เจาะลึก 5 เหตุผลที่ทำให้ซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมาร กลายเป็นตำนานในใจแฟนๆ ซีรีส์ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" (The Untamed) ไม่ใช่แค่ซีรีส์ แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลก ทำให้ผู้ชมตกหลุมรักตัวละคร ดื่มด่ำกับเรื่องราว และพูดถึงไม่รู้จบ แม้จะฉายจบไปนานแล้ว ตั้งแต่เริ่มออนแอร์ครั้งแรกปี 2019 แต่ตำนานของซีรีส์เรื่องนี้ยังคงสถิตอยู่ในใจแฟนๆ เสมอ ชวนวิเคราะห์ 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้ซีรีส์กลายเป็นผลงานระดับขึ้นหิ้ง รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! นำแสดงโดย เซียวจ้าน (Xiao Zhan) รับบทเป็น เว่ยอู๋เซี่ยน (Wei Wuxian) มีชื่อรองว่า เว่ยอิง (Wei Ying) ฉายา อี้หลิงเหล่าจู่ (Yiling Laozu) หวังอี้ป๋อ (Wang Yibo) รับบทเป็น หลานวั่งจี (Lan Wangji) มีชื่อรองว่า หลานจ้าน (Lan Zhan) ฉายา หานกวงจวิน (Hanguang-jun) แค่ชื่อตัวละครหลักก็ชวนสงสัยน่าติดตามแล้ว เปรียบวลีที่ว่า "กูซูไม่มีทางออก" เป็นประโยคที่แฟนคลับซีรีส์ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" (The Untamed) หรือนิยาย "Mo Dao Zu Shi" (魔道祖师) นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ที่มาของวลีนี้เกี่ยวข้องกับ "กูซูหลาน" (Gusu Lan) ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าตระกูลเซียนใหญ่ในเรื่อง และเป็นที่ตั้งของ อวิ๋นเซินปู้จือชู่ (Cloud Recesses) หรือ "สถานที่ไม่รู้เมฆา" ซึ่งเป็นสำนักของตระกูลหลาน ความหมายของ "กูซูไม่มีทางออก" มาจาก ความผูกพันกับตัวละครหลานวั่งจี: กูซูหลานเป็นบ้านเกิดและสถานที่ที่หลานวั่งจีเติบโตและใช้ชีวิตอยู่เป็นส่วนใหญ่ การที่เว่ยอู๋เซี่ยน "ถูกขัง" หรือ "ผูกพัน" อยู่กับหลานวั่งจีในอวิ๋นเซินปู้จือชู่ (ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของหลานวั่งจี) ทำให้แฟนๆ รู้สึกว่าเมื่อเข้ามาในโลกของหลานวั่งจีแล้ว ก็ยากที่จะจากไปได้ หรือยากที่จะหลุดพ้นจากความผูกพันนี้ ความหมายเชิงอารมณ์/ความรักของแฟนคลับ: วลีนี้มักถูกใช้ในเชิงชิปปิ้ง (shipping) หรือการสนับสนุนคู่จิ้น ป๋อจ้าน (หวังอี้ป๋อและเซียวจ้าน) หรือ หวังเซี่ยน (หลานวั่งจีและเว่ยอู๋เซี่ยน) โดยสื่อความหมายว่าเมื่อได้เข้ามาติดตามซีรีส์เรื่องนี้ หรือได้ "หลงรัก" ตัวละครคู่หลักแล้ว ก็จะ "ติดกับ" หรือ "ออกไปไหนไม่ได้" อีกต่อไป เพราะความผูกพันและเสน่ห์ของเรื่องราวและตัวละครนั้นตรึงใจมากจนยากที่จะมูฟออน (move on) ไปจากมันได้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นนั่นเอง 1. บทโทรทัศน์ที่ดัดแปลงได้อย่างชาญฉลาดและเข้าถึงใจ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" สร้างจากนิยายชื่อดัง "Mo Dao Zu Shi" (魔道祖师) ซึ่งมีประเด็นความรักระหว่างเพศเดียวกันเป็นแกนหลัก การนำมาดัดแปลงเป็นซีรีส์ที่ต้องผ่านการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดของจีนไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทีมงานกลับทำได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการเปลี่ยนความสัมพันธ์เชิงโรแมนติกให้กลายเป็น "มิตรภาพลูกผู้ชาย" ที่ลึกซึ้งเกินคำบรรยาย บทบาทและปมของตัวละครถูกขยายและเสริมให้แข็งแรงขึ้น ทำให้ผู้ชมเข้าใจภูมิหลัง แรงจูงใจ และการเติบโตของ เว่ยอู๋เซี่ยน และ หลานวั่งจี ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะไม่มีฉากรักโจ่งแจ้ง แต่สายตา ท่าทาง และบทสนทนาอันละเอียดอ่อนกลับสื่อถึงความผูกพันที่ยิ่งใหญ่ ทำให้แฟนๆ จิ้นและอินไปกับความสัมพันธ์ของพวกเขาได้อย่างไร้ข้อกังขา 2. การแสดงที่เหนือชั้นของสองนักแสดงนำ "เซียวจ้าน" และ "หวังอี้ป๋อ" คงปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ซีรีส์ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายคือการสวมบทบาทของ เซียวจ้าน ในบท เว่ยอู๋เซี่ยน และ หวังอี้ป๋อ ในบท หลานวั่งจี เซียวจ้านถ่ายทอดความขี้เล่น สดใส การไม่ยอมก้มหัวให้ความอยุติธรรม และความเจ็บปวดจากการถูกกระทำได้อย่างสมจริง ทำให้ผู้ชมรักและสงสารในชะตากรรมของเขา ขณะที่หวังอี้ป๋อก็สามารถแสดงออกถึงความเย็นชา เงียบขรึม แต่ซ่อนความห่วงใยและมั่นคงไว้ภายในได้อย่างไร้ที่ติ ด้วยการสื่อสารผ่านแววตาและภาษากายที่น้อยแต่มาก เคมีของทั้งคู่เข้ากันอย่างน่าอัศจรรย์ สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ตรึงตาตรึงใจผู้ชม ทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวาและเป็นที่จดจำ 3. โปรดักชันระดับคุณภาพที่รังสรรค์โลกกำลังภายในอย่างงดงาม ซีรีส์เรื่องนี้ทุ่มทุนสร้างอย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด ตั้งแต่ ฉาก สถานที่ถ่ายทำ เครื่องแต่งกาย และเมคอัพ ที่สะท้อนถึงยุคสมัยและเอกลักษณ์ของแต่ละตระกูลได้อย่างประณีต ภาพยนตร์มีโทนสีที่สวยงาม การจัดแสงที่ช่วยเสริมอารมณ์ และงาน CG ที่สมจริง (โดยเฉพาะฉากต่อสู้และการใช้พลังวิเศษ) เพลงประกอบซีรีส์ก็ไพเราะจับใจ มีการใช้เครื่องดนตรีจีนโบราณมาผสมผสานได้อย่างลงตัว ทำให้บทเพลง "หวังเซี่ยน" และเพลงอื่นๆ กลายเป็นที่จดจำและสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ความประณีตคอสตูม (Costume) ในเรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร มีตระกูลหลักทั้งหมด 5 ตระกูล ดังนี้ 1.ตระกูลหลานแห่งกูซู (Gusu Lan Clan) 2.ตระกูลเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่ง (Yunmeng Jiang Clan) 3.ตระกูลจินแห่งหลันหลิง (Lanling Jin Clan) 4.ตระกูลเนี่ยแห่งชิงเหอ (Qinghe Nie Clan) 5.ตระกูลเวินแห่งฉีซาน (Qishan Wen Clan) 4. ประเด็นปรัชญาและคุณธรรมที่สอดแทรกอย่างลึกซึ้ง "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" ไม่ได้มีแค่เรื่องราวการผจญภัยหรือมิตรภาพ แต่ยังสอดแทรก ประเด็นปรัชญาชีวิต คุณธรรม ความยุติธรรม และการต่อสู้กับความดีความชั่ว ได้อย่างน่าสนใจ ซีรีส์นำเสนอความซับซ้อนของมนุษย์ การตัดสินผิดถูกที่ยากจะแยกแยะ ความหมายของการเป็น "วีรบุรุษ" และผลลัพธ์ของการยึดติดในอำนาจ ชื่อเสียง และความแค้น ทำให้ผู้ชมได้คิดตามและถกเถียงถึงแก่นแท้ของความดีและความชั่วร้าย ไม่ใช่แค่ความบันเทิงที่ฉาบฉวย ภาพจากคอนเสิร์ตสุดท้ายอำลาตัวละครของซีรีส์ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" (The Untamed National Style Concert) ที่จัดขึ้นที่หนานจิง ประเทศจีน 5. กระแสความนิยมระดับโลกที่สร้างปรากฏการณ์ "The Untamed Effect" จากซีรีส์ฟอร์มยักษ์ในจีน "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" ได้กลายเป็น ปรากฏการณ์ระดับโลก มีแฟนคลับจำนวนมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลกที่หลงใหลในเรื่องราว ตัวละคร และนักแสดง นำไปสู่การจัดคอนเสิร์ต การจัดอีเวนต์ และการผลิตสินค้าต่างๆ มากมาย แฟนๆ สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ แฟนฟิกชัน และคอนเทนต์ที่หลากหลายเพื่อแสดงความรักต่อซีรีส์ ทำให้เกิด "The Untamed Effect" ที่ยาวนานและทรงอิทธิพล ไม่ใช่แค่ในวงการซีรีส์จีน แต่ยังขยายไปสู่กระแสวัฒนธรรมป๊อปทั่วโลก นี่คือข้อพิสูจน์ว่า "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" ได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของภาษาและวัฒนธรรม เพื่อกลายเป็นตำนานที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คนอย่างแท้จริง กระแสดีจนแฟนคลับที่ไทยเรียกร้องให้มาจัดแฟนมีตติ้งในไทย งานแฟนมีตติ้งของซีรีส์ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" (The Untamed Fan Meeting in Thailand) จัดขึ้นที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2019 นับเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ได้จัดงานแฟนมีตติ้งของซีรีส์นี้อย่างเป็นทางการนอกประเทศจีน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น: บัตรหมดเกลี้ยงในพริบตา: บัตรแฟนมีตติ้งจำนวนกว่า 9,000 ที่นั่ง ถูกจำหน่ายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว แสดงถึงความคลั่งไคล้ของแฟนคลับ กระแสฟีเวอร์: งานนี้สร้างปรากฏการณ์ความฟินและกระแสบนโซเชียลมีเดียอย่างมหาศาล ทำให้แฮชแท็กเกี่ยวกับงานติดเทรนด์ทั้งในไทยและระดับโลก การรวมตัวของนักแสดง: นักแสดงหลักหลายคน รวมถึงเซียวจ้านและหวังอี้ป๋อ ได้มารวมตัวกันสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ ต่างชาติประเทศเดียว: ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในต่างชาติ ที่ได้มีการจัดแฟนมีตติ้งของซีรีส์ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" ในรูปแบบเต็มคณะนักแสดงหลัก แต่ก็มีการจัดคอนเสิร์ตอำลาและกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในประเทศจีนตามมาภายหลัง รวมถึงนักแสดงบางคนก็กลับมาจัดแฟนมีตเดี่ยวในไทยอีกด้วย เช่น อวี๋ปิน หวังจั๋วเฉิง หลิวไห่ควาน การตอบแทนสังคม: นักแสดงและทีมงานยังได้ร่วมบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในประเทศไทยด้วย การมาจัดแฟนมีตติ้งที่ไทยเป็นผลมาจากความนิยมอย่างล้นหลามของซีรีส์ และได้สร้างปรากฏการณ์ความประทับใจและความผูกพันระหว่างนักแสดงกับแฟนคลับชาวไทยอย่างลึกซึ้งจนถึงปัจจุบัน ยังมีการพูดถึงเรื่องราวซีรีส์,นักแสดง,และสถานที่ต่างๆ มีแฟนคลับทั้งเก่าใหม่ระลึกถึงอยู่เสมอ บทสรุป: 'ปรมาจารย์ลัทธิมาร' ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจ "ปรมาจารย์ลัทธิมาร" ไม่ได้เป็นเพียงซีรีส์กำลังภายในแนวเทพเซียนที่จบลงไปแล้ว แต่คือ ตำนานที่ยังคงมีชีวิตชีวาในใจแฟนๆ ทั่วโลก ด้วยบทโทรทัศน์ที่ชาญฉลาดในการดัดแปลง, การแสดงอันไร้ที่ติของ เซียวจ้าน และ หวังอี้ป๋อ, โปรดักชันที่ประณีตงดงาม, การสอดแทรกปรัชญาอันลึกซึ้ง, และปรากฏการณ์ความนิยมระดับโลกที่เรียกว่า "The Untamed Effect" ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นเหตุผลที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ ก้าวข้ามขีดจำกัดของภาษาและวัฒนธรรม กลายเป็นผลงานที่ถูกพูดถึง ซึมซับ และเป็นที่รักของผู้คนมากมาย และจะยังคงเป็นเช่นนั้นตลอดไป ส่วนใครที่อยากรู้ว่าเข้าแล้วจะออกจากกูซูได้ไหมก็ลองไปชมซีรีส์กันได้ ชื่อภาษาไทย: ปรมาจารย์ลัทธิมาร ชื่อภาษาจีน: 陈情令 (อ่านว่า Chén Qíng Lìng) ชื่อภาษาอังกฤษ: The Untamed ซีรีส์มีทั้งหมด 50 ตอน มีทั้งฉบับซีรีส์และอนิเมะ WeTV , TrueID ขอบคุณเครดิตภาพ จาก weibo 陈情令官微 ภาพปก ภาพ1 ภาพ2 ภาพ3 ภาพ4 ภาพ5 ภาพ6 ภาพ7-12 ภาพ13 ภาพ14 ภาพ15 ภาพ16 จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !