เรื่องราวร่ำลือถึงอาถรรพ์ต่อผู้สร้างหนังจะมีอยู่ไม่กี่อย่าง หลัก ๆ คือการสร้างภาคสอง ที่บางเรื่องผ่านด้วยดี บางเรื่องก็เจ็บตัวไปสาหัส และอีกอาถรรพ์คือการสร้างหนังจาก เกม ที่แทบจะไม่มีเรื่องไหนสามารถสร้างให้เป็นตำนานเทียบชั้นกับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ได้ เข้าขั้นดีหน่อย ก็สามารถทำกำไรได้มากมายอย่างเช่น Tomb Raider ในฉบับ แองเจลิน่า โจลี่ และ อลิเซีย วิแกนเดอร์ ทำให้บริษัทยักษ์ใหญ่ต้องคิดกันถี่ถ้วนเสมอ ก่อนที่จะคิดหยิบเกมใดเกมหนึ่งมาสร้าง และโดยเฉพาะเกมต่อสู้ ที่เข้าขั้นยากยิ่ง เพราะเนื้อเรื่องต้องเขียนขึ้นใหม่ อีกทั้งการผูกเรื่องให้มีกลิ่นอายจากวิดีโอเกมก็ไม่ง่ายที่จะลงตัว แต่กระนั้น ก็ยังมีหลายคนที่อยากท้าทายความสามารถ และ Mortal Kombat ก็เป็นเกมที่ผู้กำกับในฮอลลีวู้ดล้วนอยากนำมาสร้างMortal Kombat เป็นวิดีโอเกมต่อสู้ ออกจำหน่ายครั้งแรกเมื่อ 8 ตุลาคม 2535 สร้างโดย เอ็ด บูน และ จอห์น โทเบียส จัดจำหน่ายโดย Midway Games โดยการจัดจำหน่ายครั้งแรกก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงเนื่องมาจากสไตล์ภาพที่สมจริงในขณะนั้น และมีความเป็นคนจริง ๆ เนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของตัวละครนั้น ก็ใช้เทคนิคนำภาพคนจริง ๆ มาแสดง จึงทำให้หลายคนชื่นชอบ เพราะเหมือนได้จับคนจริง ๆ มาต่อสู้กัน ซึ่งในฝั่งญี่ปุ่น ก็มี Street Fighter ที่มีความเป็นตัวการ์ตูนมากกว่าซึ่งในความนิยมสูงนี้เอง ทำให้ในสามปีต่อมา Mortal Kombat ฉบับภาพยนตร์ก็ออกฉาย กำกับโดย พอล แอนเดอร์สัน ซึ่งถือว่าทำรายได้ทะลุเป้า ลงทุน 18 ล้าน กวาดรายได้มากถึง 124 ล้าน ขณะเดียวกัน เนื้อเรื่องก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีความสมเหตุสมผล แต่กระนั้น ก็ทำให้ New Line Cinema ลงทุนสร้างภาค 2 ขึ้นมาในปี 2540 และลงเอยด้วยความล้มเหลวอย่างเป็นทางการ จนโปรเจ็คต์นี้ถูกพับไปอย่างยาวนานและเรื่องราวของ Mortal Kombat ก็มีมาเป็นระยะ มีการสร้างหนังสั้นขึ้นมาและข่าวลือจำนวนมาก จนในปี 2564 ก็ได้ Mortal Kombat มาฉายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง โดยมีเทคโนโลยีใหม่เข้าช่วย และการพัฒนาต่าง ๆ ก็อยู่ในขั้นทันสมัยเอามาก ๆ ซึ่งทำให้ศึก Mortal Kombat ฉบับนี้แตกต่างจากฉบับก่อนมากมายโคล ยัง (ลูวิส ทัน) นักชกมวย MMA ฝีมือไม่เอาไหน และโนเนมเอามาก ๆ ก็กลายเป็นคนที่ถูกเลือกให้เข้าร่วมทีมต่อสู้ เพื่อหยุดยั้งการครองโลกของ Outworld และทำให้เขาได้พบอีกว่าตัวเขามีพลังพิเศษที่รอคอยการขุดขึ้นมาด้านเนื้อเรื่องที่ต้องชื่นชมก่อนว่าทำมาเพื่อให้คนที่ไม่เล่นเกมสามารถดูและเข้าใจได้ง่าย การสร้างที่ไปที่มาในความเป็นมาของตัวละคร และการสร้างพลังต่าง ๆ มีความสมเหตุสมผล ทำให้รู้สึกว่าความเหนือธรรมชาติของพวกเขาดูมีสาเหตุที่จับต้องได้แต่ด้วยตัวละครที่มีมากนั้น ทำให้การเจาะจงและการเกลี่ยบทเนื้อหาไม่ค่อยลงตัวเท่าที่ควร อีกทั้งยังมีความรวบรัดที่ตัดเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนทำให้รู้สึกว่าบทบาทของแต่ละคนดูง่ายไปหน่อย และชวนให้ตั้งคำถามไปว่าจะเดินเรื่องแบบนี้จริงหรือ แล้วก็ทิ้งไว้ให้ไปคิดกันต่อเอาเอง แต่บางตัวละครบทจะเข้มข้นก็ใส่มาไม่ยั้ง โดยเฉพาะเรื่องราวในช่วงแรกของสองนินจา ที่จัดเต็มทั้งดราม่าและเรื่องของการล้างแค้นที่เข้มข้นสุด ๆ จนอาจจะเป็นบทบาทที่ชวนจดจำที่สุดของเรื่องแม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับการเกลี่ยบทตัวละคร ก็ยังมีด้านดีที่ช่วยให้เพลิดเพลินได้คือฉากการต่อสู้ ที่ดูแล้วก็สามารถยืนยันได้ว่าทีมงานผู้สร้างดูจะใส่ใจในจุดนี้เป็นพิเศษ ไม่เพียงแค่สมจริง แต่ยังสัมผัสได้ถึงความคิดสร้างสรรใหม่ ๆ จนดูเป็นศิลปะ ซึ่งอยู่ในขั้นที่ต้องกล่าวว่า เท่มาก ๆซึ่งในส่วนของการต่อสู้ ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ โจ ทาสลิม นักแสดงนำของเรื่อง ที่ผันตัวจากนักกีฬายูโดทีมชาติ มาเป็นนักแสดงเต็มตัว ซึ่งตัวเขาก็ได้วาดลวดลายการต่อสู้ในฮอลลีวู้ดมาหลายเรื่อง และเรื่องนี้ก็ได้เห็นเขาจัดเต็มทุกกระบวนท่า หากชื่นชอบการต่อสู้ในหนังอินโดนิเซียอย่าง The Raid ก็คลายความคิดถึงได้ และบางช่วงก็อาจจะถือได้ว่า โจ ทาสลิม กับ ฮิโรยูกิ ซานาดะ คือคนที่แบกเรื่องไว้ผ่านฉากการต่อสู้ และสามารถกลบความบกพร่องของเนื้อเรื่องได้อย่างดีเยี่ยมMortal Kombat ฉบับนี้ก็ไม่ได้แย่ไปเสียหมด ส่วนดีของเรื่องก็ยังพอมีให้ได้สัมผัส อีกทั้งยังช่วยให้คนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนเข้าชมได้โดยไม่ต้องวิ่งไปเล่นเกมก่อนชมแต่อย่างใด และเป็นเหมือนการสร้างที่พยายามจะเอาชนะอาถรรพ์ และต้องการให้เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ แต่แล้วก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านตรงนั้น และยังต้องใช้กลิ่นอายของวิดีโอเกมเข้ามา เพื่อให้คงความเป็น Mortal Kombat ไว้ ซึ่งตรงนี้ก็เข้าใจได้ว่า ถ้าจะฉีกโดยการสร้างสรรขึ้นมาใหม่ทั้งหมด มันก็คงจะไม่ใช่ Mortal Kombatรูปภาพจาก Warner Bros. Picturesบทความอื่นที่เกี่ยวข้องตัวตนสุดเท่ของ Sub-Zero ใน Mortal Kombat