โบวี่ โล่งใจ ขายบ้าน 42 ล้าน ปลดหนี้สิน ไม่ขาดทุน มุ่งสร้างบ้านใหม่ อย่างพอเพียง
โบวี่ อัฐมา โล่งใจ ขายบ้าน 42 ล้านบาท ปลดหนี้สิน ไม่ขาดทุนพร้อมสร้างบ้านในฝันหลังใหม่ให้แม่ อย่างพอเพียง
โบวี่ โล่งใจ ขายบ้าน - หลังประกาศขายบ้านหรู 42 ล้านบาท ที่ทุ่มสร้างด้วยแรงกายแรงใจ จนในที่สุดต้องตัดสินใจขายอำลาบ้าน สำหรับนักแสดงสาว โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์ ได้ออกมาเปิดใจ ถึงสาเหตุ ขายบ้านในฝัน หลังตั้งใจสร้างให้ครอบครัว เป็นระยะเวลานาน 6 ปี ด้วยจำนวนเงิน 8 หลัก
- โบวี่ อัฐมา ประกาศชัด ไม่รับงานทานข้าว มีเงินซื้อกินเองได้
- ขายบ้าน42ล้านจนได้ โบวี่ ร่ำไห้ ลงทุนลงใจสร้างด้วยรัก ลาครั้งสุดท้าย
- โบวี่ อัฐมา ซื้อบ้านเป็นของขวัญให้พ่อ เจอเซอร์ไพรส์กว่า?
หลังประกาศขายบ้าน หลายคนตกใจเพราะว่าบ้านสวยมาก? “เนื่องจากที่ใช้เวลาสร้างบ้านนาน 6 ปีกว่า แล้วเหมือนคุณแม่ก็อายุเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนพอแม่ได้ลองมาบ้านหลังนี้ เขาก็ไม่อยากย้ายมาเขารู้สึกว่ามันเหงา เพราะบ้านเดิมมันจะมีบ้านญาติอยู่ใกล้ๆ แล้วก็มีเพื่อนๆเขาอยู่ระแวกแถบเดียวกัน เขาก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากย้ายมา เขาอยากให้เราขาย เพื่อที่จะไปซื้อที่ดินแถวๆบ้านเก่า แล้วก็สร้างใหม่แทน เลยต้องขายค่ะ(ยิ้ม)”
จำใจขายใช่ไหม เพราะตัวเรา และแม่ก็ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ด้วย? “ยังไม่มีใครได้เข้าอยู่เลยค่ะ คือยังเป็นบ้านใหม่อยู่ เสียดายมาก บ้านหลังนี้สร้างมา 6 ปี แล้วเรางานฟินิชชิ่งทั้งหมด เราเป็นคนใส่ใจ ดูแลทั้งหมดเลย ทั้งกระเบื้อง ผนังไม้ ตู้ เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเราซื้อเองหมด แล้วเราก็มีส่วนร่วมในการทำแบบบ้านตั้งแต่เริ่มสร้างในการออกแปลงบ้าน แล้วก็ร่วมทำงานกับสถาปนิกเยอะมาก โบจะคิดเสมอว่าเวลาเราเอาตัวเข้าไปอยู่จริงๆ เราจะมีไลฟ์สไตล์การใช้งานยังไง เราก็จะพยายามทำผังบ้านให้มันตอบโจทย์ชีวิตของเราที่สุด นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่มันช้าด้วย เพราะว่าเราค่อยๆคิดไปทีละจุดเลย
แม้กระทั่งการออกแบบไฟ เรายังคิดเลยว่าไลฟ์สไตล์เราเป็นยังไง ที่จะตอบรับกับเรามันก็เลยช้า แล้วพอต้องขายคือโอ้โห ทำมาทั้งหมด(ทำหน้าเสียดาย) แต่มันมีอีกจุดหนึ่งที่โบตัดสินใจ ยอมขายตามที่แม่เสนอมาคือ แม่บอกว่าอยากให้เราขายบ้านหลังนี้ ไม่ต้องมีหนี้แล้ว เพราะว่าบ้านหลังนี้โบก็ยังกู้ติดหนี้แบงก์อยู่ หม่าม้าเขาก็อยากให้เราขายไปจะได้เหมือนปลดหนี้แบงก์ คือเราไม่ต้องกังวลใจผ่อนเยอะมากให้เหนื่อย เพราะว่าผ่อนเดือนเดียวเป็นแสนอะ ซึ่งบ้านหลังใหม่ที่เราจะสร้างเราก็จะเอาเงินเท่าที่เราได้มา เท่าที่เรามีอยู่จากการขายบ้านไปสร้างเลย โดยที่เราไม่ต้องกู้แล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นหนี้สิน ซึ่งหม่าม้าเขาก็พูดมาหลายรอบแล้ว ตอนแรกๆเราก็ไม่ฟังนะ
แต่พอถึงจุดหนึ่งมันเริ่มรู้สึก หลังจากที่เราปฏิบัติธรรมมาเรื่อยๆ มันก็เกิดความรู้สึกพอ พอเพียงค่ะ แล้วพอเรากลับมาดูบ้านหลังนี้ บางทีเราก็รู้สึกว่ามันใหญ่ไปมั้ย จริงๆแล้วเราสามารถสร้างให้มันพอดีๆก็ได้ โดยที่มันไม่ได้ใหญ่จนเกินไป คือบ้านหลังใหม่ที่จะสร้างจะไม่ใหญ่เท่าบ้านหลังนั้นแล้วนะ หลังที่เห็นนั้นใหญ่เกือบครึ่งไร่ แต่บ้านหลังใหม่จะหาที่ใกล้ๆกับบ้านเดิมว่าจะเอาสัก 60 วาพอ แต่อาจจะทำหลายชั้นหน่อยแล้วอยู่กันไปคนละชั้น เพราะว่าที่ดินแถวบ้านเดิมแพง แต่แน่นอนว่าพื้นที่ใช้สอยก็จะเล็กลง เราอยู่แบบพอเพียงมากขึ้น เราไม่ต้องเป็นหนี้ สบายใจ
บางทีเราทำงานเหนื่อยมากๆอะ เราก็อยากหยุดพักบ้าง พี่ทำงานมาในวงการได้ 10 กว่าปีได้ พี่ทำงานอาทิตย์นึง 5-7 วัน มันเหนื่อยมากเลยนะ มันเหมือนทำงานไม่ได้พัก แล้วพอวันนี้ขายบ้านไปแล้ว ปลดหนี้ไปแล้วมันรู้สึก สบายจังเลย จริงอย่างที่แม่พูดจริงด้วย”
มันเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีใจ มากกว่าเสียใจใช่ไหม? “ ณ จุดนั้น เสียใจด้วยความที่เราผูกพันกับเขา เราใส่ใจรายละเอียดกับเขา แต่หลังจากที่เราขายไปแล้ว มันทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น โดยที่ว่างานไหนที่เรายังไม่พร้อมทำ หรือ เหนื่อยเกินไปก็ไม่ต้องทำก็ได้(ยิ้ม) เราก็ทำเฉพาะงานที่เราอยากทำ ทำงานน้อยลง”
เห็นบอกว่าได้กำไรด้วย? “อุ๊ย ก็ไม่ขาดทุน เพราะว่าคุยกับแม่แล้วว่าถ้าขาดขาดทุนเราไม่ขายนะ ลงทั้งแรก ลงทั้งเงิน แล้วยังต้องขาดทุนอีก ไม่คุ้มก็คือไม่ขาย จะขายก็ต่อเมื่อเราไม่ขาดทุนเท่านั้น”
กว่าจะขายได้ใช้เวลานานไหม? “จริงๆก็ไม่นานนะ ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน หลังจากที่ประกาศถือว่าค่อนข้าวเร็ว ขอบคุณคนที่มาซื้อต่อเขาก็รักบ้าน ชอบสไตล์เดียวกับเรา แล้วเขาเป็นคนสมถะด้วยนะ เขาซื้อเงินสดนะ 42 ล้าน เขาเป็นคนสมถะมาก สะพายกระเป๋าย่ามเหมือนเราอะ มีไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกับเรา ก็รู้สึกแฮปปี้ที่เราได้คนมาดูแลบ้านต่อที่มีความชอบเหมือนเรา แล้วก็มีความรักบ้านเหมือนเรา”
ตอนนี้วางแพลนทำบ้านใหม่ยังไงต่อ? “อย่าคิดว่ารวยนะคะ ขายบ้านได้(ยิ้ม) คือเงินจากการขายเราก็เอาไปใช้หนี้แบงก์ แล้วค่าภาษีก็หนักอยู่ แล้วก็ค่านายหน้า ซึ่งก็เหลือเงินจำนวนหนึ่งอยู่ เราก็จะเอาเงินจำนวนนั้นแหละ มาใช้สร้างบ้านหลังใหม่ ไม่กู้แล้ว เราก็จะส้รางเท่าที่มี มีแค่ไหนเราก็สร้างแค่นั้น พอเพียง เราก็ไม่สร้างหนี้สินแล้ว ชีวิตพี่เหมือนเกษียณแล้วอะ พี่ดูชิลมากเลยเนอะ”
ดูเหมือนเราเป็นคนรักบ้าน เอาธรรมเนียมมาริเอะ คอนโดะ มาอำลาบ้าน? “โบชอบเรื่องการจัดบ้านและการแต่งบ้านมาก นอกจากที่จะอ่านหนังสือของมาริเอะ คอนโดะแล้ว โบอ่านหนังสือการจัดบ้านอีกหลากหลายศาสตร์ ทั้ง ญี่ปุ่น จีน เป็นเรื่องของการจัดบ้าน ชอบเราก็จะมีข้อมูลเรื่องแบบนี้ ปัจจุบันโบก็ทำช่องเกี่ยวกับการแต่งบ้านด้วย ทั้งในยูทูบ แล้วก็ในเฟซบุ๊ก(หลังจากได้ทำบ้าน ก็เบี่ยงเบนความสนใจเป็นคนรักบ้านมากขึ้น) ใช่ ที่ตั้งใจมาทำช่องเกี่ยวกับการแต่งบ้าน เพราะว่าสร้างบ้านหลังนั้นมา ตอนนั้นไม่มีความรู้เลย ศึกษาเรื่องวัสดุ ศึกษาเรื่องการก่อสร้าง ศึกษายันการจัดบ้าน แล้วก็ชอบเดินดูเฟอร์นิเจอร์ จนเรารู้เรื่องพวกนี้เยอะมาก เราก็เลยรู้สึกว่าเรามีหลายอย่างที่เราอยากแชร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บางทีคนคิดว่าจะทำบ้านต้องใช้เงินเยอะ แต่ว่าบางอย่างถ้าเราไม่ได้มีบ้านหลังใหญ่ เรามีงบประมาณจำกัด มันมีวิธีการเลือกซื้อของ หรือว่ามันมีการดัดแปลงการจัดบ้านบางอย่างที่ทำให้เราประหยัดได้แล้วออกมาก็ดีด้วย การใช้สอยก็ดีด้วย”
รอบนี้ทำบ้านตั้งใจไว้ว่ากี่หลัก? “โบคิดว่ามูลค่าที่มันจะออกมา อาจจะอยู่ที่ประมาณ 20 กว่าล้าน (ครึ่งจากราคาบ้านหลังเดิมเลย) ใช่ค่ะ พอเพียง พอแล้ว ทำเท่าที่มี (ยังคงคอนเซ็ปต์บ้านในฝัน) ไม่น่าจะได้อะ คือแบบเดิมมันทำได้เพราะว่าบริเวณมันเยอะที่จะทำสระว่ายน้ำได้ มันทำสวนได้ แต่ทีนี้สระว่ายน้ำไม่ไหว ต้องลองดู ต้องไปเจอที่ดินก่อน ต้องลองออกแบบลงบนแปลงที่ดินของเราว่ามันจะได้ยังไงบ้าง”
ตอนนี้เริ่มอะไรไปแล้วบ้าง? “ยังหาที่ดินไม่ได้เลย(ยิ้ม)”
คุณแม่แนะนำว่ายังไงบ้าง? “คุณแม่ก็โอเคหมด ขอให้มันได้ทำเลแถวนี้”
คาดหวังว่าต้องอลังการ ใหญ่ มีสระอยู่ไหม? “จริงๆเหตุผลที่โบทำสระว่ายน้ำ เป็นเพราะว่าตัวโบชอบว่ายน้ำ ชอบแบบจริงๆ ไม่ใช่แค่แช่ เราเลยทำสระว่ายน้ำ อีกอย่างคือสระว่ายน้ำมันทำให้บ้านเย็น ทัศนียภาพมันสบายตาแต่อย่างที่บอกว่าเราพอเพียงแล้ว เรามีบัดเจ็ตถ้าสร้างได้ก็สร้าง ส้รางไม่ได้ก็ไม่สร้างจบ ก็ไม่เสียดาย บ้านที่เน้นเลยก็คือ หนึ่งไม่ก่อหนี้ ไม่กู้แล้ว สองคือทำเลแถวบ้านเก่า ซึ่งบ้านไม่ไกลจากญาติ แล้วก็เพื่อนๆ สาม คือ ทุกคนต้องมีความเป็นส่วนตัว เผื่อพี่ชายแต่งงาน เราก็แยกไปเลยคนละชั้น”
ขอบคุณรูปภาพ : bowie_atthama