Peaky Blinders เป็นซีรีส์แนวดราม่า-ประวัติศาสตร์จากสหราชอาณาจักร ที่เล่าเรื่องราวของแก๊งอาชญากรครอบครัว Shelby ในเมืองเบอร์มิงแฮม หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจบลง ซีรีส์เรื่องนี้นำเสนอทั้งเรื่องราวอาชญากรรม การเมือง ธุรกิจเถื่อน รวมถึงปมครอบครัวที่ซับซ้อน ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้โดดเด่นและควรค่าแก่การรับชมอย่างยิ่ง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! 1. พล็อตและบรรยากาศอันเข้มข้น เนื้อเรื่องมีมิติหลายชั้น Peaky Blinders เล่าเรื่องราวของโทมี เชลบี้ (Tommy Shelby) หัวหน้าแก๊ง Peaky Blinders ซึ่งเป็นแก๊งอาชญากรเล็กๆ ในย่านสมอลล์ฮีธ (Small Heath) เมืองเบอร์มิงแฮม เนื้อเรื่องเริ่มต้นในช่วงปี 1919 สถานการณ์หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อเศรษฐกิจย่ำแย่และอาชญากรรมระบาด โทมีเชลบี้ไม่เพียงแต่ต้องจัดการกับคดีต่างๆ แต่ยังต้องรับมือกับศัตรูทั้งจากในเมืองและองค์การรัฐ ทำให้เรื่องราวอัดแน่นไปด้วยแผนการร้าย การทรยศหักหลัง และการขยายอาณาจักรผิดกฎหมาย บรรยากาศเฉพาะตัว แต่ละฉากของ Peaky Blinders สะท้อนให้เห็นบรรยากาศเมืองอุตสาหกรรมในยุค 1920 ได้อย่างชัดเจน ทั้งอาคารโรงงาน บ้านจัดสรรทรุดโทรม รถม้าและยานพาหนะโบราณ ทำให้ผู้ชมอินกับโลกยุคนั้นได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งการออกแบบฉาก (production design) ยังใส่ใจรายละเอียดตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ไปจนถึงการตกแต่งภายในบ้านและบาร์เถื่อน ทุกรายละเอียดช่วยหล่อหลอมให้ผู้ชมรู้สึกราวกับเดินทางย้อนเวลากลับไปยุคนั้นจริง ๆ 2. ตัวละครที่มีมิติและเรื่องราวครอบครัวที่ซับซ้อน ตระกูล Shelby จุดเด่นสำคัญของ Peaky Blinders คือ “ตัวละคร” แต่ละตัวมีลักษณะบุคลิกที่เด่นชัดและมีความลึกซึ้ง เริ่มจากโทมี เชลบี้ (รับบทโดย Cillian Murphy) ชายหนุ่มผู้ทะเยอทะยาน เยือกเย็น แต่มีบาดแผลจิตใจจากการรบในสนามสงคราม ต่อมาคือ อาร์เธอร์ เชลบี้ (Arthur Shelby) พี่ชายของโทมีที่มีปัญหาทางอารมณ์จากสงครามและตกเป็นทาสของความรุนแรง เส้นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ครอบครัวเชลบี้แต่ละคนต่างมีบทบาทสำคัญในองค์กรอาชญากรรม–ไม่ว่าจะเป็น พอลลี่ เชลบี้ (Polly Shelby) ย่าของโทมี ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านการเงินและกลยุทธ์, จอห์น เชลบี้ (John Shelby) ผู้รับผิดชอบงานภาคพื้นดิน ฯลฯ “ความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกครอบครัว” เป็นดั่งเส้นเลือดใหญ่ของเรื่อง หลายครั้งที่ความจงรักภักดีและความแค้นสับสนปนกัน จนกลายเป็นภาระให้โทมีต้องหาทางจัดการ ตัวละครเสริมที่น่าจับตามอง นอกเหนือจากตระกูลเชลบี้แล้ว ยังมีตัวละครสำคัญอื่นๆ เช่น สเตฟาน กรินด์แมน (Inspector Arthur Shelby) เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีแรงจูงใจซับซ้อน, เกรซ เบอร์ทัน (Grace Burgess) สาวสวยแฝงตัวเข้ามาสืบ (later love interest), ไมก้า มอร์แกน (Michael Gray) หลานชายที่ถูกดึงเข้ามาร่วมวงการ, และผู้มีบทบาททางการเมือง-ธุรกิจอีกมากมาย ทุกตัวละครมีทั้งจุดอ่อน-จุดแข็ง และมีเหตุจูงใจที่ทำให้เรื่องราวพัฒนาอย่างไม่คาดคิด 3. การแสดงที่ยอดเยี่ยมและบรรยากาศดุดัน Cillian Murphy ในบทโทมี เชลบี้ การรับบทโทมี เชลบี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตัวละครมีทั้งความดุร้าย ฉลาดเหนือคนทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องสื่ออารมณ์ความอ่อนไหวภายในใจของชายที่ผ่านสงครามมา ทีมงานและนักแสดงสามารถสื่อสารอารมณ์เหล่านี้ผ่านสายตาและท่าทางได้อย่างน่าทึ่ง ทีมนักแสดงสมทบ Helen McCrory (Polly Shelby), Paul Anderson (Arthur Shelby), Joe Cole (John Shelby), Annabelle Wallis (Grace Burgess) และ Alfie Solomons (รับบทโดย Tom Hardy) ล้วนเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงและเชี่ยวชาญการแสดงบทบาทเข้มข้น Tom Hardy ในบท Alfie Solomons เจ้าพ่อแก๊งมะตอย คล้ายจะช่วยเหลือหรือคอยหักหลังตระกูลเชลบี้อย่างไม่อาจคาดเดาได้ ผนวกกับนักแสดงเสริมอีกหลายคน ทำให้ Peaky Blinders เต็มไปด้วยพลังการแสดงระดับคุณภาพ บรรยากาศที่ดุดันและดาร์ก ซีรีส์ไม่หลบเลี่ยงการนำเสนอความรุนแรง แข็งกร้าว และฉากท้องถนนที่อันตราย ภาพยนตร์ใส่ใจทุกรายละเอียดฉากต่อสู้ เสียงปืน การขี่ม้าไล่ล่า หรือแม้แต่การชกต่อยในบาร์ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศ “ดิบ” ได้อย่างชัดเจน ทำให้ผู้ชมรู้สึกหลุดเข้าไปในโลกของอาชญากรรมยุคหลังสงคราม 4. เพลงประกอบและภาพถ่าย-ซีนีมาทากราฟฟี (Cinematography) ดนตรีสมัยใหม่ในฉากประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นอีกอย่างของ Peaky Blinders คือการเลือกใช้เพลงร่วมสมัย (modern rock / alternative) ประกอบฉากยุค 1920 อย่างตรงกันข้ามแต่กลับลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเพลงจาก Nick Cave & The Bad Seeds, Arctic Monkeys, PJ Harvey หรือ The White Stripes ซึ่งแทนที่จะใช้เพลงบรรเลงสมัยโบราณ ซีรีส์กลับเลือกเพลงยุคปัจจุบันที่มีจังหวะเข้มข้น ช่วยสร้างความตื่นเต้น สะท้อนเสียงของตัวละครที่แข็งกร้าวและทะเยอทะยาน ภาพถ่ายและการจัดแสง การจัดคอมโพสท์ภาพและโทนสีของ Peaky Blinders มีความดาร์ก-โทนเย็น สลับกับแสงสลัวในซอกซอยหรือโกดังเก็บสินค้า สิ่งนี้ช่วยส่งเสริมอารมณ์ “สุ่มเสี่ยง” และ “อันตราย” ให้ผู้ชมรู้สึกตั้งแต่ฉากแรก ภาพกล้องมักเคลื่อนไหวในมุมต่ำเพื่อเน้นอำนาจและความยิ่งใหญ่ของตัวละคร รวมถึงการใช้ฟิลเตอร์สีซีเปียหรือโทนฟ้าอมเทา เพื่อสื่อถึงความโหดร้ายของยุคหลังสงคราม 5. ธีมและฉากหลังประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ประวัติศาสตร์เบื้องหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Peaky Blinders ไม่ใช่แค่เรื่องอาชญากร แต่ยังแทรกปมข้อขัดแย้งทางสังคม สภาพเศรษฐกิจ และบาดแผลทางใจของทหารผ่านศึก เช่น โทมีและอาร์เธอร์ เชลบี้ ต่างประสบ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) ซีรีส์ย้ำให้เห็นว่าความรุนแรงในสนามรบไม่ได้หมดไปหลังสงคราม แต่ยังส่งผลต่อสังคมและครอบครัว 6. รีวิวหลังจากการรับชม Peaky Blinders ตอนแรกก็ผมแค่เปิดดูเพราะเห็นคนพูดถึงเยอะ ไม่คิดว่าจะติดขนาดนี้ แต่พอดูไปไม่กี่ตอนคือ โดนดูดเข้าไปเต็ม ๆ ทั้งบรรยากาศเมืองอังกฤษยุคหลังสงคราม บวกกับความเข้มข้นของเรื่องราวและตัวละครหลักอย่าง Tommy Shelby ที่ทั้งคูล ทั้งลึก ทั้งซับซ้อน ดูแล้วรู้สึกทั้งเท่ ทั้งหดหู่ในเวลาเดียวกัน สิ่งที่ผมชอบมากคือความเนี๊ยบของทุกองค์ประกอบ เสื้อผ้าหน้าผม เพลงประกอบ เท่แบบไม่ฝืนเลย ทุกอย่างมันลงตัวมากโดยเฉพาะเพลงเปิด อีกอย่างที่ชอบคือมันไม่ได้เล่าแค่เรื่องอาชญากรรม แต่มันพาเราเห็นภาพของสังคม การเมือง การเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย และความเปราะบางของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง บางตอนมีความรู้สึกเหมือนดูหนังดี ๆ เรื่องหนึ่งมากกว่าซีรีส์ด้วยซ้ำ สรุปสั้น ๆ: ดิบ เท่ ลึก และโคตรจะติดใจ ส่วนตัวผมให้ 9.5/10 เพราะมีบางช่วงช้านิดนึง แต่ก็เข้าใจได้ เพราะมันค่อย ๆ ปูเรื่องราว 7. สรุปเหตุผลที่ควรดู Peaky Blinders เรื่องราวเข้มข้นหลากหลายมิติ – ไม่ใช่แค่ซีรีส์อาชญากรรมธรรมดา แต่ใส่ประเด็นสงคราม การเมือง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ในครอบครัวอย่างลงตัว ตัวละครมีเสน่ห์เข้มข้น – แต่ละคนมีบุคลิกชัดเจนและมีพัฒนาการตลอดซีซั่น ทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันหรืออยากรู้ว่าพวกเขาจะดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไป คุณภาพการถ่ายทำและดนตรี – ภาพโทนมืด ดุดัน ตัดสลับกับเพลงยุคปัจจุบันที่สอดคล้องอารมณ์ เพิ่มอรรถรสในการรับชม บริบทประวัติศาสตร์และสังคม – ได้เรียนรู้แง่มุมประวัติศาสตร์ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งของอังกฤษ ผ่านการเล่าเรื่องแม่นยำและสมจริง กระแสวัฒนธรรมและแฟชั่นที่ยิ่งใหญ่ – หากดูแล้ว คุณจะเข้าใจว่าทำไม “Peaky Blinders Style” ถึงเป็นไอคอนแฟชั่น และทำให้ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกระแสวัฒนธรรมป๊อปอย่างแท้จริง หากคุณกำลังมองหา “ซีรีส์ที่ไม่เหมือนใคร” ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกอาชญากรรมยุคเก่า พร้อมงานสร้างคุณภาพสูงและเรื่องราวที่จับใจ Peaky Blinders คือคำตอบที่ต้องไม่พลาด ปล. ควรชมตั้งแต่ซีซั่นแรกเพื่อเข้าใจพัฒนาการตัวละครและเงื่อนไขทางสังคมในแต่ละช่วงเวลาของเรื่องอย่างครบถ้วน รูปหน้าปก : รูปที่1 รูปภาพที่1 : จากเฟสบุ๊ค Peaky Blinders รูปภาพที่2 : จากเฟสบุ๊ค Peaky Blinders รูปภาพที่3 : จากเฟสบุ๊ค Peaky Blinders รูปภาพที่4 : จากเฟสบุ๊ค Peaky Blinders เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !