รีเซต

เจมส์ คาเมรอน เปรียบการสร้าง "Avatar" ท้าทายเหมือนสร้างโลก The Lord of the Rings

เจมส์ คาเมรอน เปรียบการสร้าง "Avatar" ท้าทายเหมือนสร้างโลก The Lord of the Rings
แบไต๋
19 กุมภาพันธ์ 2566 ( 17:30 )
217

นิตยสาร TIME ได้เปิดเผยคำให้สัมภาษณ์บางส่วนของ เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับ ‘Avatar’ (2009) และ ‘Avatar: The Way of Water’ (2022) ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง ทำรายได้ทั่วโลกมากกว่า 2,000 ล้านเหรียญด้วยกันทั้งสิ้น

คาเมรอนได้แสดงความภูมิใจในการสร้างโลกของ ‘Avatar’ ขึ้นมาอย่างอย่างยอดเยี่ยม มีพื้นฐานที่แข็งแรงและน่าเชื่อถือมากพอที่จะทำให้ผู้ชมหลงรักได้ โดยเขายอมรับว่าาเขาเริ่มทีร่จะเปรียบตัวเขาเองกับ
เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน (J. R. R. Tolkien) และ ปีเตอร์ แจ็กสัน (Peter Jackson) ที่สร้างโลกของ ‘The Lord of the Rings’ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่เช่นกัน

“ผมเคยพยายามคิดเปรียบว่าตัวผมเองเป็นโทลคีนทีสร้างโลกของ ‘The Lord of the Rings’ จากนั้นก็เป็น ปีเตอร์ แจ็กสัน ที่ดัดแปลงมันเป็นโลกในภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม แต่ผมมีความทะเยอทะยานกว่าเล็กน้อย ผมไม่ได้ดัดแปลงมันจากวรรณกรรมระดับขึ้นหิ้งที่มีการเขียนรายละเอียดไว้ แต่ผมได้สร้างมันขึ้นมาใหม่ทั้งหมด”

เจมส์ คาเมรอน ในกองถ่าย ‘Avatar: The Way of Water’ : ภาพจากนิตยสาร Entertainment Weekly

การสร้างโลกของ ‘Avatar’ ขึ้นมานั้นมิใช่เรื่องง่ายสำหรับคาเมรอนและทีมงานเของเขาแต่อย่างใด เนื่องจากต้องใช้การออกแบบและการเรนดอร์ทุกอย่าง ทั้งสัตว์และพืช ออกมาเป็นภาพวิชวลเอฟเฟกต์ที่มีความสมจริงสูงสุดทั้งหมด ซึ่งต่างจากที่แจ็กสันนั้นใช้สถานที่จริงของประเทศนิวซีแลนด์ในการถ่ายทำฉากพื้นที่อันกว้างใหญ่บางส่วนของโลก ‘The Lord of the Rings’

นอกจากนี้ ‘Avatar: The Way of Water’ ยังมีการถ่ายทำฉากใต้น้ำจริง ๆ ซึ่งทีมนักแสดงจำเป็นต้องเรียนการดำน้ำกับหน่วย Navy SEAL ของสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถแสดงในฉากนี้ได้อย่างสมจริง กอรปกับการใส่ภาพวิชวลเอฟเฟกต์ที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด โดยคาเมรอนนั้นมักกจะถูกบีบให้ต้องคิดรายละเอียดใหม่ ๆ ลงไปอยู่เสมอ

นับว่าเป็นเรื่องน่าเซอร์ไพรส์มากที่คาเมรอนได้เปรียบเทียบงานสร้างโลก ‘Avatar’ ของตนเองนั้น เป็นความท้าทายครั้งใหญ่เช่นเดียวกับที่โทลคนและแจ็กสันสร้างโลกของ ‘The Lord of the Rings’ ขึ้นมาได้อย่างสมภาคภูมิ

ในปัจจุบัน ‘Avatar’ ได้กลายเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งทั้ง 2 เรื่อง ได้ทำรายได้ทั่วโลกรวมกันไปแล้วถึง 5,141 ล้านเหรียญ ในขณะที่แฟรนไชส์ ‘The Lord of the Rings’ นั้น (จำนวน 6 เรื่อง) ทำรายได้ทั่วโลกรวมกันไปได้ 5,845 ล้านเหรียญ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส