เครดิตภาพ Facebook Officialมาถึงภาคสุดท้ายของภาพยนตร์ไตรภาคหนึ่งในฮีโร่มาร์เวลอย่างกัปตันอเมริกากันแล้วนะครับ ถือว่าภาคจบนี่พล็อตเรื่องค่อนข้างฉีกแนวไปกว่าเก่าเยอะเลยครับหนังเล่าเรื่องต่อจากภาพยนตร์ชุด Avengers: Age of Ultron เพราะหลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น เหล่าบรรดาฮีโร่อเวนเจอร์ที่เข้าไปปฏิบัติการวินาศสันตะโร จนทำให้ประชาชนบาดเจ็บและล้มตายกันเป็นจำนวนมหาศาล เรื่องราวบานปลายใหญ่โตจนระดับผู้นำของประเทศต่าง ๆ ต้องออกมาหาทางแก้ปัญหาและร่างกฎหมายเพื่อควบคุมกลุ่มคนที่มีพลังเหนือมนุษย์หรือทีมอเวนเจอร์นั่นเอง เพราะเหตุนี้ทำให้สตีฟ โรเจอร์หรือกัปตันอเมริกา (Chris Evans) ที่ต้องการปกป้องเพื่อนสนิทของเขาอย่างบัคกี้ บาร์นส์ (Sebastian Stan) ซึ่งได้รับผลกระทบจากกฎหมายที่พวกผู้นำร่างขึ้น ส่วนโทนี่ สตาร์ค หรือไอรอนแมน (Robert Downey Jr.) ก็ไม่พอใจในการกระทำของสตีฟ ทำให้ขัดแย้งกันและเหล่าอเวนเจอร์ก็แยกทีมกันเป็น 2 ฝ่ายและมาทำสงครามกันเครดิตภาพ Facebook Officialว่ากันที่เรื่องของเนื้อหากันก่อน ภาคนี้ก็ทำได้ไม่เลว อัดแน่นด้วยเนื้อหาที่เข้มข้น เหมือนเป็นภาคย่อยของอเวนเจอร์เลยก็ว่าได้เพราะว่ามีตัวละครจากมาร์เวลมาเยอะพอสมควร รวมไปถึงฉากแอ็คชั่นสุดระห่ำ และสอดแทรกมุกตลกสไตล์มาร์เวล การเดินเรื่องของภาคนี้ค่อนข้างไวพอสมควร หากจะลุกไปเข้าห้องน้ำ แนะนำว่าควรPause ไว้ก่อน เพราะถ้าขาดตอนกลับมามีงงแน่ ๆ แน่นอนว่าภาคนี้เป็นการมาประชันบทบาทกันระหว่างไอรอนแมน และ กัปตันอเมริกา ถือว่ามีความลงลึกในรายละเอียดมากกว่าภาคแยกของทั้งคู่ในส่วนของนิสัยใจคอ รวมถึงความคิดและทัศนคติของทั้งคู่ ถ้าลองสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าในAvengers ทั้งคู่ชอบขัดแย้งกันตลอดเพราะทั้งคู่มั่นใจในความคิดและประสบการณ์ของตัวเอง แต่ใน Civic War จะเป็นการเดินเรื่องโดยที่กัปตันอเมริกาเป็นพระเอกและฝั่งไอรอนแมนเป็นผู้ร้ายเครดิตภาพ Facebook Officialส่วนฉากบู๊แอ็คชั่นนั้น หนังค่อย ๆ ย่อยให้คนดูเป็นระยะ เอาใจคอหนังแอ็คชั่นโดยการทยอยปล่อยมาตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีมากั๊กไว้ท้าย ๆ เหมือนภาคก่อน ๆ ฉากที่ถือเป็นไฮไลท์ของภาคนี้ แต่ฉากที่ถือว่าคุ้มเงินคนดูที่สุดก็คงเป็นฉากต่อสู้ที่สนามบินนั่นแหละครับ เพราะเป็นการรวมเอาฮีโร่ในเรื่องนี้ไว้ทุกคนเลย ใครชอบใครรักใครก็จะได้เห็นว่าใครประกบคู่ใครบ้าง ทั้งบู๊ไปทะเลาะกันไปมีตลกก็ต้องมีดราม่าถือว่าเป็นของที่ต้องอยู่คู่กันในหนังมาร์เวล ดราม่าเยอะพอสมควร โดยเฉพาะความขัดแย้งที่มีมากมายเหลือเกินของไอรอนแมนและกัปตัน ฮีโร่ทุกคนก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปที่มีด้านเข้มแข็งและอ่อนแอปะปนกัน เป็นคนไม่ชอบอะไรดราม่าฉากเหล่านี้มันเลยดูหน่วงไปนิดหน่อยครับและแนะนำอย่างยิ่ง ถ้าหากใครจะชม Infinity War ก็ควรชมภาพยนตร์ชุดนี้ก่อนเพราะว่าเรื่องราวต่อจากCivil War ข้อเสียของหนังจักรวาลมาร์เวลนั้นมีเพียงอย่างเดียวคือถ้าไม่ไล่ดูตามTime Line ก็จะเกิดอาการค้างเติ่งไม่รู้ว่าเป็นไปเป็นมาอย่างไร หรือว่าพวกเขาไปทะเลาะกันตอนไหนนั่นเองเครดิตภาพ Facebook Officialคะแนนของเนื้อเรื่อง 9/10 เนื้อเรื่องน่าสนใจเพราะมีการนำฮีโร่อเวนเจอร์มาทำศึกและขัดแย้งกันเอง แต่การขัดแย้งกันไม่ได้มุ่งหมายจะทำร้ายหรือเอาชีวิตกัน เหมือนเป็นการขัดขวางการกระทำของอีกฝ่ายมากกว่า หนังยังคงมีความตลกปนดราม่าแอ็คชั่นไปเรื่อยตามสไตล์มาร์เวลคะแนนเอฟเฟคต์ 8/10 หนังไม่เน้นเอฟเฟคต์อลังการเหมือนหนังที่เน้นCGทั่วไป แต่จะเน้นการ Insert และการต่อสู้ที่เหนือมนุษย์ของเหล่าอเวนเจอร์ และความสมจริงของการต่อสู้ รวมถึงการสู้ไปทะเลาะกันไปเหมือนเราจะดูหนังAction Comedy มากกว่า และสิ่งที่ไม่นึกถึงไม่ได้คงจะเป็น Background ในการต่อสู้ที่เลือกสนามบิน บอกได้เลยว่าไอเดียดีไม่หยอกข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้1. ความรักเพื่อนและรักความยุติธรรมของกัปตัน เมื่อกฎหมายหรือสนธิสัญญาที่ร่างขึ้นมาเพื่อควบคุมผู้มีพลังเหนือมนุษย์ มีผลกระทบกับเพื่อนของกัปตันอย่างบัคกี้อย่างไม่เป็นธรรม กัปตันก็ยินดีที่จะแลกกับการต่อสู้กับไอรอนแมนเพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม2. ความขัดแย้งอาจจะสร้างมิตรภาพที่แน่นแฟ้น อย่างเช่นกัปตันอเมริกาและไอรอนแมนที่ตีกันแทบตายในภาคนี้ แต่เมื่อถึงเวลาที่มีศัตรูและเข้าตาจน ทั้งสองก็หลังชนกันต่อสู้ได้อย่างเข้มแข็งถือว่าจบได้อยากสวยงามและเป็นการชักพาให้คนดูเตรียมพบการ ภาค Infinity War ไปในตัวครับ เพราะภาคหน้าหนังจะเริ่มที่ความขัดแย้งของกัปตันและไอรอนแมนแบบเล็ก ๆ เครดิตภาพปก Facebook Official