สวัสดีจ้าทุกคน...ผู้เขียนได้มีโอกาสดูหนังเก่า ๆ เรื่องหนึ่งซึ่งสร้างมาจากนิยายของเจ้าพ่อสายโหดอย่าง Stephen King โดยปกติจะชอบดูเรื่อง Carrie ที่เป็นแนวประมาณ Bullying ในโรงเรียน กับ Cujo ที่เกี่ยวกับพิษสุนัขบ้า แล้วนี่เองก็มาจากนิยายอีกเรื่องของนักเขียนคนเดียวกัน นั่นก็คือ "Misery" ปกติผู้เขียนไม่ชอบอ่านอะไรที่มัน Creepy ขนาดนี้ แล้วมาดูในหนังอีก ร้องบรื๋อยิ่งกว่าผีเลย ถ้าอ่านในถ้อยความจากหนังสือ บอกเลยว่าอ่านไปปิดหนังสือไป และดูหนังย้อนหลังยังต้องเอามือปิดอีก ไม่กล้าดูเต็มตาเลยล่ะ เพราะทั้งดูทั้งอ่านแล้วไมเกรนขึ้น Credit pic : Misery (Official Page)ตัวหนังสือเขียนเสร็จเมื่อปี 1987 แต่ภาพยนตร์ถูกสร้างขึ้นตอน 1990 เห็นว่าได้รางวัลออสการ์ด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด จุดเด่นคือ สยองได้โดยไม่มีผี และบรื๋อได้ด้วยคนล้วน ๆ เพียงไม่กี่คนในเรื่องเท่านั้น เรื่องมีอยู่ว่า "Paul Sheldon" เป็นนักเขียนลวดไม้ลายมือดีคนหนึ่งในวงการหนังสือ เวลาต้นฉบับส่งถึงสำนักพิมพ์ทีไร นิยายของเขาขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แนวเขียนของเขาถ้าดูจากเนื้อเรื่องค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเอง มีความน่าสนใจ และมีคนอ่านนิยายของเขาจนติด เรียกได้ว่าเรียกกระแสแฟนคลับได้ดีพอสมควร ด้วยความที่ตัวเอกของเรื่องเป็นนักเขียนชื่อดัง และเวลาไปที่พักตากอากาศมักจะได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ อยู่เสมอในการสร้างสรรค์นิยายสักเล่มหนึ่ง แล้วจุดเริ่มต้นแห่งความสยองกว่าผีจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อพอลประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ เขาได้รับบาดเจ็บ แต่มีคนช่วยชีวิตเขาไว้ให้พ้นจากความตายCredit pic : Misery (Official Page)ฟังไปก็เหมือนจะโชคดี ถ้ารอดจากความตายแล้วมีคนช่วยชีวิตไว้ มันก็อิ่มใจนะ ทั้งคนที่ช่วยชีวิตเป็นพยาบาลชื่อว่า "Annie Wilkes" หน้าตาก็เหมือนคนใจดี และเป็นแฟนคลับนิยายของเขาตัวยงเบอร์หนึ่ง จากประโยคที่ว่า...ฉันคือแฟนคลับหมายเลขหนึ่งของคุณ ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีที่มีคนติดตาม หรือว่าคราวซวยมาเยือนหรือเปล่า เพราะมันกลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ไปโดยปริยาย เมื่อผิดสังเกตว่าพอลถามแอนนี่หลายครั้งว่าโทรศัพท์ใช้ได้หรือยัง ถนนยังใช้ได้ดีอยู่ไหม ไม่ว่าจะถามอะไร แอนนี่ยังตอบว่าใช้ไม่ได้เลย ข่าวการหายตัวไปของนักเขียนชื่อดังแพร่สะพัดทั่ว แต่มีพิรุธตรงที่...หล่อนมีแผนที่จะประวิงเวลาด้วยเหตุผลบางอย่าง!Credit pic : Misery (Official Page)เธอต้องการประวิงเวลาเพื่อที่จะให้พอลแก้ตอนจบใหม่ของ Misery เพราะไม่ถูกใจตอนจบที่ทำให้ตัวละครเอกในเรื่องต้องตาย แล้วเธอมีอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนน่ากลัว บางทีกราดเกรี้ยวผิดปกติของคนธรรมดาจนพอลหวาดกลัว เพราะเธอมีอาการทางจิตแต่ฉลาดเป็นกรด จึงไม่แปลกใจเลย คนที่เป็นพยาบาลค่อนข้างจะมีจิตวิทยาอยู่ แต่ดูแล้วเธอเป็นคนมีกึ๋นทางจิตวิทยาในทางไม่ดีเท่าไหร่ ในยามที่ทุกคนเข้ามาช่วย กลับช่วยไม่ได้ แล้วต้องเล่นเกมเพียงคนเดียวกับใครก็ไม่รู้ที่น่ากลัวกว่าผี แต่ความเป็นนักเขียนของเขาพอมีวาทศิลป์ (พร้อมกับสติที่จำเป็นต้องใช้ในการเอาตัวรอด) เหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะต้องบาดเจ็บแทบพิการเพราะอาการทางจิตของคนบางคนก็ตามที่คลั่งไคล้ในนิยายของเขา ถือว่าแต้มบุญยังมีที่ตอนจบพอลยังไม่ตาย เขาสู้กับป้าแอนนี่ผู้บ้าคลั่ง จนกระทั่งแอนนี่ตาย สิ้นฤทธิ์สักทีคนโรคจิตแบบนี้...เล่นแทบใจหายใจคว่ำ เขาเองก็เกือบตายเพราะแฟนคลับคลั่งคนนี้เช่นกัน กว่าจะรอดชีวิตมาได้หัวใจแทบจะวายCredit pic : Misery (Official Page)ในชีวิตจริง...มันก็อดนึกถึงพวกที่คลั่งไคล้จนเกินเหตุ ยิ่งเรามีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ ไม่ว่าจะดังด้านใดด้านหนึ่งก็ตาม ก็ต้องมีคนที่ชื่นชอบ แต่ก็มีความจิตของคนบางคนซ่อนอยู่ บางทีอาจจะไม่ได้มาแบบคลั่งเหมือนป้าแอนนี่ แต่บางคนอาจจะมาในเชิงเสน่หา อาจจะมาในเชิงต้องการควบคุม หรือมาแนวคุกคามชีวิตใครสักคนเมื่อสบโอกาส อย่างถ้าใครเป็นไอดอลก็ต้องระวังพวกชาแชง หรือถ้าใครมีคนที่เรารักก็ระวังคนล้ำเส้นดี ๆ แน่นอนว่า Stephen King เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญ อาจไม่ได้แต่งเพราะแรงบันดาลใจในด้านลบกับนวนิยายของตนกับอาการติดสุราอย่างหนักเพียงอย่างเดียว แต่ชีวิตจริง ของแบบนี้มันก็ไม่แน่ อาจจะบรื๋อ ขนหัวลุกชวนสยองขวัญแบบนี้ก็ได้...จริงไหม :)Credit pic ภาพปก : Misery (Official Page)