รีวิวหนัง "Sonic the Hedgehog 3" มหกรรมแฟนเซอร์วิส กระหน่ำใส่รัว ๆ แบบต้องกรีดร้อง

นี่น่าจะเป็นแฟรนไชส์หนังที่เซอร์วิสออกมาได้อย่างรวดเร็วทันใจ ทันสถานการณ์ ทันความต้องการของแฟนหนังสุด ๆ ในยุคนี้ เพราะเพียงแค่เวลา 5 ปีนิด ๆ ก็สามารถเติมเต็มจนครบเป็นหนังไตรภาคได้อย่างเกรียงไกรแล้ว และนี่ก็คือ "Sonic the Hedgehog 3" การกลับมาของโซนิคและพ้องเพื่อนเป็นหนที่ 3 ที่ยังตอกย้ำการเป็นหนังจากวิดีโอคลาสสิกที่ประสบความสำเร็จแบบเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ที่ไม่ใช่แค่ด้านรายได้เท่านั้น

โซนิค, นัคเคิลส์ และ เทลส์ กลับมาร่วมทีมกันอีกครั้งเพื่อเผชิญหน้ากับศัตรูผู้แข่งแกร่งคนใหม่ ชาโดว์ วายร้ายลึกลับที่พลังของเขาเป็นอะไรที่ทั้งสามไม่เคยพบเจอมาก่อน ด้วยความสามารถที่ทัดเทียมกันในทุกเรื่อง ทีมโซนิคจึงจำเป็นต้องร่วมมือกับอดีตศัตรูเพื่อหวังที่จะหยุดยั้ง ชาโดว์ และปกป้องโลกใบนี้เอาไว้ให้ได้

• "Sonic the Hedgehog 3" มีฉากเครดิตท้ายเรื่องหรือไม่ แล้วมีอะไรที่แอบซ่อนบอกใบ้ไว้

"เจฟฟ์ โฟวเลอร์" ยังคงกลับมาสานต่อและรับหน้าที่ของเขาอีกครั้ง กลายเป็นผู้กำกับที่ลุยจับงานสร้างหนังเรื่องนี้ต่อเนื่องครบ 3 ภาคกันเลย ที่แน่นอนว่าครั้งนี้งานของเขาก็ยังไร้รอยต่อทอเต็มผืนอีกเช่นเคย เพราะเป็นการแผ่ขยายสิ่งที่ตัวเองสร้างและปูเอาไว้ตั้งแต่เริ่มต้น จนปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ยิ่งสร้างยิ่งแข็งแรง และยิ่งมีความเป็นปีกแผ่นที่หนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ กับจักรวาลที่ถูกเติมเต็มและแต่งเติมทีละน้อยในแต่ละสตอรี่

สำหรับใน Sonic the Hedgehog 3 ยังคงได้ 3 นักเขียน "แพท แคทซีย์", "จอช มิลเลอร์" และ "จอห์น วิธทิงตัน" กลับมารับหน้าที่ร้อยเรียงเขียนบทหนังให้อีกเหมือนเคย ที่งานบทหนังของพวกเขาก็ยังคล่องแคล่วและไหลลื่นไปด้วยดี โดยเฉพาะในแง่การสร้างแฟนเซอร์วิสให้กับผู้ชม ที่เต็มไปด้วยกิมมิกที่เป็นอีสเตอร์เอ้กจากวิดีโอ ที่ทำให้แฟนเกมชุดนี้ต้องเพลินไปกับการเก็บรายละเอียดจากหลาย ๆ ภาคส่วนที่มาเติมเต็มจินตนาการได้เป็นอย่างดี

แต่ทั้งนี้ด้วยความที่ Sonic the Hedgehog 3 เป็นหนังที่มีคอนเซ็ปต์เป็นหนังจากวิดีโอเพื่อคนดูทั้งครอบครัว แน่นอนว่าจังหวะของหนังจึงค่อนข้างเน้นความโบ๊ะบ๊ะ แบบทีเล่นทีจริงเหมือน ๆ กับภาคก่อนหน้านี้ ที่อาจจะมีมุมที่ขึงขังจริงจังปะปนสอดแทรกไปกับมุกตลกเบาสมองเบาปัญญาตามแบบฉบับหนังเอาใจน้อง ๆ หนู ๆ แต่มันก็กลายเป็นท่วงท่าที่กำลังพอเหมาะพอเจาะ ที่สามารถดูได้เพลิดเพลินดีทุกกลุ่มวัย ชนิดที่สามารถมองข้ามรอยรั่วต่าง ๆ ที่พบเห็นในหนังอยู่ประมาณหนึ่ง

โดยเฉพาะเมื่อมาผนวกเข้ากับองค์ประกอบงานสร้างที่จัดจ้าน รักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้อย่างมั่นคง นี่คือหนังที่ยังผสมผสานกันระหว่างแอนิเมชันกับคนแสดงจริง ที่ได้ยินว่าเป็นการจับมือกันสร้างของ 6 โปรดักชันแอนิเมชันชั้นนำในยุคนี้เลยทีเดียว กลายออกมาเป็นงานที่ผสมผสานที่ดูโฟลว์ขึ้น ดูคล่องแคล่วขึ้น และทำออกมาได้สาแก่ใจแฟน ๆ ได้ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเทคนิคการสร้างฉากต่อสู้และแอคชันต่าง ๆ บอกได้เลยว่าหนังมอบประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

สำหรับผู้เขียนนั้นได้มีโอกาสได้ชมหนังเรื่องนี้ในรอบฉายที่ปะปนไปด้วยกลุ่มแฟนตัวยงของโซนิค ที่ฟีดแบกบรรยากาศระหว่างการชมนั้นค่อนข้างเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะได้สัมผัสกับฟีลความเอ็นจอยของแฟน ๆ ที่ส่งเสียงกรีดร้องและแสดงออกถึงรีแอคชันอย่างเต็มที่ ถึงซีนและตัวละครต่าง ๆ ที่สร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ นี่จึงกลายเป็นหนังที่สามารถทำหน้าที่แฟนเซอร์วิสไว้ได้อย่างหนักแน่น และชวนประทับใจไม่น้อยเลย

ขณะที่ฝั่งการแสดงที่ต้องบอกเลยว่า Sonic the Hedgehog 3 อาจจะค่อนข้างให้ความสำคัญกับพาร์ทคนแสดงลงไปจากภาคที่แล้วอีกด้วยซ้ำ แต่ "จิม แคร์รี" ก็ยังมอบการแสดงระดับพรสวรรค์ติดตัวของเขาดุจเทพสร้างอีกครั้ง นี่คือเอกลักษณ์เฉพาะตัวของซุปตาร์รุ่นใหญ่ที่จับตัวยากจริง ๆ หามีใครจะเต็มที่ได้เทียบเท่ากับเขาไม่ได้เลย นี่คือการตัดสินใจเบรกแนวทางเกษียณเพื่อกลับมาสานต่ออีกครั้งที่น่าประทับใจ และถึงใจจริง ๆ

ฝั่งนักแสดงที่มาให้เสียงพากย์ก็ยังคงได้ "เบน ชวาร์ตซ์" กลับมาให้เสียงเป็น โซนิค อีกเช่นเคย และเสียงของเขาก็กลายเป็นไอคอนิคประจำตัวคาแรกเตอร์ไปแล้ว "คีอานู รีฟส์" ที่โผล่มาร่วมแจมเป็นตัวละครใหม่ในภาคนี้ อย่าง ชาโดว์ ที่น้ำเสียงของเขาได้เพิ่มมิติให้กับตัวละครนี้ได้อย่างทรงพลัง และน่าค้นหามาก ๆ โดยที่ "คอลลีน โอ'ชอกเนสซีย์" กับ "ไอดริส อัลบา" ก็ยังทำได้ดีในการเป็นเงาเสียงของ เทลส์ กับ นิคเคิลส์

ดังนั้นโดยภาพรวมแล้วนั้น Sonic the Hedgehog 3 เป็นการกลับมาเป็นปังยิ่งขึ้นกว่าครั้งไหน ๆ ยิ่งครั้งนี้ได้จังหวะมาเป็นโปรแกรมหนังส่งความสุขช่วงส่งท้ายปี กลายออกมาเป็นหนังบันเทิงครอบครัวที่กระหน่ำความสุขให้กับผู้ชมได้เป็นอย่างสุดจึ้ง อีกทั้งยังสามารถโกยความประทับใจของแฟน ๆ ได้เป็นอย่างดีจากแฟนเซอร์วิสและอีสเตอร์เอ้กที่ใส่มเพียบ งานสร้างที่ตื่นตาตื่นใจและทำได้ถึงในทุก ๆ ฉาก เป็นส่วนที่บิวท์อารมณ์ได้เป็นอย่างดี บอกได้เลยว่าโซนิคยังจะเป็นแฟรนไชส์หนังที่สามารถไปต่อไปอีกไกล ไปได้อีกหลายภาค หรือจะสามารถเรื่อย ๆ เป็นสไตล์หอแต๋วแตกแบบเรา ไม่มีที่สิ้นสุดก็ไม่ติดนะ