ถ้าพูดถึงวงบอยแบนด์ T-POP ชื่อวง LAZ1 ก็คงเป็นวงแรกๆที่หลายคนนึกถึงเพราะนอกจากจะเป็นวงที่คัดเลือกสมาชิกจากรายการแข่นขันค้นหาไอดอลที่เต็มไปด้วยผู้เข้าแข่งขันมากความสามารถผ่านการโหวตจนได้สมาชิกที่เป็นที่สุดทั้ง 5 คน อย่าง ต้าห์อู๋, ออฟโรด, ไดร์ม่อน, เจลเลอร์ และเป็นต่อมาแล้ว LAZ1 ยังมีเพลงฮิตอย่างเพลง ไม่ตอบเลยน้า ที่ดังจนคนร้องตามได้ไปทั่วบ้านทั่วเมืองอีกด้วย และถึงแม้จะหมดสัญญาไปแล้วแต่สมาชิกแต่ละคนก็ยังคงมีผลงานออกมาให้ได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำซีรีส์ รักไม่รู้ภาษา (Love in translation) ผลงานการแสดงของต้าห์อู๋ พิทยา และออฟโรด กันตภณ ที่ได้มาประกบคู่กันในซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ที่เล่าเรื่องราวของหนุ่มจีนที่หวังจะประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจกับหนุ่มน้อยชาวไทยที่อยากเก่งภาษาจีนเพื่อพิชิตใจเน็ตไอดอลสาว จึงเป็นที่มาของความรักวุ่นๆของคู่หุ้นส่วนให้เราได้ลุ้นกันนั่นเอง“รักไม่รู้ภาษา (Love in translation)”ซีรีส์ รักไม่รู้ภาษา (Love in translation) ซีรีส์บอยเลิฟจาก Atime26 ที่ฉายทางช่องONE31 ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงจอเนื่องจากได้หนุ่มหล่อมากความสามารถอย่างต้าห์อู๋และออฟโรดสมาชิกวง LAZ1 มาแสดงนำคู่กันซีรีส์เรื่องนี้น่าสนใจตั้งแต่เนื้อเรื่องที่จะบอกเล่าเรื่องราวของ “หยาง” หนุ่มจีนที่อยากทำธุรกิจในไทย แต่ด้วยความที่เป็นคนจีนจึงทำให้ไม่สามารถถือหุ้นในกิจการเกิน49%ได้ จึงต้องการพาร์ทเนอร์ชาวไทยมาเป็นหุ้นส่วนเพื่อเริ่มต้นธุรกิจร้านสะดวกซื้อด้วยกัน ทางด้าน “ภูมิใจ” หนุ่มไทยที่ยังไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจนมีปัญหากับคนในครอบครัวจึงลั่นวาจาไปว่าจากนี้ไปจะไม่ขอเงินจากที่บ้านใช้สักบาทและจะประสบความสำเร็จให้ได้แบบไม่ทันคิดจึงต้องจำใจมาเป็นหุ้นส่วนของหยางตามคำแนะนำของเพื่อนด้วยเหตุนี้คนที่มีเงินแต่เปิดธุรกิจไม่ได้เพราะไม่ใช่คนไทยกับอีกคนที่จะทำธุรกิจให้ได้แต่ไม่มีอะไรเลยนอกจากการเป็นคนไทยจึงต้องเติมเต็มส่วนที่ขาดของกันและกันจนเกิดเป็นความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนจำเป็นขึ้น แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหุ้นส่วนคงเป็นไปได้ด้วยดีหากหยางและภูมิใจไม่เคยบังเอิญเจอกันจนเกิดเรื่องเข้าใจผิดและไม่ชอบหน้ากันมาก่อนจนทำให้เป็นคู่กัดกัน เจอหน้ากันทีไรต้องมีเรื่องให้จิกกัดกันตลอดแถมยังทะเลาะกันเป็นเด็กๆจนทำให้คนรอบข้างกุมขมับอยู่หลายครั้งแต่ถึงอย่างนั้นก็มีเรื่องให้ทั้งคู่ได้ใกล้ชิดและใช้เวลาร่วมกันบ่อยๆเพราะนอกจากจะต้องเจอกันที่ร้านทุกวันแล้วอีกเงื่อนไขของการเป็นหุ้นส่วนคือหยางต้องสอนภาษาจีนให้กับภูมิใจเพื่อไปจีบเน็ตไอดอลสาว “แทมมี่” ที่ภูมิใจแอบชอบมานานอีกด้วยทำให้คู่กัดคู่นี้ตัวติดกันทั้งในและนอกเวลางาน ความสบายใจเวลาที่อยู่ด้วยกันทำให้ก่อเกิดเป็นความหวั่นไหวและสุดท้ายก็เกิดเป็นความรักขึ้นมา อาจจะดูเหมือนง่ายแต่เรื่องราวความรักในครั้งนี้ยังซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อหยางกับแทมมี่เคยคบกันมาก่อน แล้วใครกันล่ะที่จะรู้ใจตัวเองแล้วปล่อยวางเรื่องราวในอดีตเพื่อก้าวข้ามเส้นความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนนี้ออกไปก่อนการดำเนินเรื่องของซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำได้น่าสนใจมากๆเพราะเปิดมาก็เป็นภาพของครอบครัวหยางพระเอกของเราในอดีตที่ยืนมองอาคารพาณิชย์หลังหนึ่งอยู่กับพ่อแม่ก่อนจะเข้ามาเป็นปัจจุบันที่อาคารนั้นถูกทิ้งร้างติดป้ายเซ้งกิจการไว้ทำให้คิดได้ว่าต้องมีปมอะไรเกี่ยวกับครอบครัวของหยางแน่ๆ จากนั้นจึงค่อยเล่าเรื่องราวในปัจจุบันโดยทิ้งปมตรงนั้นไปก่อนแล้วมาโฟกัสกับความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งในจุดนี้ก็ดำเนินเรื่องได้กระชับ ไม่ยืดเยื้อจนน่าเบื่อแต่ก็ไม่ได้เร็วเกินไปจนไปเร่งความสัมพันธ์ของตัวละคร ทำให้เราได้เห็นการพัฒนาของทุกตัวละครค่อนข้างชัด ทั้งตัวหยางที่ตอนแรกเป็นคนจริงจังจนเกินไปก็ค่อยๆปรับตัว ใจเย็นขึ้นและรู้จักปรับมุมมองทำความเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ภูมิใจเองที่ตอนแรกดูจะติดเล่นก็จริงจังมากขึ้น มีเหตุผลมากขึ้น เรียกได้ว่าโตขึ้นแต่ก็ยังคงมีความสดใสอยู่ รวมถึงแก๊งเพื่อนพนักงานในร้านเองก็เติบโตไปพร้อมๆกันด้วยจากการช่วยกันแก้ปัญหาต่างๆ เพราะด้วยความที่เส้นเรื่องหลักเป็นการทำธุรกิจร้านสะดวกซื้อทำให้ต้องพบกับปัญหาทั้งเรื่องลูกค้าและยอดขาย แถมมีการสอดแทรกเรื่องการตลาดเล็กๆน้อยๆเข้ามาอีกด้วยมาถึงเรื่องความสัมพันธ์ของคู่หลักกันบ้างดีกว่า แน่นอนว่าจากที่เราได้เล่าไปทุกคนก็คงจะเดาได้ว่าเรื่องนี้ยังไงก็ต้องมีซีนรักสามเส้าอย่างแน่นอนเพราะเหตุผลที่ภูมิใจมาเป็นเป็นหุ้นส่วนล้วนเกิดจากการแอบชอบเน็ตไอดอลอย่างแทมมี่ทั้งสิ้น แถมแทมมี่เองหลังจากได้รู้จักกับภูมิใจก็ดูจะชอบภูมิใจเช่นกัน เท่านั้นไม่พอแทมมี่กับหยางยังเป็นแฟนเก่ากันอีก แต่ถึงความสัมพันธ์จะซับซ้อนแต่กลับไม่ยุ่งเหยิงอย่างที่คิดเพราะทุกตัวละครค่อนข้างมีเหตุผลและอยู่กับความจริง ยอมรับในการตัดสินใจของกันและกัน เรียกว่ามีความเป็นผู้ใหญ่ก็คงได้ ตรงจุดนี้เราค่อนข้างจะชอบมาก และที่สำคัญคือพอรู้ใจตัวเองกันแล้วก็หวานจนเราจิกหมอนเกือบขาด สาววายสมองไหลกันทั่วหน้าเพราะฟินเกิน ส่วนตัวประทับใจฉากที่หยางคุยกับพอใจพี่ชายของภูมิใจก่อนที่จะไปช่วยภูมิใจซ้อมเดตมาก ถึงหยางจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองชอบภูมิใจแต่ก็ยังไปช่วยภูมิใจซ้อมเดตเพื่อไปเดตกับแทมมี่ แล้วพอพี่ชายมาถามว่าทำไมถึงช่วย ถ้าภูมิใจกับแทมมี่คบกันจริงๆจะทำยังไง ถ้าสุดท้ายเลิกกันแล้วภูมิใจเสียใจจะทำยังไง แล้วหยางตอบว่าก็เป็นเรื่องที่ภูมิใจจะต้องเผชิญหน้าเอง เพราะถ้าไม่เริ่มก็คงไม่มีทางรู้ว่าปลายทางจะเป็นยังไง คือมันแสดงให้เห็นเลยว่าหยางยอมรับทุกการตัดสินใจของภูมิใจจริงๆถึงแม้ตัวเองจะไม่สมหวังแต่ถ้าภูมิใจเลือกแล้วทำให้ภูมิใจมีความสุขหยางก็พร้อมสนับสนุน แต่ในขณะเดียวกันถ้ามันไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวังหยางก็ยังรอปลอบภูมิใจอยู่ที่เดิม เป็นความสัมพันธ์ที่น่าอิจฉาสุดๆมาถึงเรื่องนักแสดงกันบ้างแน่นอนว่าเคมีเคใจของคู่หลักอย่าง ต้าห์อู๋และออฟโรด เห็นได้ชัดอยู่แล้วว่าดีจนเกินจะบรรยายสุดๆจนนึกไม่ออกเลยว่าถ้าไม่ใช่2คนนี้จะเป็นใครได้อีก แจมในบทแทมมี่ก็สวยสมเป็นเน็ตไอดอลคนดังมาก รวมถึงตัวละครอื่นๆในเรื่องก็คาแรคเตอร์ชัดสุดๆ เรียกได้ว่าแคสมาอย่างดีทุกคนจริงๆ เรื่องการแสดงก็ไม่ต้องพูดถึงเพราะดีมาก ดูไม่สะดุดเลย แล้วอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าตัวละครทุกตัวดูมีความเป็นผู้ใหญ่แต่ทุกคนก็แสดงออกมาได้น่ารักมาก ทั้งออฟโรดที่ยังคงความสดใสขี้เล่นของภูมิใจไว้ ทั้งแจมที่แสดงเป็นเน็ตไอดอลที่ต้องมีความน่ารักช่างพูด คือมันลงตัวไปหมดไม่ขาดไม่เกินเลยจริงๆโดยรวมเรื่องนี้คือดีมาก แม้จะไม่ได้มีฉากสวยๆมากมายอย่างเรื่องอื่นเพราะส่วนมากเรื่องจะดำเนินอยู่ในร้านสะดวกซื้อเป็นส่วนใหญ่แต่แนะนำให้ดูจริงๆเพราะเนื้อเรื่องน่าติดตามมากและนักแสดงคุณภาพทุกคน เป็นซีรีส์วายอีกเรื่องที่สาววายไม่ควรพลาดสุดๆ รับรองว่าฟินจิกหมอนแน่นอนสำหรับซีรีส์ รักไม่รู้ภาษา (Love in translation) ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 21.15 น. ทางช่อง ONE31 และติดตามชมแบบย้อนหลังได้ที่ TRUEID แล้วอย่าลืมมาร่วมลุ้นความสัมพันธ์ของหุ้นส่วนคู่กัดคู่นี้กันนะคะว่าจะมารักกันได้ยังไงสามารถรับชม รักไม่รู้ภาษา (Love in translation) ที่ทรูไอดี เครดิตภาพLove in translation Twitter : ภาพปก1, ภาพปก2, ภาพที่1, ภาพที่2, ภาพที่3, ภาพที่4, ภาพที่5.1, ภาพที่5.2, ภาพที่5.3, ภาพที่6เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !