พึ่งได้มีโอกาสมาดูซีรีส์ "เทพบุตรจุติมารัก" ที่ออกอากาศบนแพลตฟอร์ม iQIYI จบหมาด ๆ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรมาก คิดว่าน่าจะเป็นแนว Romantic Comedy เบา ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่เน้นเรื่องมิตรภาพและการผจญภัยในโลกของผู้บำเพ็ญ ที่มีองค์ประกอบของความแฟนตาซี มีฝึกตน ตามหาคัมภีร์ฝึกวิชาลับ ตอนแรกก็คิดว่าคงจะแค่เน้นปล่อยพลังใส่กันปิ้ว ๆ เลยแอบดองไว้ก่อนจนกระทั่งหาเวลาว่างมาดูได้ ถึงรู้ว่าสนุกกว่าที่คาดหวังไว้ ก็คือเป็นแนวผจญภัยแบบสู้กันไม่พักเลย นักแสดงแต่ละคนเล่นดีมากโดยเฉพาะสี่ตัวละครหลักที่ได้มารวมกลุ่มกัน ไม่ว่าจะเป็น “จีหยาง” ที่รับบทโดย “จางหลิงเฮ่อ” พ่อเทพบุตรสุดที่รัก หรือ “หนานเหยียน” ที่รับบทโดย “จิ่งเถียน” นางเอกสาวที่ยิ่งดูก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกอีพี ยังร่วมด้วยจิ้งจอกน้อย “อินหยา” ที่รับบทโดย “กวนหง” ซึ่งแสดงออกมาได้อย่างน่ารัก มีชีวิตชีวา และ “มู่จ้านถิง” รับบทโดย “ชางหลง” ที่มีทั้งความตลกแต่ก็ยังมีมุมที่จริงจังรักพวกพ้องมาก เรียกได้ว่าสี่คนนี้ไปไหนไปกัน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเรื่องราวของตัวเองแบบที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น Character arc หรือเส้นทางของตัวละคร โดยในภาพรวมทั้งหมดก็ถือได้ว่ามีการเกลี่ยบทค่อนข้างดี ในส่วนของเคมีด้านความรักความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกนางเอกก็ดูเป็นอะไรที่ผูกพันลึกซึ้ง ดีมากเช่นเดียวกัน พูดมาถึงขนาดนี้แล้วก็คงต้องขอเจาะลึกลงในรายละเอียดหน่อย บทความนี้จะชวนมาร่วมกันวิเคราะห์ Character arc ของแต่ละตัวละคร เพื่อย้อนดูเส้นทางของพวกเขากว่าจะกลายมาเป็นกลุ่มเพื่อนที่ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มาด้วยกัน และยังจะพูดถึงความน่าสนใจอื่น ๆ ที่เรารู้สึกชอบโดยส่วนตัว พร้อมสรุปเป็นข้อคิดเบา ๆ ในสิ่งที่เราประทับใจ เคมีตัวละครหลัก กับมิตรภาพสี่สหายหลากสายพันธุ์ อย่างที่บอกไปแล้วว่า “เทพบุตรจุติมารัก” เป็นซีรีส์จีนย้อนยุคในบริบทของโลกแห่งการฝึกบำเพ็ญตน เต็มไปด้วยเรื่องราวการผจญภัย มีทั้งเซียน และปีศาจ มีคนที่อาจกลายเป็นมาร ดังนั้นตัวละครหลักของเราจึงถือเป็นลุ่มสหายที่มาจากหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ปีศาจต่าง ๆ ซึ่งจะมีใครเป็นใครกันบ้างก็ไปดูกันเลย ตี้จวินเส้าชาง/จีหยาง/อิ่น เริ่มกันที่ตัวละครซึ่งมีชื่อเรียกเยอะมากคนหนึ่งนั่นก็คือ “ตี้จวินเส้าชาง” “จีหยาง” หรือ “อิ่น” ซึ่งทั้งสามชื่อนี้เป็นชื่อที่เขาใช้ในห้วงเวลาที่แตกต่างกันไป โดยในช่วงเริ่มแรกเขาจะใช้ชื่อว่า เส้าชาง ส่วนตี้จวินนั้นเป็นตำแหน่งในสำนักเต้าเซิงเทียนที่เขาเคยสังกัดอยู่ แต่ภายหลังถูกกล่าวหาว่าทำร้ายศิษย์ร่วมสำนักจึงต้องถูกขับออก และโยนลงคุกน้ำแต่โชคดีที่เขายังสามารถหลบหนีออกมา จนพบกับ “หนานเหยียน” ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นหมอจับเขามาทดลองยาเนื่องจากว่าเขามีอาการป่วยที่หัวใจคล้ายกับผู้เป็นแม่ของนาง ตอนอยู่กับหนานเหยียนเขาจึงได้ใช้ชื่อใหม่เป็น “จีหยาง” เพื่อปกปิดตัวตนและสถานะ ส่วนชื่อสุดท้ายก็คือ “อิ่น” เป็นชื่อที่เขาใช้หลังฟื้นขึ้นมาจากความตายและสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป และเริ่มก้าวสู่หนทางมารตามการชี้นำของ “เซินหลัว” อดีตจอมมารที่เข้ามาแฝงอยู่ในร่าง ดังนั้นหลัก ๆ ผู้เขียนก็จะขอเรียกเขาว่าจีหยาง ซึ่งบทนี้แสดงโดย “จางหลิงเฮ่อ” และเขาก็ทำออกมาได้ดีจนมองเห็นความแตกต่างในแต่ละช่วงเวลาได้ แต่ก็ยังรู้สึกว่าเป็นคนเดียวกัน เส้นทางของตัวละครจีหยางในเรื่องถือเป็นเส้นทางหนึ่งที่เต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรค ในช่วงแรกเขาเป็นเหมือนกับคนอายุน้ยที่ประสบความสำเร็จสูงสุด เป็นคนเก่ง คนดีที่มีความสามารถแต่ก็ต้องมาประสบกับเคราะห์กรรมในชีวิตครั้งใหญ่ ทั้งถูกคนใส่ร้าย ถูกตามไล่ล่า จนต้องตกลงสู่ห้วงหนทางมารโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่เนื้อแท้ของเขาก็คือคนของฝ่ายธรรมะนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นเส้าชาง จีหยาง หรืออินก็ยังคงมีใจที่อยากจะปกป้องผู้คน เห็นแก่ความสงบสุขของใต้หล้า และหวังเพียงให้คนที่เขารักได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข และปลอดภัย ซึ่งในตอนสุดท้ายเขาก็คงยืนหยัดจะทำให้ได้ตามเส้นทางนั้น เป็นตัวละครพระเอกแบบถึงจะมีซุกซนเกเรไปบ้าง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยังเป็นพระเอกอยู่ ทำให้ผู้เขียนบทความยิ่งรู้สึกประทับใจกับจางหลิงเฮ่อในบทนี้ขึ้นไปอีก เล่นได้มีเสน่ห์มาก ๆ แบบไม่พยายามจะเป็นคนดีจนเกินไป แต่ก็เป็นคนดีจริง ๆ นั่นแหละ สมกับเป็นเทพบุตรจุติมารักที่ตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ โดยใช้หัวใจนำ จนไปสู่ผลลัพธ์ที่เขาเชื่อว่าจะดีต่อทุกฝ่ายอย่างแท้จริง หนานเหยียน/เจินหยวน/มือปราบอสุรา มากันที่ตัวละครนางเอกของเราบ้าง คนนี้ก็มีหลากชื่อหลายฉายา โดยชื่อแรกและชื่อหลักก็คือ “หนานเหยียน” นางเป็นหมอพิสดารคนหนึ่งที่มีมารดาป่วยเป็นโรคหัวใจ จุดมุ่งหมายหลักที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือจะต้องค้นหาทุกวิธีเพื่อรักษาโรคนี้ให้กับผู้เป็นแม่ให้ได้ โดยไม่รู้มาก่อนว่าโรคดังกล่าวไม่ใช่ไม่ได้เป็นแค่โรคภัยธรรมดาแต่มีเบื้องหลังเกี่ยวพันไปถึงบุญคุณความแค้นในอดีตที่หนานเหยียนไม่เคยรู้มาก่อน และซีรีส์ก็จะค่อย ๆ เฉลยออกมา เส้นทางการผจญภัยของหนานเหยียนดูคล้ายกับจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อนางได้ไปพัวพันกับจีหยาง และได้รับคัมภีร์ชีฝูเข้ามาในร่าง ภายหลังก็มีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นอีกมากมายจนทำให้หนานเหยียนและจีหยางได้พัฒนาความสัมพันธ์กันก่อนที่ทุกอย่างจะเดินไปถึงจุดเปลี่ยนเมื่อต้องสูญเสียจีหยางไปในการต่อสู้ครั้งใหญ่ หนานเหยียนได้รับโอกาสเข้าสำนักเซียนฝึกตนจนได้เลื่อนขั้น เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “เจินหยวน” และได้รับฉายาว่าเป็น “มือปราบอสุรา” เมื่อได้กลับมาพบกันกับจีหยางอีกครั้งเขาก็ได้เข้าสู่หนทางมารกลายเป็น “อิ่น” ทำให้ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันในความสัมพันธ์ใหม่ ระหว่างนี้ก็มีเรื่องราวผจญภัยปราบปีศาจกันไปเรื่อย ๆ จนทุกอย่างมาบรรจบที่ตัวหนานเหยียนกับการค้นพบชาติกำเนิดที่แท้จริง ซึ่งกว่าจะเฉลยก็ทำเอาลุ้นมาก ลุ้นไปจนถึงช่วงสุดท้าย โดยนักแสดง “จิ่งเถียน” ก็ถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้เราเห็นพัฒนาการตั้งแต่ตอนเป็นหมออยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ จนกระทั่งนางได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เก่งขึ้นเรื่อย ๆ บุคลิกก็ดูเปลี่ยนไปจริง ๆ แต่ไม่ถึงกับเป็นคนละคนกัน อินหยา/ราชาเผ่าปีศาจจิ้งจอก มาถึงจิ้งจอกน้อยอินหยา ตัวละครที่ทำให้ผู้เขียนบทความนี้รู้สึกเหมือนโดนตกเข้าอย่างจัง ตั้งแต่เขาปรากฏตัวออกมาในซีรีส์ช่วงแรก ๆ มีความเจ้าเล่ห์แสนกลเป็นจิ้งจอกน้อยที่ดูมีนิสัยร้าย ๆ แต่ก็ไม่ได้ไร้เหตุผลที่เขาเป็นแบบนั้น ในตอนแรกอินหยาก็เป็นเพียงปีศาจน้อยตัวหนึ่งที่จงใจเข้าหากลุ่มของหนานเหยียนเพราะหวังจะขโมยมุกเงือกหิรัญของนางไปทำภารกิจปลดปล่อยเผ่าพันธุ์ของตัวเองที่ถูกกักขังไว้ให้เป็นอิสระ ตอนแรกก็จะมาแบบยังไม่ค่อยจะซื่อตรงมากนัก แต่ในที่สุดมิตรภาพก็ทำให้เขาค่อย ๆ เปลี่ยนไป กายเป็นจิ้งจอกที่รู้ความมากขึ้น และเป็นคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ หนานเหยียนตอนที่จีหยางจากไป หนานเหยียนมองเขาเป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง รักและเอ็นดูมากจนถึงช่วงกลาง ๆ เรื่องก็ถูกบังคับให้ฝึกวิชาจนเก่งขึ้น กลายเป็นเด็กดีมากขึ้น และสามารถทำภารกิจของตัวเองจนสำเร็จได้ก็กลับมารวมแก๊งส์คอยช่วยเหลือเพื่อน ๆ เอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ เติบโตไปด้วยกันจนถึงตอนสุดท้าย ซึ่งนักแสดงหนุ่ม “กวนหง” ก็ถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมาได้อย่างสดใส น่ารัก น่าเอ็นดู เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา เป็นอีกหนึ่งตัวละครสีสันที่ออกมาทีไรคนดูอย่างเราก็ยิ้มกว้าง แบบอยากจะเป็นพี่สาวของน้องอีกซักคน มู่จ้านถิง/ราชามังกร อีกหนึ่งตัวละครหลักที่เปิดมาแบบสายฮาก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “มู่จ้านถิง” บุตรชายคนเดียวของราชามังกร ที่มักจะชอบทำตัวเป็นคนไม่เอาไหน เขาไม่ชอบฝึกวิชาแต่กลับหลงใหลในกาพย์กลอน และบทกวี แถมยังเป็นแฟนคลับตัวยงของตี้จวินเส้าชาง ซึ่งท้ายที่สุดก็ได้มารวมกลุ่มเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือซับพอร์ตและพึ่งพาอาศัยกัน มู่จ้านถิ่งเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เรียกได้ว่าเสือซ่อนเล็บ ดูภายนอกเหมือนจะไม่ค่อยเก่ง ทำตัวไร้สาระไปวัน ๆ แต่จริง ๆ เป็นตัวละครที่พึ่งพาได้คนหนึ่ง ตั้งแต่เส้นใหญ่แล้วเขายังมีวิชาตะวันสุริยา ถือเป็นสายซับพอร์ตที่ช่วยเหลือน้อง ๆ ในกลุ่มได้เป็นอย่างดี ส่วนเส้นทางของเขาก็ค่อย ๆ พัฒนาจากเด็กหนุ่มไม่เอาถ่านกลายเป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และสามารถสืบทอดตำแหน่งจากผู้เป็นบิดาได้ในที่สุด โดยนักแสดงที่ได้มาสวมบทบาทนี้ก็คือ “ชางหลง” ที่แค่เห็นหน้าก็ตลกแล้วแต่เวลาจริง ๆ ก็มีมุมเท่ ๆ อยู่อย่างไม่น่าเชื่อ เงาอดีตที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน อีกหนึ่งความประทับใจในซีรีส์เรื่องนี้ก็คือการร้อยเรียงปมในอดีตที่ส่งผลมาถึงตัวละครในปัจจุบัน แล้วก็ได้ทำการซ่อนปมเอาไว้ มันเหมือนภาพซ้อนทับเบา ๆ เมื่อซีรีส์เล่าถึงเรื่องราวของรุ่นแม่ ทำให้เห็นว่าตัวละครหลาย ๆ ตัวที่ดูกระจัดกระจายกันไปแล้วจริง ๆ ก็เคยอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อนมาก่อน ต่างก็เป็นญาติมิตรที่เกี่ยวข้องพ้องพานกันทั้งนั้น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของหนานเหยียนกับอาจารย์ของจีหยางที่ไม่ธรรมดา พาร์ทย้อนอดีตเฉลยปมเป็นอะไรที่ลุ้นมาก ๆ แล้วก็ชอบมาก ๆ เพราะเราหลงเสน่ห์ตัวละครหนานฟางจู่ ดูมีความเป็นจอมยุทธ์หญิงที่แบบตัวแม่ ตัวมัม ตัวมารดาจริง ๆ ในวัยเยาว์เต็มไปด้วยความอิสระ ไร้ทุกข์ ไร้ความกังวลใจ จนกระทั่งเกิดเรื่องบางอย่างทำให้ชีวิตต้องพลิกผันครั้งใหญ่ แต่นางก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระและเหนือกฎเกณฑ์ สมกับเป็นยอดฝีมือจริง ๆ เสียดายไม่ได้เห็นลีลาแม่เวลาต่อสู้ คิดว่าจะต้องปัง จุดมุ่งหมายของการต่อสู้ ร่วมผจญภัยปราบปีศาจ กำจัดมารในจิตใจ ท้ายที่สุดคือสิ่งที่ถูกนำมาขมวดรวมกันเป็นตอนจบของซีรีส์ก็ดูคล้ายกับจะบอกว่าการผจญภัยปราบปีศาจทั้งหมดไม่สู้กำจัดมารในหัวใจ ตัวละครหลาย ๆ ตัวตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ยังมีกิเลส และความปรารถนาที่ไม่อาจจะตัดขาดได้ บางคนต้องร่วงหล่นลงสู่หนทางมารเพียงเพราะความยึดติด แม้แต่การยึดติดที่จะบรรลุไปสู่จุดสูงสุดของการฝึกฝนบำเพ็ญเซียน นั่นก็ถือเป็นการยึดติดที่อาจส่งร้ายเช่นกัน เพราะมารในใจย่อมเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ในตัวเราทุกคนล้วนมีมารที่ซุกซ่อนอยู่ แล้วก็ไม่รู้ทำไมเหมือนกันจางหลิงเฮ่อถึงชอบได้แต่บทแบบนี้ หากยังจำได้ในเรื่อง “ปรมาจารย์พยัคฆ์กระเรียน” เขาก็ได้รับบทเป็นคนที่มีทวิระวิญญาณสองขั้วอยู่ในร่างเดียวกัน เหมือนฝาแฝดขาวดำที่ต้องมาช่วงชิงกันเองเพื่อจะได้ครอบครองร่างนั้น ถึงคราวนี้แม้ว่าอิ่นกับจีหยางจะเป็นคน ๆ เดียวกัน แต่ตอนที่สูญเสียความทรงจำ บางครั้งเขาก็ได้ถูกครอบงำโดยเซินหลัวซึ่งเป็นอดีตจอมมาร มันมีการต่อสู้ในตัวเองจนท้ายที่สุดเขาก็สามารถกำจัดมารที่อยู่ในตัวเขานี้ได้ โดยมีหนานเหยียนเป็นเหมือนกับกุญแจที่สำคัญ นำไปสู่ตอนจบที่ลุ้นกันใจจะขาด แต่เมื่อซีรีส์เรื่องนี้ใช้ชื่อว่า “เทพบุตรจุติมารัก” ดังนั้นจึงอาจเป็นเรื่องของการจุติใหม่เพื่อกลับมารักกันซ้ำ ๆ โดยรวมแล้วก็ค่อนข้างจบแฮปปี้สำหรับตัวผู้เขียน แล้วยังสนุกกว่าที่คิด โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่ตีกันไม่พัก ยังไงก็ถือเป็นซีรีส์อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอแนะนำ และบันทึกเอาไว้ในความทรงจำเป็นบทความกึ่งเล่ากึ่งหวีดนี้ สำหรับใครที่สนใจก็สามารถไปหาดูได้เลย 36 ตอนเบา ๆ ทางแอพ iQIYI ขอบคุณภาพจาก Weibo: 四海重明官微 ภาพปก: ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5 เนื้อหา: ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4, ภาพที่ 5, ภาพที่ 6, ภาพที่ 7, ภาพที่ 8, ภาพที่ 9, ภาพที่ 10, ภาพที่ 11, ภาพที่ 12-14, ภาพที่ 15, ภาพที่ 16-17 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !