นั่งคุยกับผู้สร้างหนังญี่ปุ่นสุดฮิต "It’s a Summer Film!" ขึ้นแท่นขวัญใจคนดูแห่งปี
ข่าวสารวงการหนัง It’s a Summer Film! (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้วหน้าร้อนนี้!
"It’s a Summer Film! (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้วหน้าร้อนนี้!" กลายเป็นหนังเล็กๆ ที่มอบผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในแง่กระแสตอบรับจากผู้ชมในปี 2021 ที่ผ่านมา และเมื่อครั้งที่หนังออกฉายในเทศกาลหนังญี่ปุ่น 2022 ที่เมืองไทย ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าเป็นหนังเพียงเรื่องเดียวในเทศกาลที่สามารถทำยอดขายตั๋วเต็มทุกรอบ-ทุกที่นั่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ และวันนี้ได้มาพูดคุยกับ "โซชิ มัทสึโมโตะ" ผู้กำกับและเขียนบทที่อยู่เบื้องหลังในการสร้างสรรค์หนังเรื่องนี้...
แรงบันดาลใจที่ทำให้คุณตัดสินใจสร้างหนังเรื่องนี้?
ผมได้พูดคุยกับคุณ นาโอยูกิ มิอุระนักเขียนบทละคร ที่มีโอกาสร่วมงานกันหลายต่อหลายครั้งว่า “อยากทำหนังยาวบ้างเนอะ” จนราว ๆ ฤดูใบไม้ผลิปี 2018 เราก็เริ่มจัดการประชุมเพื่อวางแผนสร้างหนังยาวขึ้น ส่วนใหญ่พวกผมก็พากันไปซาวน่าแล้วพูดคุยกันเรื่องผลงานที่ได้ชมได้อ่านในช่วงที่ผ่านมาแล้วค่อยคุยกันเรื่องแผนและบทกันแบบคร่าว ๆ จนวันหนึ่งหลังจากที่พวกเราเข้าซาวน่าเสร็จแล้วนั่งคุยกันที่โรงอาหารจนถึงเช้าวันนั้น เราคุยกันจนจากโครงเรื่องที่ไม่มีอะไรจนกลายเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทั้งบทหลักและคาแรคเตอร์ของตัวละคร คืนนั้นต่างคนต่างไอเดียพุ่งกระฉูด ผมยังจำความตื่นเต้นในตอนนั้นได้เลย “มันเจ๋งแน่ๆ ถ้าทำตามนี้ได้” ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลยครับในชีวิต (จากนั้น เพื่อนของพวกเราอย่างคุณ โคเฮ อิไนสุมิ บรรณาธิการหนังสือการ์ตูน และ คุณมิยาโมโตะ โอคุยามะ แห่ง LOLO Productiondก็เข้ามาร่วมด้วย) ในระหว่างการประชุมวางแผน ผมคิดว่า “บทนำเรื่องนี้ต้องเป็นคุณมาริกะ อิโตะ เท่านั้น” วันถัดมาจึงใช้เส้นสายคนรู้จักติดต่อผู้จัดการของคุณ มาริกะ อิโตะ แล้วให้เธอพิจารณาบทจนสุดท้ายภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ออกมาจนได้ครับ
เหตุผลที่เลือก คุณอิโตะ และ คุณคาเนโกะ มารับบทนำ?
ตัวละครหลักอย่างฮาดาชิ คือเด็กม.ปลายที่มีแพชชั่นอย่างแรงกล้าในการสร้างผลงาน คนที่น่าจะต่อสู้ด้วยดาบได้ พอคิดอย่างนั้นแล้วชื่อของคุณมาริกะ อิโตะ ลอยขึ้นมาทันทีเลยครับ คุณอิโตะเองก็เป็นศิลปินที่สร้างสรรค์งานศิลปะอยู่แล้ว อีกทั้งภาพที่เธอแสดงและเต้นไปด้วยใน “Hajimarika,” เป็นภาพจำที่ติดหัวอยู่ ถ้าเทียบกับบทฮาดาชิแล้วเราค่อนข้างใช้เวลาในการคิดภาพลักษณ์ที่อยากให้เป็นของบท รินทาโระ นานอยู่เหมือนกัน จนได้เจอกับคุ ไดจิ คาเนโกะ ด้วยท่าทางการยืนที่สง่าผ่าเผย อีกทั้งแววตาของเขาทำให้ผมมั่นใจว่า “นี่แหละรินทาโระ!” (ในหนังฮาดาชิก็พูดแบบเดียวกัน ความรู้สึกของผมไม่ต่างจากเธอในหนังเลย) ทั้งบทชายหนุ่มผอมสูงจากเรื่อง Fujoshi, Ukkari Gei Ni Tsugeru ที่เขาเคยเล่นทำให้ภาพลักษณ์ของรินทาโระ เด่นชัดขึ้นมา ทั้งคาแรคเตอร์ของเจ้าตัวที่มีสีหน้าดูเหมือนจะเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่พอเจอตัวแล้วกลับเป็นมิตร (แถมยังไฟแรง) ก็ดูเหมาะกับรินทาโระดีครับ
ได้ไอเดียภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากไหน?
ก่อนอื่นเลย ผมเริ่มคิดโครงเรื่องด้วยคอนเซ็ปที่ว่า อยากทำหนังฤดูใบไม้ผลิที่ไม่เน้นความโรแมนติก อยากพูดถึงเหล่าวัยรุ่นที่ตั้งใจสร้างอะไรบางอย่าง อยากให้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างหนังดราม่าประวัติศาสตร์โดยโอตาคุละครประวัติศาสตร์ ให้ตัวเอกของเรื่องเป็นคนชอบสวนกระแส มีความชื่นชอบในนักแสดงละครประวัติศาสตร์สมัยก่อน มีคนจากอนาคตที่เป็นแฟนคลับของตัวเอกย้อนเวลามาร่วมสร้างภาพยนตร์ด้วยกัน ผมรู้สึกว่าการที่ลูกศรโยงระหว่างอดีต ปัจจุบันและอนาคตล้อกันไปล้อกันมาแบบนี้มันน่าสนุกดี รู้สึกว่ามันน่าสนใจที่ปลายมันบรรจับกันตอนท้ายเรื่องแล้วมุ่งไปสู่อนาคตเหมือนกัน ผมเชื่อว่าการก้าวจากอดีตสู่อนาคตสามารถทำได้และมันทับซ้อนกับการสร้างภาพยนตร์ด้วย
มีผลงานใดบ้างที่ใช้อ้างอิงในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?
พวกจังหวะการดำเนินเรื่องของ "Water Boys" ผลงานชิ้นเอกของสโมสรภาพยนตร์ระดับไฮสคูลมีประโยชน์มากตอนคิดพล็อตเรื่องครับ อย่างภาพยนตร์เรื่อง “Linda Linda Linda” ก็ถือเป็นภาพยนตร์โปรดของผม ในหนังมี “ฉากตามหานักร้องนำของวงในสวน” ผมเลยหยิบล้อเป็นฉาก “ตามหานักแสดงนำ” ในเรื่อง ผมย้อนกลับไปดูภาพยนตร์เรื่อง The Girl Who Leapt Through Time อยู่หลายครั้ง อย่างภาพยนตร์เรื่อง "Location" ที่กำกับโดย อซุมะ โมริซากิ ที่ขอบเขตของนิยายมันคลุมเครือในตอนท้ายก็มีประโยชน์เช่นกัน ฉากไคลแม็กซ์ในโรงยิมของภาพยนตร์อเมริกาชื่อดังเรื่อง “Rushmore” ก็ด้วย อีกทั้งผมยังได้แรงบันดาลใจจากเนื้อเพลง Oldies ของแร็ปเปอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อ PUNPEE ด้วยครับ
ที่ผ่านมาคุณเคยมีส่วนร่วมในในการสร้างโฆษณาและมิวสิควิดีโอมาบ้างแล้ว?
ได้นำประสบการณ์เหล่านั้นมาใช้ในการสร้างภาพยนตร์ไหม นอกจากนี้ ช่วยเล่าถึงความแตกต่างด้วย ผมรู้สึกว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากการสร้างโฆษณาและมิวสิกวิดีโอถูกใช้ในฉาก ภาพสเกตช์ที่ไม่มีบทสนทนา นี่เป็นครั้งแรกที่ผมถ่ายทำหนึ่งตัวละครนานขนาดนี้ ดังนั้นประสบการณ์ในการทำความรู้จักกับตัวละครในขณะถ่ายทำจึงเป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก
อะไรที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ที่พิถีพิถันเป็นพิเศษ?
ผมคิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือการปูเรื่องขึ้นเพื่อฉากสุดท้าย ดังนั้นผมจึงคิดเสมอว่าจะเดินเรื่องไปฉากสุดท้ายอย่างไรโดยไม่ให้มันจาง ผมอยากพาคนดูไปจนถึงฉากสุดท้าย พอกันกับความกระตือรือร้นของฮาดาชิที่ลากเพื่อนๆและคนรอบตัวมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ความกระตือรือร้นของฮาดาชิไม่มีทางโกหกความรู้สึกชอบที่เธอมีให้แก่ละครประวัติศาสตร์และความอยากสร้างภาพยนตร์ของเธอ ผมจึงมีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้กับคุณ อิโตะ ก่อนการถ่ายทำหลายครั้ง
ความรู้สึกหลังผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จสิ้น?
จนกว่าหนังจะเสร็จ มีปัญหาอยู่มากมายครับ (มีการพักการถ่ายทำไปเพราะ COVID-19) ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าไฟที่แรงกล้าจากการพูดคุยกันคืนนั้นจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ขึ้นจอใหญ่ ขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสผู้กำกับมือใหม่คนนี้ด้วยครับ
It’s a Summer Film! ได้แฝงความรู้สึกอะไรไว้ในชื่อภาพยนตร์รึเปล่า?
It’s a Summer Film! กับแนวคิดที่ว่า หนัง = ไทม์แมชชีน เหมือนเราได้นั่งไทม์แมชชีนไปด้วย
ในฐานะผู้กำกับของภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากฝากอะไรถึงคนดูบ้าง?
ผมยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่าอยากจะฝากอะไรถึงคนดู ในภาพยนตร์เรื่องนี้แม้จะมีการทำภาพยนตร์เป็นแรงจูงใจอยู่แต่สิ่งที่อยากจะสื่อไม่ใช่ “ความรักที่มีต่อภาพยนตร์” ครับ แต่เป็นความชื่นชอบ ความชื่นชอบในละครประวัติศาสตร์ของฮาดาชิ มันดึงดูดให้ได้พบกับรินทาโระ “ความรู้สึกชอบมันถูกส่งต่อให้ใครบางคน แล้วมันก็ยังทำให้ใครบางคนลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง” ผมเชื่อในพลังในการชื่นชอบอะไรสักอย่าง
จากนี้อยากสร้างผลงานแบบไหน?
อยากสร้างผลงานที่มีความ POP และเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานครับ
It’s a Summer Film! (เกือบจะไม่ได้) ฉายแล้วหน้าร้อนนี้!
17 มีนาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์
----------------------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa