กราบสวัสดีท่านผู้อ่านที่เคารพทุกท่านครับ หากวันหนึ่งมีคนที่ท่านไม่เคยรู้จักกันมาทำพฤติกรรมแย่ ๆ กับท่านโดยไม่มีเหตุผล หากท่านเป็นคนคิดบวกท่านจะทำอย่างไรครับ....ถามได้..เปรี้ยวเหรอสเตรนเจอร์ บวกกันหน่อยไหม สุดท้ายจบที่โรงพยาบาลด้วยกันทั้งคู่พร้อมบิลค่ารักษาราคาหลักหมื่น แบบนี้ไม่ใช่การคิดบวกที่ถูกต้อง แล้วยังไงคือการคิดที่ถูกต้อง...( ก็เรียกพวกมาเยอะ ๆ สิ ) ยัง ยังไม่หยุดอีกนะ เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านมีเสียงในหัวที่คอยครอบงำความคิดเราบ่อย ๆ เมื่อตัวเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์แย่ ๆ เหล่านี้อยู่เป็นประจำ การคิดบวกที่ถูกต้องเราควรมองโลกในแง่ดีและมองให้ให้ไกลกว่านั้น โดยพยายามใช้สติยั้งคิดให้เห็นถึงผลสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา ก่อนที่เราจะตัดสินใจกระทำการใด ๆ ลงไป ยกตัวอย่างเช่น มีคนเดินมาเหยียบเท้าคุณโดยไม่มีเหตุผล ไม่ขอโทษสักคำ คนส่วนมากทั่วไปที่ขาดสติก็จะพยายามเอาคืน โดยขอให้รับผิดชอบ จนอาจเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นแก่กันได้ ส่วนคนคิดบวกจะมองเหตุการณ์นี้ในอีกหนึ่งมุมมอง เขารู้แหละว่าตัวเขาเองไม่ได้ผิด คนที่ผิดคือคนแปลกหน้าที่เดินมาเหยีบเท้าเขาอย่างไม่มีเหตุผล แต่เขามองออกว่าต่อให้ไปเรียกร้องอะไรก็จะเป็นการทะเลาะกันเปล่า ๆ หากเจ็บตัวมาก็ต้องเสียค่ารักษาพยาบาลซึ่งประเมินแล้วว่า มันไม่คุ้มค่า นอกเสียจากว่าคนแปลกหน้าผู้นั้นได้ทำให้เขาได้รับความเสียหายทางทรัพย์สินอื่น ๆ ซึ่งยอมความไม่ได้ในทางกฎหมาย และพยายามคิดบวกมองโลกในแง่ดีว่าเขาอาจเป็นผู้พิการ หรืออยู่ในช่วงเร่งรีบเนื่องจากได้รับความเดือดร้อน เป็นเพียงเรื่อง ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ให้อภัยกันได้ ร่ายมาเสียยาวขอเข้าเรื่องกันสักทีนะครับ จากที่กล่าวมาท่านผู้อ่านทุกท่านอาจจะพอเห็นภาพได้บ้างแล้วว่า สติและความคิดเป็นสิ่งที่สำคัญกับตัวเรามากขนาดไหน บางคนก็ว่าป่วยกายไม่เท่ากับป่วยใจ สุขภาพใจที่ดีภายในเป็นพื้นฐานของสุขภาพดีที่ภายนอก ความคิดที่ดีเป็นพื้นฐานที่ก่อให้เกิดสิ่งดี ๆ ขึ้นกับตัวเราเพราะความคิดเป็นตัวกำหนดการกระทำ หากเราคิดดีทำดี สิ่งดี ๆ ก็ย่อมไม่หนีไปไหนจะหลั่งไหลเข้ามาใกล้ ๆ ตัวเราเสมอ วันนี้ทางผู้เขียนมีหนังสือดี ๆ เล่มหนึ่งมาแนะนำทุกท่านเพื่อให้ได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาพื้นฐานและการคิดบวก ซึ่งบอกได้คำเดียวเลยว่าเมื่ออ่านจบเราจะมองโลกในแง่ขึ้นเป็นอย่างมาก เราจะเป็นคนที่จิตใจดีกว่าเดิม สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองและประเมินสถานการณ์ที่ซับซ้อนได้โดยที่ไม่ถูกอารมณ์โกรธเข้ามาครอบงำจิตใจได้ง่าย ๆ เรียกว่าคุ้มค่ามากจริง ๆ ครับ หากพร้อมแล้วไปพบกับหนังสือที่ชื่อว่า เปลี่ยนความคิดด้วยจิตวิทยาเชิงบวก กันเลย ไปชมกันว่าหนังสือเล่มนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง เปลี่ยนความคิดด้วยจิตวิทยาเชิงบวก เป็นหนังสือที่เขียนโดยคุณ สิทธิโชค วรานุสันติกุล นักจิตวิทยาสังคมมากประสบการณ์ สำเร็จการศึกษาปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาสังคมและองค์กรณ์ จาก Brigham Young University USA ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาให้กับองค์กรต่าง ๆ และเป็นอาจารย์สอนพิเศษประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื้อหาในหนังสือจะสอนให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักจิตวิทยาเชิงบวก ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากในการทำงานร่วมกันทั้งในภาพใหญ่คือระดับองค์กรและในส่วนกลุ่มย่อยตามสายงานระดับปฎิบัติการณ์ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจโลกแห่งการทำงาน สามารถคิดในเชิงบวกได้เป็น และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้มีความสุขมากขึ้น นอกจากนี้ยังแฝงไปด้วยแนวทางในการแก้ไขความขัดแย้งหรือไม่ลงรอยกันต่าง ๆ ในวิธีทีที่ชาญฉลาดแบบไม่ให้กระทบกระทั่งกันทั้งสองฝ่าย นับว่าเป็นความรู้ที่มีประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตในการทำงานของเราเป็นอย่างยิ่งครับ สำหรับท่านผู้อ่านคนใดที่ดำเนินชีวิตในการทำงานโดยที่ไม่ค่อยมีความสุข เนื่องจากจิตใจเราเป็นทุก แนะนำว่าหนังสือเล่มนี้อาจพอเปิดมุมมองใหม่ ๆ วิธีิคิดใหม่ ๆ ที่ช่วยให้จิตใจเราเป็นสุขและสงบขึ้นได้ครับ หลังจากที่ทางผู้เขียนได้อ่านแล้วก็ต้องยอมรับว่าพอเราเริ่มคิดในเชิงบวกเป็นสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตเราก็มีมากขึ้นจริง ๆ เหมือนที่มีคนกล่าวไว้ว่าความคิดเป็นการกำหนดการกระทำของเรา คิดดีทำดี สิ่งดี ๆ ก็ย่อมจะเกิดแก่ตัวเราเองครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับข้อมูลเพิ่มเติม : Scan QR code จากภาพปกหลังหนังสือในบทความได้เลยครับภาพประกอบที่ 1 ปก / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอยที่ 4 โดยผู้เขียนบทความถ่ายเองขอขอบคุณภาพประกอบที่ 2 โดย www.unsplash.com