ก็นับว่าเป็นกระแสฮือฮากันอยู่พักใหญ่ๆ เลยทีเดียว เมื่อทาง DC นั้นสุดจะใจกล้าและบ้าบิ่นหยิบเอาเรื่องราวที่ไม่เคยทำมาก่อนออกมาสร้างเป็นหนังที่มีความเป็นเอกเทศ อย่างการหยิบสุดยอดตัวร้ายที่แสนเหี้ยมโหดมานำเสนอเป็นเรื่องราวของตัวเอง ที่ไม่ได้เชื่อมต่อกับจักรวาลใดๆ ของ DC เรียกได้ว่ามันคือ โจ๊กเกอร์ ที่ไม่ใช่โจ๊กเกอร์ที่คุณๆ รู้จักกันอย่างแน่นอนครับเรื่องย่อของหนังเรื่องนี้นั้นช่างเรียบง่ายเหลือเกิน “อาเธอร์ เฟล็กซ์” (วาร์คีน ฟินิกซ์) ชายหนุ่มที่มีความฝันอันแสนสดใสและมีใบหน้าเปื้อนเปรอะไปด้วยรอยยิ้มและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก เขานั้นต้องเข้ามาในสังคมเมืองที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำและความรุนแรง ท่ามกลางการเดินตามความฝันที่แสนยากลำบากนั้น เขาก็ค่อยๆ ถูกยัดเยียดสิ่งเลวร้ายเข้ามาอย่างมหาศาล ที่สุดท้ายแล้วมันก็ได้เปลี่ยนให้คนที่พยายามจะแสนดีที่สุด...กลายเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุดนั่นเองผมต้องบอกไว้ตรงนี้เลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกๆ คน แม้ว่าจะเติบโตเพียงใด อายุมากแค่ไหน มีประสบการณ์ชีวิตเท่าไหร่ สำหรับผมยิ่งรู้สึกว่าหนังมันกำลังขับกล่อมความเจ็บปวดของใครก็ตามให้ออกมาทางความรู้สึก ยิ่งคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมามากมาย ความเลวร้ายที่ฝ่าฟัน มันก็ยิ่งทำให้คนๆ นั้นจะจมดิ่งไปกับตัวหนังได้มากขึ้นทั้งเรื่องนั้นไม่มีช่วงไหนให้เราผ่อนคลายเลยแม้แต่วินาทีเดียวครับ มันเปิดมาด้วยความรุนแรง เดินหน้าต่อไปด้วยความเหลือล้ำ และความทารุณที่คนๆ หนึ่งยังต้องเจอ มากกว่า 80% ของเรื่องนั้น เราจะได้เห็นตัวอาเธอร์อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เราได้มองเห็นและติดตามชีวิตของเขาอย่างเจาะลึก ส่วนนี้บางคนบอกน่าเบื่อเกินไป แต่สำหรับผม กลับมองว่าหนังมันค่อยๆ ทำให้เราได้รับรู้ถึงหัวใจนายอาเธอร์ครับ จนเกือบคล้ายว่าเรานั้นได้เป็นตัวอาเธอร์ เฟล็กซ์คนนี้เลยทีเดียว ทั้งอาการที่เขาแบกรับอยู่ รวมทั้งเสียงหัวเราะที่ยังคงหลอกกลอยอยู่ในโสตประสาทหัวใจของผมเต้นระส่ำอยู่ตลอดเวลาที่นั่งมองภาพตรงหน้า มันบาดลึกทั้งทางด้านอารมณ์หนัง การแสดงของตัววาร์คีน ฟินิกซ์ที่ผมรู้สึกว่าผมโดนเขาครอบงำความรู้สึกไปแล้วเต็มๆ แม้กระทั่งตอนที่เดินออกมาจากโรงแล้ว หัวผมก็ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและหน่วงหนัก เรียกได้ว่าจิตใจของผมได้รับความสาหัสพอประมาณเลยทีเดียว ผมเองมีอาการแพนิคมาสักพักแล้ว น่าจะร่วมปี แต่ผมก็ยังเลือกที่จะดูหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะว่าผมอยากจะก่อการร้าย แต่ผมแค่อยากรับรู้ความรู้สึกของเขาเพื่อบอกกับตัวเองว่า...สิ่งที่เราเจอมันช่างเล็กจ้อยเหลือเกิน เพื่อที่จะได้ต่อเติมกำลังใจให้ตัวเองต่อไปแต่สำหรับคนที่จิตใจบอบบางและอ่อนไหว อินกับทุกๆ อย่างได้อย่างง่ายดาย ดูได้ครับถ้าอยากดู แต่ควรมีคนที่คอยแนะนำและอยู่ข้างๆ เขาเสมอเพราะเพื่อนผมอินจัดจนนั่งร้องไห้อยู่ในโรงเนื่องจากตัวหนังมันกดดันเธอมากเกินไป ทว่าสุดท้ายแล้วเธอก็แยกแยะความรู้สึกของตัวเองได้ ดังนั้นผมจึงไม่ได้มองว่าหนังเรื่องนี้มันจะส่งเสริมให้คนหันมาแข็งข้อกับโคชะตา แต่มันกำลังจะบอกเราว่า...บรรยากาศรอบข้างสามารถเปลี่ยนคนเราได้จริงๆ ไม่ว่าจะแข็งแรงเพียงใด ฉะนั้นเราควรหาที่ทาง หรืออยู่ท่ามกลางสถานที่ๆ เต็มไปด้วยพลังบวกเสมอ...เพราะมันคงไม่มีที่ไหนเลวร้ายเท่าก็อตแธมแล้วละครับ...แม้ว่ามันจะแค่ “คล้ายๆ” ก็ตามตัวหนังมีปมอะไรต่างๆ มากมายเต็มไปหมดครับ ทว่าหากแต่ทุกๆ อย่างก็ค่อยๆ เคลียร์ไปทีละประเด็นอย่างฉับไวเช่นกัน เลยไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องราวมันเอื่อยเฉื่อยครับ แม้ว่าช่วยไคลแมกซ์ของเรื่องราวนั้นจะอยู่ใกล้ตอนจบมากไปหน่อย แต่ผมก็รู้สึกว่ามันพอดิบพอดีกับทุกๆ อย่าง ซึ่งถ้าขอได้ ก็อยากได้อีกนิดหน่อยเท่านั้นเองดังนั้นแล้ว สำหรับปีนี้ ผมยังขอยกให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ทำร้ายจิตใจของผมได้อย่างถึงที่สุดเรื่องหนึ่งเลยครับ แต่ก็ยังคงแนะนำให้ดูอยู่ดี เพราะถึงแม้มันจะไม่ได้เกี่ยวกับสตอรี่ของแบทแมนโดยตรง แต่มันก็ทำให้เราได้รู้ว่าก่อนที่เราจะดำสนิท...คนเราทุกๆ คนก็ผ่านความขาวสะอาดมาก่อนเราควรที่จะเข้มแข็งเอาไว้ อย่าให้ใครเอาสีดำมาเปรอะเปื้อนเรา...และไม่ควรจะเป็นเรา ที่เอาสีดำไปป้ายไว้กับใครขอให้มีความสุขกับการดูหนังเรื่องนี้ครับ...หวังว่าจิตใจของคุณจะเข้มแข็งได้มากขึ้นอย่างถึงที่สุด#น้องหีบขอบคุณรูปภาพประกอบจากเพจภาพยนตร์ JOKER 2019 https://web.facebook.com/jokermovie/