สวัสดีจ้าทุกคน...นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขียนเรื่องของ LGBT ว่าในมุมมองคนกลุ่มนั้นที่มีต่อละครไทย ในความเห็นของผู้เขียนเอง ไม่ใช่การมองเชิงดูตลกขบขันแต่อย่างใด นักแสดงบางท่านที่ได้รับบทที่เกี่ยวกับตัวละครกลุ่ม LGBT บอกเลยน่าเสียดายความสามารถในหลาย ๆ ท่านที่ถูกจำกัดให้ได้รับแต่บทตัวละครในเชิงรสนิยมทางเพศ ให้ผิดหวังตอนจบ หรือถูกมองให้เหมือนตัวตลกในซีนนั่น ๆ ของละครมากกว่าที่จะให้บทเห็นคุณค่าของตัวละครเสียอีก ทั้งที่ในความจริงบทบาทของ LGBT ควรจะทำได้มากกว่านั้นเสียอีก แต่ข้อดีคือในสังคมไทยปัจจุบันเริ่มเปิดกว้างกับกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือกลุ่ม LGBT มากขึ้น เพราะพวกเขามีศักยภาพที่หลากหลาย และพวกเขาเหล่านั้นก็เป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนCredit pic : https://www.pexels.com/photo/people-gathering-2430945/นวนิยายในปัจจุบันเริ่มทำเป็นละครมากขึ้นนอกจากความรักของหนุ่มสาว แต่ก็มีอีกกลุ่มนิยายก็คือ กลุ่มชายรักชาย กับกลุ่มหญิงรักหญิงก็เริ่มมีเพิ่มขึ้น เท่าที่สังเกตมา กลุ่มชายรักชายจะตีตลาดละครไทยได้มากกว่า และกลุ่มหญิงรักหญิงยังมีไม่กี่เรื่องที่เริ่มฉายผ่านหน้าจอโทรทัศน์ แต่กลายเป็นสื่อที่ผลิตละครให้ความสำคัญเรื่องความต้องการทางเพศ หรือมองว่าเป็นตัวตลก ตัวร้ายในซีนเพื่อดึงดูดผู้ชมให้มารับชม แทนที่จะมองว่า...คุณค่าของเขาคืออะไร และกลุ่มคนเหล่านี้สอนอะไรแก่เราบ้าง? นอกจากเพศสภาพที่ตัวละครนั้นสื่อออกมาCredit pic : https://www.pexels.com/photo/two-men-lying-on-green-grass-2440069/ยกตัวอย่างตัวละครที่เกี่ยวข้องกับ "LGBT"มีละครหลายเรื่องที่บรรยายภาพของกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ กับการสะท้อนให้เห็นชีวิตมากกว่าสะท้อนในความเป็นสีรุ้งของเพศสภาพ ผู้ชมสามารถดูละครแล้วย้อนดูตนไม่ยาก จะขอยกตัวอย่างละครแต่ละเรื่องที่เกี่ยวกับคนกลุ่ม LGBT ช่วยจรรโลงใจและให้คติกับผู้ชมCredit pic : https://www.ch3thailand.com1. พระจันทร์สีรุ้งเป็นละครที่ผู้เขียนชื่นชอบมาก เพราะการดำเนินเรื่องไม่ได้สื่อแค่ความเป็นเพศที่สามในต้นเรื่องเพียงเท่านั้น แต่ยังสื่อให้เห็นว่า ทุกคนสามารถดูแลคนที่เรารักให้เติบโตเป็นคนดีได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร สถานะอะไร บนพื้นฐานความมีศีลธรรมเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ความรักของพ่อ ผู้เป็นพ่อที่เป็นคนกลุ่ม LGBT ต้องรับเลี้ยงลูกจากคนอื่นเพราะความจำใจ แต่ด้วยความถูกชะตาจึงเลี้ยงดูให้เขาเติบโตได้ด้วยความรัก จึงสะท้อนให้เห็นว่าความรักของพ่อแม่ไม่ใช่แค่หญิงกับชาย แต่มันอยู่ที่ใจรักและพร้อมที่จะห่วงใยดังลูกในไส้เช่นกัน คำจำกัดความว่า "พ่อ" ไม่ได้อยู่ที่ว่าจะต้องเป็นเพศแท้หรือเพศสภาพเลยCredit pic : http://www.one31.net2. ใบไม้ที่ปลิดปลิวเรียกได้ว่าตัวละครนี้ติดชาร์ตมาก เป็นบทบาทสุดท้าทายของ "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" ซึ่งรับบท "นิรา" ที่สวมบทกับการเป็นกะเทยที่แปลงเพศจากชายเป็นหญิงครั้งแรก เมื่อละครออกอากาศไม่กี่ตอน ทำให้หลายคนอึ้งในฝีมือการแสดง เพราะบทบาทของเธอเล่าเรื่องความยากลำบากในร่างกายและจิตใจ กว่าจะได้เป็นหญิงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางฉากสะท้อนให้เห็นภาพของสถาบันครอบครัวที่ไม่เป็นที่ยอมรับ การเลี้ยงดูที่ไร้ความรับผิดชอบ ขาดความเข้าใจ ขาดการรับฟังซึ่งกันและกัน และต้องรับมือกับคนในสังคมที่มองเพศที่สามในด้านลบ ซึ่งสังคมที่เต็มไปด้วยอคติ มุ่งเอาแต่ทำลายกัน เหยียดในความต่างซึ่งกันและกัน มันน่ากลัวกว่าสิ่งใดทั้งปวงในโลกนี้เสียอีก แม้ว่าจะเปลี่ยนตอนจบไม่ให้ดูมืดมนเหมือนนวนิยาย ปรับบทให้ทันสมัยและทำให้ผู้ชมเข้าใจคุณค่าของชีวิตมากขึ้น เป็นการสอนให้มนุษย์ในสังคมเอื้ออาทรต่อกัน ไม่ประมาทในการใช้ชีวิต ดำเนินตนอย่างมีสติCredit pic : https://www.ch3thailand.com3. ซ่อนเงารักหากใครที่เป็นสายละครวายก็มีหลายคนขัดใจ หากใครได้ดูอย่างต่อเนื่อง จะเห็นภาพที่สื่อให้เห็นเหตุและผล รวมทั้งสะท้อนภาพ "พ่อแม่รังแกฉัน" ชัดเจน ถ้าหากสถาบันครอบครัวมีความเป็นปึกแผ่น และไม่ใส่อารมณ์ใส่กันภายในครอบครัว บางทีความรักระหว่างคู่รักอาจจะงดงาม น่าประทับใจมากกว่านี้ จะว่าไป...ความรักคนเราไม่เลือกที่เกิด แต่ความรักก็ไม่ควรทำให้ใครต้องเจ็บปวด การที่เราดำเนินชีวิตโดยปราศจากความ "เข้าใจ" ไม่ว่าจะคนใกล้ตัวหรือคนที่อยู่ตรงหน้า บางทีก็ไม่ต่างอะไรจากการทำร้ายคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเลือดเย็น ไม่แน่คู่วายอาจจะได้ลงเอยกันด้วยภาพที่น่าจดจำกว่านี้ก็ได้ แม้กระแสละครเรื่องนี้จะดีมากทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ขายความฟินซะทีเดียวCredit pic : https://www.facebook.com/NadaoBangkok/4. ฮอร์โมน...วัยว้าวุ่นเป็นซีรีส์ที่สร้างกระแสดีตั้งแต่ซีซั่น 1-3 ซึ่งไม่ได้สื่อแค่เรื่องเพศศึกษาอย่างเดียว ยังสะท้อนให้เห็นเรื่องจริงในโรงเรียนที่บางเรื่องผู้ใหญ่ก็รับไม่ได้ บางเรื่องก็สะท้อนให้คนดูอินไปกับมัน แล้วทำไมถึงเกี่ยวกับ LGBT ล่ะ สังเกตได้จากคู่จิ้น "ภูธีร์" "ก้อยดาว" สื่อให้เห็นมุมมองความรักของ LGBT และสื่อให้เห็นสถาบันครอบครัวด้วยว่า เด็กทุกคนไม่ใช่แค่ผ้าขาว แต่เป็นผ้าที่มีหลายสี ซึ่งควรให้ความเข้าใจกับลูกวัยรุ่น เพราะช่วงวัยที่ว้าวุ่นก็คือหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต จึงควรมีคำแนะนำที่ดี ไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไปCredit pic : https://www.gmm25.com/5. ไดอารีตุ๊ดซี่ส์เปิดตัวมา 2 ซีซั่นและมีในรูปแบบภาพยนตร์อีก 1 เรื่อง เป็นซีรีส์ที่เหมือนจะขายความตลก แต่สร้างจากเรื่องจริงโดยประสบการณ์ของ "คุณช่า" ผู้เขียนหนังสือเรื่อง "บันทึกของตุ๊ด" จะบอกว่าเป็นอีกเรื่องที่ชอบมาก ไม่ใช่แค่ขายมุขดี ๆ หรือขายความตลกขบขันของความเป็น LGBT เท่านั้น แต่ก็สอนอะไรให้ใครหลายคนเช่นกัน นอกจากขายขำ ขายความคลายเครียดแล้ว ยังขายความมีสาระอีกด้วยhttps://www.workpoint.co.th6. นางแค้นถ้าไม่มองในมุมความสยองขวัญ ความน้ำเน่า หรือสืบสวนคดีฆาตกรรมนางโชว์ในคณะคาบาเร่ต์เพียงอย่างเดียว นางแค้นก็เป็นละครเรื่องหนึ่งที่สะท้อนของกลุ่ม LGBT ชัดเจน ทำให้เราเห็นต้นสายปลายเหตุว่า ทำไม "ซินดี้" เป็นคนแบบนั้น ความรักคือสิ่งที่สวยงามทำไมเธอถึงได้รับผลไม่ดี ทั้งที่เธอเองก็เติบโตในบ้านที่แตกร้าว จิตใจย่อมเหงาหงอย มีใครไม่ต้องการความรักที่ดีบ้างล่ะ? สภาพแวดล้อมของตัวละครกลายเป็นตัวกำหนดของจิตใจแต่ละคน เช่น "ตั้งโอ๋" ที่หวังดีแต่กลายเป็นว่าความหวังดี คือดาบที่เชือดซินดี้โดยไม่ตั้งใจCredit pic : https://www.pexels.com/photo/photo-of-people-drinking-wine-1420695/แม้อุตสาหกรรมละครเริ่มเพิ่มบทบาทของ LGBT เข้ามาเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ก็มีคำถามอย่างหนึ่งว่าเราได้อะไรจากการดูละครเรื่องนั้น และคนกลุ่ม LGBT ให้คุณค่าอะไรแก่เรา ผู้เขียนเองดูแต่ละเรื่องรู้สึกประทับใจว่าประเทศไทยเริ่มเปิดกว้างในกลุ่มเกย์ กะเทย ทอม เลสเบี้ยน รวมทั้งไบเซ็กชวลมากขึ้น เพราะสังคมจริงมีความหลากหลาย และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเป็นได้ในแบบที่ต้องการ ไม่ใช่แค่มองในมุมเชิงเพศเพียงอย่างเดียว ฉะนั้น...การมองมุมมองของ LGBT ที่มีผลในละครไทยในปัจจุบัน ช่วยให้เราได้เห็นภาพความเป็นจริงกับภาพในทีวีได้ชัดเจนขึ้น และสามารถเลือกมุมที่ควรเป็นแบบอย่างที่ดีมาดำเนินชีวิตได้ ไม่ใช่แค่เพื่อเลียนแบบเท่านั้นCredit pic ภาพปก : https://www.pexels.com/photo/photo-of-person-holding-multicolored-heart-decor-1173576/