกลับมาเปิดในเดือนกรกฎาคมได้หรือไม่
แต่ล่าสุดนักวิเคราะห์บ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาก็ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขสถานการณ์ของวงการหนังในอเมริกา หลังจากกำลังจะผ่านช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 ไป โดยพบว่าบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกาอาจจะต้องทำใจรับสภาพรายได้ขาดทุนในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับรายได้ของปี 2019 แม้ว่ากิจการโรงหนังและอุตสาหกรรมจะหยุดชะงักลงไปราวๆ 3-4 เดือน ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ที่ถือว่าหยุดชะงักตามหลังตลาดหนังในฝั่งเอเชีย
นักวิเคราะห์ระบุว่า รายได้หนังทำเงินในปี 2020 ของอเมริกานั้น อาจจะลดลงเหลือ 5.5 พันล้านเหรียญ หรืออาจจะต่ำกว่านี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในอนาคต ตัวเลขนี้ถือว่าน้อยกว่ารายได้หนังในปี 2019 ที่ทำไปได้ตลอดทั้งปี 1.14 หมื่นล้านเหรียญ ไปถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ปัจจัยหลักในเวลานี้ก็คือ อเมริกาจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการโรงหนังและฉายหนังใหม่ได้ทันในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้หรือไม่ โดยที่หนังบ็อกซ์บัสเตอร์ฟอร์มใหญ่ที่รอคิวฉายอยู่ในช่วงเวลา 2 เดือนต่อจากนี้ ประกอบไปด้วย "Tenet" จาก วอร์เนอร์ บราเธอร์ส ที่ยืดหยัดจะฉายตามกำหนดเดิม, "Mulan" หนังไลฟ์แอคชั่นจากดิสนีย์ ที่เลื่อนฉายมาจากช่วงวิกฤต Covid-19 มา รวมทั้ง "Wonder Woman 1984" ที่เลื่อนจากกำหนดวันเดิมมา 2 เดือน และอยู่ช่วงกลางเดือนสิงหาคมแทน
แต่หากว่าโรงหนังไม่สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ค่ายหนังก็น่าจะต้องเลื่อนโปรแกรมฉายหนังของเขาออกไปอีก ซึ่งเท่ากับว่าบ็อกซ์ออฟฟิศก็จะต้องสูญเสียรายได้ไปอีกหลายร้อยล้าน และในที่สุดรายได้หนังในอเมริกาก็น่าจะทำได้น้อยกว่าเมื่อปีที่แล้วไปถึง 60-70% ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
ดังนั้น โปรแกรมหนังในเดือนกรกฎาคมนี้จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญของบ็อกซ์ออฟฟิศอเมริกา รวมทั้งยังกระทบต่อตลาดหนังทั่วโลกด้วย โดยอีกคำถามที่น่าสนใจก็คือรายได้ของหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ที่จะเข้าฉายใหม่นี้ จะประจำสบความสำเร็จได้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากโรงหนังน่าจะมีมาตรการต่างๆ รองรับด้านสุขอนามัย ไม่ว่าจะเป็นการจำกัดจำนวนคนในโรงหนัง ทำให้ยอดขายตั๋วก็จะลดลง
Tenet หนังของผู้กำกับ "คริสโตเฟอร์ โนแลน" ที่มีรายงานว่าใช้ทุนสร้างไม่ต่ำกว่า 200 ล้านเหรียญ จะสามารถทำเงินได้คุ้มทุนสร้างในการฉายที่บ้านเกิดตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน ขณะที่สถานการณ์รายได้หนังบนบ็อกซ์ออฟฟิศที่ต่างๆ ทั่วโลกก็แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า New Normal ส่งผลทำให้รายได้ของหนังค่อนข้างลดลงไปจากปกติพอสมควร เพราะกลุ่มเป้าหมายยังไม่ค่อยเชื่อมั่นที่จะกลับมาเยือนโรงหนัง
ทั้งนี้ หากวัฒนธรรมโรงหนังเสื่อมความหมายลงไปเพราะโรคระบาดในครั้งนี้ การดูหนังในรูปแบบสตรีมมิงและวิดีโอออนดีมานด์จะเข้ามาบทบาทและแทนที่ในกลุ่มผู้ชมหรือกลุ่มเป้าหมาย ย่อมส่งผลกระทบที่น่าเป็นห่วงต่อภาคธุรกิจโรงหนังในระยะยาวได้เช่นเดียวกัน
Source: Variety
----------------------------------------------------