รีเซต

แพทริเซีย กู๊ด กับเสียงอุทานยาว ถึงฉากเลิฟซีนหนัก และอายุ 25 ก็ต้องแซ่บบ้าง

แพทริเซีย กู๊ด กับเสียงอุทานยาว ถึงฉากเลิฟซีนหนัก และอายุ 25 ก็ต้องแซ่บบ้าง
มติชน
28 เมษายน 2565 ( 06:43 )
149

แพทริเซีย กู๊ด กับเสียงอุทานยาว ถึงฉากเลิฟซีนหนัก และอายุ 25 ก็ต้องแซ่บบ้าง

บท ‘ดร.ปาริฉัตร คุณอนันต์’ ที่ แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด แสดงในละครเรื่อง ‘ปมเสน่หา’ สร้างความฮือฮาให้ผู้ชมตั้งแต่ต้นที่ได้เห็น เห็นในลุคใหม่ที่สวย แซ่บ ฉลาด เก่งรอบด้าน และพร้อมจะทวงความแค้น อันเป็นคนละขั้วกับแบ๊วๆ ใสๆ ที่เคยชินตา

เรื่องนี้เจ้าตัวบอกยิ้มๆ ด้วยว่า สิ่งหนึ่งที่แนบมาพร้อมความฮือฮาดังกล่าว คือคำแซวว่าเล่นเรื่องนี้แล้วเปลืองตัว

“ไม่เคยเล่นอะไรขนาดนี้ ที่ผ่านมาอย่างมากแค่จุ๊บนิดหน่อย” แพทริเซียยอมรับ

จากนั้นเล่าว่า ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะมาเล่นอะไรแรงๆ แต่ผู้จัด เมย์ -ปทิดา กำเนิดพลอย คงเห็นอะไรบางอย่าง จึงเชื่อว่าเธอ “ทำได้”

“ตอนแรกก็กดดันนะคะ เพราะบทนี้คนคาดหวัง คนรู้จักเวอร์ชั่นเก่า เราก็มากดดันต่อ ว่าจะทำออกมาดีเท่าที่ทุกคนคิดหรือเปล่า”

ตอนแรกที่ถูกทาบจึงยังไม่ตอบรับ

“เพราะถ้ารับปากแล้ว ไปถ่ายจริง เฟลขึ้นมา ก็จะเสียพี่เมย์ด้วย”

อย่างไรก็ดีหลังจากได้อ่านบท และเข้าเวิร์คชอป ก็เกิดความรู้สึกสงสารตัวละคร แล้วก็อยากเล่น อยากถ่ายทอดทุกอารมณ์ของเขา

สำหรับเรื่องเลิฟซีนที่ว่าเยอะ นี่เยอะขนาดไหน?

ฟังคำถามแล้ว นางเอกคนสวยร้อง “โห……” ยาว ก่อนบอก “หนัก”

“กับ พี่เกรท (วรินทร ปัญหกาญจน์) มีทั้งจูบแรกที่เพิ่งรักกัน ก็จะสวีต ตอนเริ่มทะเลาะกันแล้วจูบ ก็ดุเดือดนิดนึง แล้วก็จะมีต้องเลิกกัน จากลากัน แล้วร้องไห้ทั้งน้ำตา ทุกครั้งที่มีเลิฟซีนมันมีความหมาย มันสมเหตุสมผล”

“ครั้งนี้เป็นการก้าวกระโดดจริงๆ รู้สึกโตมากๆกับบทที่ได้รับ ที่ผ่านมาคือจะดูเด็กมากๆ ครั้งนี้ก็พยายามผลักตัวเอง ทำสิ่งที่ไม่เคยทำ รู้สึกว่ามันท้าทายดี”

“อยากชาเลนจ์ตัวเอง บวกกับคิดว่าเราโตแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องโชว์ให้คนดูรู้ ว่าเราจริงจังกับงานแค่ไหน ไม่ใช่ทำเล่นๆ หรือเป็นงานอดิเรก แต่นี่คืออาชีพที่เราจริงจัง”

อีกทั้งตอนนี้ก็อายุ 25 ปี “ก็ต้องแซ่บบ้างเนาะ” เธอบอก

“ไม่อย่างนั้นก็สู้คนอื่นไม่ไหวจริงๆ เราต้องได้หลายลุค หลายแบบ ในการเป็นนักแสดง”

“ที่ผ่านมารู้สึกว่าเหมือนเรายังอยู่ในกรอบ ทำอะไรเดิมๆ รู้สึกว่าถ้าจะทำอาชีพนี้ไปอีกไม่รู้กี่สิบปี ทำไมเราไม่โชว์ศักยภาพของเราออกมา ทำไมไม่ผลักดันให้ไปไกลกว่านี้ เลยรู้สึกว่าถ้ามีโอกาสดีๆ ต้องคว้าไว้”

“การทำงานในวงการหรือไม่ว่าอาชีพอะไร การแข่งขันมันเยอะ เราจะทำยังไงให้เราอยู่ได้ เป็นที่จดจำ”

หลายคนสังเกตุว่าในขณะที่ดาราคนอื่นๆ มันจะอัพเดทเรื่องนั้น โน้น นี้ ของชีวิตลงโซเชียล แต่เธอเองเหมือนจะไม่ค่อย ไม่บ่อย เรื่องนี้แพทริเซียบอกว่า ถ้าเป็นเรื่องการงานและต่างๆนานาทั่วไปเธอก็อัพเดทอยู่บ้าง เพราะเรื่องนี้ “ถือเป็นส่วนหนึ่งของอาชีพ”

แต่ถ้าเป็นเรื่องความรัก ตั้งใจจะไม่ลงมาตั้งแต่แรก

“คุยกับ พี่โน้ต (วิเศษ รังษีสิงห์พิพัฒน์) ว่าเมมโมรี่หรือรูปอะไรต่างๆเราไม่จำเป็นต้องแชร์ก็ได้”

ส่วนถ้านั่นจะเป็นเหตุให้ใครๆสงสัย เลิกกันแล้วไหม เลิกกันหรือยัง ก็ไม่เป็นไร

“ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”

ช่วงเวลาราว 3 ปีที่คบหา แพทริเซียซึ่ง “ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรกกับความรักครั้งนี้” บอก “รู้สึกว่าดีกว่าที่คิด”

อย่างไรก็ตาม แม้จะ ‘ดี’ แต่ในแต่ละวันก็ยังมีเรื่องให้ต้องเรียนรู้กันอยู่

“ไม่ได้มีอะไรเรียบง่าย” แพทริเซียบอก

แล้วเล่าถึง สิ่งที่เธอเพิ่งเรียนรู้จากความรัก คือ “ทุกๆ รีเลชั่นชิพมีอุปสรรคจริงๆ มันอยู่ที่คนสองคนพร้อมจะเผชิญหน้า พร้อมจะสู้ หรือเลือกที่จะถอย จะแต่งงานไปแล้ว มีลูก หรือว่าเพิ่งคบกัน มันก็ต้องมีปัญหา”

ซึ่ง “แต่ก่อนเราเด็ก ไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ตอนนี้เราโตแล้ว”

เรื่องความรักของเธอและเขาซึ่งเริ่มต้นด้วยการถูกคนจับตา ถูกเพ่งเล็ง และวิพากษ์วิจารณ์ ชนิดที่แพทริเซียใช้คำ “ตอนนั้นหนักหนาสาหัสจริงๆ” มาอธิบายนั้น ถึงวันนี้ “เราก็แค่รู้สึกว่า สุดท้ายแล้วถ้ามันจะใช่ เดี๋ยวมันก็ใช่ เราก็อยู่ของเราไปอย่างนี้ แล้วนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเล่นโซเชียลด้วย ถ้าสมมุติเราคบกัน ลงรูปเยอะแยะ แล้วถ้าวันนึงต้องเลิก คนไม่ยิ่งหมั่นไส้เหรอ เพราะฉะนั้นถึงอยู่แบบเงียบๆ มีความสุขไป ถ้าเลิกกันจริงๆก็ค่อยว่ากัน”

ในเรื่องความสัมพันธ์ แม้จะเป็นคู่ที่ไม่หวาน ไม่มุ้งมิ้ง ไม่ขี้อ้อน “แต่เห็นการกระทำของเขา และการค่อนข้างเสมอต้นเสมอปลาย ก็รู้สึกว่าเขาน่ารักตรงนี้ และเป็นคนที่ใจเย็นกับเรามาก รู้ว่าเขาหวังดีกับเราจริงๆ ไม่ใช่แค่เขา ที่บ้านเขาก็เอ็นดู เลยรู้สึกโชคดีมากๆ ค่ะ”

เรื่องแผนการสร้างครอบครัว แพทริเซียบอก “เขาก็มี ด้วยวัย แต่เขาก็รู้ว่าเราเพิ่ง 25 เอง คงไม่อยากกดดัน มีเกริ่นๆ บ้างแต่ก็บอกว่ารอให้พร้อมก่อน”

สำหรับเธอเอง คิดจะแต่งงานเมื่อไหร่ ยังตอบชัดเจนไม่ได้

“จริงๆก็พยายามถามตัวเองนะ ว่าเราชัวร์ไหม หรืออยากใช้ชีวิตวัยรุ่น แต่สุดท้ายแล้ว เราไม่มีทางรู้เลยจนกว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ถามว่ารักไหม รักสิ แต่ว่ามันพอที่จะแต่งงานหรือเปล่า”

“มันคืออีกชีวิตของเราที่ต้องอยู่กับคนคนหนึ่งทั้งชีวิต”

แต่กระนั้น “ความเสมอต้นเสมอปลายของเขา ความรู้สึกว่าเขาทำให้เราสบายใจในทุกๆเรื่อง”

รวมถึง “พี่เขาก็บอกว่าเราทำให้เขาสบายใจ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ก็น่าจะโอเค”

“พอถึงเวลา เชื่อว่าเดี๋ยวมันจะมีความคิดเอง ว่าเราพร้อมแล้ว”

ซึ่ง “คิดว่าไม่เกิน 5 ปีหรอกค่ะ เพราะว่า 30 เราก็คงอยากมีครอบครัวแล้ว” คือคำคาดการที่มาพร้อมรอยยิ้ม