คุณผู้อ่านหลายท่านอาจจะเคยดูหนังเรื่อง Snowpiercer มาแล้วและติดใจกับความหมายหรือนัยยะที่หนังพยายามสื่อกับผู้รับชม ปี 2020 นี้ Snowpiercer กลับมาในรูปแบบของซีรีส์เริ่มฉายทาง Netflix วันที่ 25 พฤษภาคม 2020 ที่ผ่านมา สำหรับเวอร์ชันซีรีส์กำกับโดย Graeme Manson และ Josh Friedman เหตุการณ์เกิดจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น เหล่านักวิทยาศาสตร์และคนชั้นสูงจึงสร้างสิ่งประดิษฐ์ทำให้อากาศเย็นขึ้นแต่แล้วกลับตาลปัตรเมื่อบรรยากาศบนโลกกลายเป็นน้ำแข็ง หนาวติดลบเป็นร้อยองศา ทุกอย่างบนโลกดับสูญไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือรอดนอกจากกลุ่มคนบนขบวนรถไฟ 1,001 ตู้ของวิลฟอร์ด โดยขบวนรถไฟนี้แบ่งเป็น 4 ชั้น หนึ่งชนชั้นสูง สองเป็นคนชั้นกลาง สามชนชั้นล่าง สามชั้นนี้คือผู้มีตั๋วโดยสารก่อนโลกจะกลายเป็นน้ำแข็งและพวกเขาเหล่านี้คือผู้มีส่วนที่ทำให้โลกร้อนมากที่สุด ส่วนสุดท้ายคือคนท้ายขบวนที่แอบลักลอบขึ้นมาบนรถไฟ รถไฟวิ่งผ่านไปแล้วเป็นเวลา 7 ปี กลุ่มคนท้ายขบวนคิดแผนการก่อกบฏเพราะความไม่ยุติธรรมอันเกิดขึ้นบนรถไฟ การต่อสู้ระหว่างกลุ่มคนหัวขบวนและท้ายขบวนจึงเกิดขึ้น...รีวิว NO SPIOLซีรีส์ไม่ได้ปล่อยออกมาครบทุกตอน ครั้งแรกฉาย EP 1-2 ก่อน และต่อไปก็จะถ่ายทอดอาทิตย์ละตอน ฉะนั้นการรีวิวนี้จะอิงจาก EP 1-2 การดำเนินยังไม่หวือหวาหรือตื่นเต้นเพราะเน้นความเป็นมาของตัวละคร คุณผู้อ่านที่ดูเวอร์ชันหนังมาแล้วอาจจะรู้สึกว่าซีรีส์ไม่สนุก เมื่อมีสองอย่างเปรียบเทียบกันผลงานแต่ชิ้นย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป สำหรับซีรีส์นั้นผมมองว่านอกจากกำลังสร้างเรื่องราวให้ตัวละครแล้วยังขยายความของบทในเวอร์ชันหนังที่ยังไม่ได้รับการไขให้กระจ่างด้วยภาพทำออกมาสวยงามตามแบบฉบับของหนังปี 2020 รถไฟดูทันสมัย หรูหรา และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยความแตกต่างของหัวขบวนและท้ายขบวนทำออกมาเห็นได้ชัดมาก ดูแล้วรู้เลยว่าคนละชนชั้น ส่วนสภาพหิมะภายในโลกขาวโพลนทีมงามทำออกได้สมจริงโดยอิงจากสถานที่จริงที่รถไฟแล่นผ่าน สร้างความรู้สึกให้หิมะและความหนาวเหน็บกลายเป็นสิ่งอันตรายสำหรับมวลมนุษยชาติไปเสียแล้วความตื่นเต้นและสัจธรรมแห่งความเลื่อมล้ำภายในซีรีส์ยังไม่เด่นชัด อาจต้องรอตอนต่อ ๆ ไปมาเล่นประเด็นหลักของหนัง คุณผู้อ่านท่านใดคาดหวังว่าจะได้รับชมบทซีรีส์ที่เจ็บแสบหรือเสียดสีสังสมดั่งเช่นในหนังอาจต้องทำใจอดทนรอสักนิดเพราะสองตอนแรกผู้กำกับเล่นประเด็นนี้น้อยมาก อาจต้องรอตอนต่อ ๆ ไปหรือซีซั่นถัดไปกันเลยเทียวบทมีการดัดแปลงค่อนข้างมาก ส่วนตัวผมแล้วหลังดูจบรู้สึกขาดกลิ่นอายของการเป็น Snowpiercer เพราะเวอร์ชันหนังคือการลุกขึ้นสู้ของคนท้ายขบวนที่ใสซื่อและตรงไปตรงมาจนคนดูต้องเอาใจช่วย แต่เวอร์ชันซีรีส์สร้างบทให้ตัวละครดูแฟนตาซีและได้รับโอกาสมากเกินสมควร ผมเป็นอีกคนที่คาดหวังและรอคอยให้ตอนต่อไปทุกอย่างจะเริ่มเข้าที่เข้าทาง สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดเคยดูเวอร์ชันหนังแล้ว ผมอยากให้ลองเปิดใจดูเวอร์ชันซีรีส์ด้วยนะครับถึงแม้สองตอนแรกจะยังดูงงก็ตาม สำหรับวันนี้ของคุณครับรับชมได้แล้ววันนี้ที่Netflix ผ่านกล่องTrueIDขอบคุณรูปภาพทั้งหมดจาก Snowpiercer | Official Trailer | Netflix