“เบียร์ เดอะวอยซ์” มูฟออนดราม่า ลั่น! ไม่ได้มั่น แค่สู้ถ้าไม่ผิด กดบล็อกคอมเมนต์แย่จบปัญหา
“เบียร์ เดอะวอยซ์” มูฟออนดราม่า ลั่น! ไม่ได้มั่นแค่สู้ถ้าไม่ผิด กดบล็อกคอมเมนต์แย่จบปัญหา
ออกมาเปิดใจอีกครั้ง นักร้องสาว “เบียร์ เดอะวอยซ์” หรือ “เบียร์ ภัสรนันท์ อัษฎมงคล” หลังเจอประเด็นดราม่าไม่หยุด ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนมาถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมา จบเรื่องนั้นก็เจออีกเรื่องต่อ
งานนี้ให้สาว “เบียร์” ชี้แจงอีกว่า “ไม่มีอะไรมาก พูดไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็โฟกัสการทำงาน ทำเพลงต่อ ที่ผ่านมาสภาพจิตใจก็มีทั้งแย่และไม่แย่ คนเราก็ต้องต่อสู้ฝ่าฟันกันไป หลายคนก็เข้ามาให้กำลังใจ อยากขอบคุณคนที่ยังเห็นใจกัน และขอบคุณคนที่ยังซัพพอร์ตกันเสมอ รับมือคอมเมนต์ต่างๆ คิดว่าอนาคตก็บล็อกๆ ไปดีกว่า
หนักมากถึงขั้นร้องไห้ เราคนหนึ่งที่รักครอบครัวของเรา ก็อยากลองให้ทุกคนคิดดูว่าก่อนจะต่อว่าใคร ถ้าเป็นคนที่เขารักจะอยากมีใครมาว่าคนที่เขารักไหม อันนี้ก็อยากให้ลองคิดดู แต่ไม่เป็นไรเราทำงานอยู่ตรงนี้ ก็เข้าใจว่าไม่สามารถควบคุมคนได้มากมายขนาดนั้น นั่นก็เป็นสิ่งที่เบียร์ยอมรับอยู่แล้ว สำหรับในส่วนที่เบียร์ต้องรู้สึกผิด เบียร์รู้สึกผิดกับคู่กรณีหรืออะไรใดๆ เราเคลียร์กันแล้ว ส่วนกับคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อันนี้เบียร์ก็อยากบอกว่าถ้าทำให้ใครผิดหวัง เบียร์ขอ โทษ แต่ถ้าเกิดว่าใครที่ยังรู้สึกว่าต้องอะไรกว่านี้ เบียร์ขออนุญาตที่จะบอกว่า เบียร์รู้สึกผิดแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเบียร์จะต้องจมอยู่กับความเศร้าให้มันนาน สุดท้ายแล้วเราก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตของเรา ให้มีความสุขให้ได้เหมือนเดิม ความทรงจำที่เราเคยมีมันแย่ เราก็ต้องเดินหน้าสร้างความทรงจำที่ดีใหม่ นั่นคือประเด็นที่คนอาจจะเห็นเบียร์มีความสุขแล้วก็ยังไม่ยอมแพ้ ยังเข้มแข็งอยู่ นั้นคือเหตุผลของการมูฟออนและใช้ชีวิตต่อไปได้ คือเบียร์ไม่เห็นประโยชน์ของการที่จะต้องโศกเศร้าให้มันนานแสนนาน มีบ้างในมุมที่เราเครียด แต่ว่าเวลาเราออกไปใช้ชีวิตข้างนอกหรือเจอเพื่อน ไปเที่ยว เบียร์ก็สนุกกับมันเต็มที่ คือไม่ได้ซึมเศร้า ยังมีความสุขในสิ่งที่มันเกิดขึ้นข้างหน้า คือเราไม่อยากให้เรื่องในโซเชียลมันมามีผลกับชีวิตเราขนาดนั้น วันหนึ่งเราปิดโซเชียลไปก็เท่านั้น เราก็ยังต้องเจอหน้าทุกคน ออกไปใช้ชีวิต กินข้าวให้อร่อย เบียร์แค่อยากจะบอกว่าอย่าให้โลกโซเชียล มาเป็นส่วนหนึ่งทั้งหมดในชีวิต เบียร์คิดว่าหลายๆ คนก็ควรจะเป็นแบบนั้น
เสียน้ำตากับเรื่องที่เกิดขึ้น บอกตรงๆ ว่าส่วนใหญ่ร้องไห้เพราะเวลาเรานึกย้อนในชีวิตเรา เบียร์ร้องไห้แค่เรื่องคนที่ตัวเองรักแค่นั้นแหละ ส่วนใครจะยังไงกับเบียร์นั้น คือคนที่จะมีความสุขได้คือคนที่แคร์คนที่เรารักก็พอ ถ้าเราแคร์ทุกๆ คน ลองคิดดูนะว่าทุกคนนั้นเขาได้มารักเรารึเปล่า เขารักเราจริงๆ ไหมถ้าเขารักเราจริงๆ เขาคงไม่ทำแบบนั้น เบียร์เป็นคนที่แคร์คนที่รัก อาจจะเห็นว่าเบียร์ไม่แคร์ใครเลย ซึ่งโดยปกติแล้วคนเราต้องแคร์คนที่เรารักมากที่สุดนั่นคือประเด็น
แคร์ตัวเองด้วย ก็มีบ้างที่เราเจอคนใหม่ๆ คบคนใหม่ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะเพราะเราไม่รู้จักใครดีพอ เราก็ต้องเรียนรู้มันไป บางทีเราก็พลาด เราอาจจะไม่มีประสบการณ์มาก่อน เราไม่เคยรู้ว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้นเราต้องทำยังไง มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าต่อไปเราต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ก็ถือเป็นบทเรียน เบียร์ยอมรับอะไรที่ผิดพลาดแล้วมันเกิดขึ้น อย่างแรกเราต้องยอมรับมันก่อนแต่ไม่ได้หมาย ความว่าเอามันมาเป็นตัวบอกว่าแบบนี้เราต้องจบชีวิตแล้วนะ เราต้องช่างมันบ้าง ชีวิตยังมีอะไรดีให้ลอง และรอเราอยู่ ก็คิดแบบนี้
จากนี้วางแผนชีวิตตัวเองยังไงต่อกับสิ่งที่เคยผิดพลาดไปแล้วก็จะระมัดระวังให้มากขึ้น อะไรที่มันดูแล้วจะมีปัญหาเข้ามาก็จะไม่เอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เฉยๆ ไปเลยดีกว่าเพื่อตัวเราเองกับคู่กรณีต่างๆ มีอะไรอธิบายเพิ่มเติมไหม ไม่มีอะไรจะอธิบาย ได้อธิบายในส่วนในโซเชียลไปหมดแล้ว เบียร์รู้สึกว่าไม่ว่าใครมาทำร้ายใคร คนรอบข้างย่อมมีเสมอ นี่คือสิ่งที่เบียร์อยากบอกเขา เพราะฉะนั้นจะทำอะไรก็นึกถึงแฟนตัวเอง นึกถึงคนข่างๆ ตัวเองก็ดีเช่นกัน เพราะอยากบอกว่าการขึ้นโรงขึ้นศาลมันไม่ได้ดีหรอกนะมันทั้งเสียเวลาและเสียเงิน กับพี่หนุ่ม กรรชัย ไม่มีอะไรแล้วนะ กับพี่หนุ่มไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย เบียร์กับกับพี่หนุ่มโอเค
กว่าเรามั่น อยากให้เราลดความมั่นลง มั่นเหรอ อยากจะบอกว่าเบียร์ไม่ได้มั่นใจอะไรขนาดนั้น แค่จะบอกว่าอะไรที่เราไม่ผิดเราก็ต่อสู้เพื่อมัน เบียร์เชื่อว่าหลายๆ คนก็ต้องการความมั่นใจเช่นกัน อะไรที่เราไม่ผิด ทุกๆ วันนี้ทุกคนต่อสู้เพื่อสิ่งนั้นกัน นั่นก็คือสิ่งหนึ่งที่เบียร์ต่อสู้เช่นกัน ก็หวังว่าจะเข้าใจ เบียร์ว่าส่วนตัวชอบคนที่ความมั่นใจ ความมั่นใจทำให้เราได้กล้าเรียนรู้อะไรต่างๆ มากมายเช่นกัน ยังไงก็เอาเป็นว่าขอบคุณทุกคนมากๆ ที่ยังเป็นกำลังใจให้และขอบคุณที่ยังเข้าใจ และข้อความที่ส่งกำลังใจก็มีเยอะมาก ขอบคุณมากๆ นะคะ”