7 หนังรางวัลออสการ์ในประวัติศาสตร์ ที่คว้าชัยชนะได้แบบค้านสายตาผู้ชม
งานประกาศผลรางวัลออสการ์ ที่จัดขึ้นต่อเนื่องเกือบจะครบ 100 ปี หรือ ศตวรรษเต็ม ๆ นี่คือรางวัลที่เป็นเสมือนเครื่องการันตีในความยอดเยี่ยมของผลงานหนังในปีนั้น ๆ ที่เป็นขวัญใจและกำลังใจให้กับทีมงานผู้สร้างและทีมนักแสดง พร้อมกับเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่จะประดับบารมีพวกเขาไปตลอดกาล แต่ถึงแม้ผลรางวัลจะตัดสิทธิ์ออกมาเป็นที่สิ้นสุด แต่ทว่าก็ยังมีบางครั้งและบางผลงานที่ผลลัพธ์รางวัลออกมาค่อนข้างค้านสายตาฝ่ายอื่น ๆ ก็เหมือนกับหนังทั้ง 7 เรื่องนี้...
Green Book - นับว่าเป็นอีกหนึ่งในหนังที่ถูกคนดูหยะแหยงใส่ไม่น้อย เพราะมองว่ายังไม่สมราคาขนาดที่จะเป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปีขนาดนั้น แม้ว่าประเด็นจะเสิร์ฟมาเซอร์วิสอย่างดีกับเรื่องราวของคนเหยียดผิวและนายจ้างผิวสี ที่ท้าที่สุดก็เป็นเพียงบริบทที่ผิวเผินไปหมด แต่หลาย ๆ ฝ่ายกลับมองว่าเพราะความร้อนแรงของ The Black Panther ในปีนั้น ออสการ์ยังไม่พร้อมที่จะฟาดรางวัลให้กับกลุ่มหนังซูเปอร์ฮีโร่ ถึงแม้ว่าผลงานหนังฮีโรจะทำออกมาได้ปังทุกองค์ประกอบก็ตาม แต่ก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะให้ผ่านได้ มันเลยออกมาเป็นสูตรนี้
Argo - เพราะบางครั้งการมีเครดิตที่ดีบนเวทีรางวัลก็ช่วยส่งเสริมคุณค่าราคาให้กับตัวหนังได้ดี อย่างผลงานของ เบน แอฟเฟลก เรื่องนี้ ที่เขาแสดงนำ พร้อมร่วมกำกับและเขียนบทหนังด้วยเ กลายเป็นหนังที่ค่อนข้างมีสไตล์เป็นหนังบ็อกซ์บัสเตอร์มากกว่าหนังสายรางวัล แต่เหมือนกรรมการโยนรางวัลให้เขาเพื่อปลอบใจคนเคย ๆ เฉือนชนะ Lincoln ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก หรือ Zero Dark Thirty หนังสงครามระทึกกินใจของผู้กำกับหยิง แคธริน บิกาโลว ที่สุดท้ายออสการ์ก็ให้รางวัลกับคนที่เคย ๆ อยู่ดี
The King’s Speech - ส่วนหนังเรื่องนี้อาจจะถูกมองว่าเป็นแค่หนังที่ดีใช้ได้ แต่อาจจะไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยมแห่งปีขนาดนั้น แม้ว่าประเด็นจะประเคนเพื่อส่งเสริมการได้รางวัลมาแบบจ๋า ๆ แต่ในออสการ์ปีนั้นก็ยังมีหนังเรื่องอื่นที่โดดเด่นไม่แพ้กัน อย่าง Black Swan, The Fighter, True Grit หรือ The Social Network แต่ในท้ายที่สุดคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายต่างก็วนกลับมาเลือให้หนังท่วงทำนองเดิม ๆ เพื่อเซอร์วิสรางวัลได้รางวัลไปแบบเดิม ๆ
How Green Was My Valley - ย้อนกลับไปในงานประกาศรางวัลออสการ์ ปี 1942 เป็นหนึ่งปีที่ถูกจารีกเอาไว้ว่ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนั้นเกิดการพลิกโผแบบมโหฬาร เพราะในปีนั้นผลงานที่เป็นหนังตัวเต็งที่โดดเด่นมาก ๆ ก็คือ Citizen Kane ตำนานหนังคลาสสิกของผู้กำกับ ออร์สัน เวลส์ แต่กลายเป็นว่าหนังเรื่องดังกล่าวเก็บกลับบ้านได้เพียงรางวัลเดียว จากการเข้าชิง 9 สาขารางวัล โดยที่หนังของ จอห์น ฟอร์ด เข้าวินคว้ารางวัลไปได้ 5 ตัว และได้รางวัลใหญ่ไปครอง แบบที่เป็นม้ามืดตัดหน้าไปแบบไม่เห็นฝุ่น
Crash - ผลงานหนังที่พยายามสร้างเจตนาที่ดีในการตีแผ่ประเด็นการเหยียดเชื้อชาติ ที่ทว่าผลลัพธ์ออกมาได้ไม่ลึกซึ้งและคมคายเพียงพอที่จะสร้างพลังในการขับเคลื่อนประเด็นนี้ เพราะดันเต็มไปด้วยเนื้อหาของคนเหยียดเชื้อชาติ ที่ดันกลายเป็นหนังที่ออสการ์ปารางวัลใส่ให้แบบงง ๆ เรียกได้ว่างงกกันทั้งโรงละครกันเลยทีเดียว ทั้งนี้ในปีนั้นมีหนังปัง ๆ อย่าง Munich, Capote หรือ Brokeback Mountain ที่ร่วมชิง แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าเพราะออสการ์ยังไม่กล้าพอที่จะให้รางวัลกับหนังที่มีเนื้อหา LGBTQ ที่ยังไม่เป็นที่ยอมรับในเวลานั้น เรื่องนี้จึงตกกะไดพลอยโจน
Out of Africa - ในปี 1986 กลายเป็นว่าหนังโรแมนซ์ในผืนป่าแอฟริกาเรื่องนี้ได้กลายมาเป็นตัวเลือกคว้ารางวัลใหญ่ในปีนั้นไปครอง ทั้ง ๆ ที่ปีนี้ยังมี The Color Purple ของ สตีเวน สปีลเบิร์ก เป็นอีกตัวเต็งที่น่าสนใจ แต่หลายฝ่ายมองว่าหนังชีวิตคนผิวสีอาจจะยังโดดเด่นของหนังรักของคนผิวขาว ที่ใคร ๆ ก็มองว่าเป็นพล็อตที่แสนธรรมดา เพียงแต่ว่าในตอนนั้นออสการ์ยังไม่กล้าพอที่จะมอบรางวัลใหญ่ให้กับหนังที่เต็มไปด้วยสตอรี่ของคนผิวสี
Shakespeare in Love - หนึ่งในหนังที่มักจะถูกตราหน้าว่าเป็นหนังที่ได้รางวัลออสการ์มาได้อย่างไร ก็คือหนังกลิ่นอายแห่งความรักน้ำเน่าที่เข้าชิงถึง 13 สาขา พร้อมกับซิวกลับไปได้ 7 รางวัล หนึ่งในนั้นก็คือภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของปีนั้น ที่ตัดหน้าคู่แข่งเรื่องอื่น ๆ อย่าง The Thin Red Line หรือ Saving Private Ryan นับว่าเป็นหนึ่งในตราบาปของเวทีออสการ์ที่โยนรางวัลให้กับหนังเรื่องนี้ และยังกลายมาเป็นมีมที่ถูกล้อเลียนจนถึงทุกวันนี้
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa