รีวิว Wayward (เลือดพยศ) ซีรีส์แนวลัทธิที่เปิดเรื่องดีแต่ดันแผ่วตอนปลาย บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่า… รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เรื่องย่อ Wayward (เลือดพยศ) เรื่องราวในซีรีส์นี้จะเกิดขึ้นในปี 2003 ติดตาม Leila (รับบทโดย Alyvia Alyn Lind) และ Abbie (รับบทโดย Sydney Topliffe) เด็กสาวแคนาดา 2 คนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งคู่เป็นเด็กฮิปปี้ที่ชอบเสพยากันเป็นประจำ เป็นเด็กมีปัญหาที่พ่อแม่หนักใจ จนอยู่มาวันหนึ่ง Abbie ได้ถูกพ่อแม่ของเธอจับไปส่งที่โรงเรียนดัดสันดานแห่งหนึ่งในอเมริกา เมื่อไปถึงเธอก็พบว่าโรงเรียนแห่งนี้มันแปลกๆ เด็กทุกคนในโรงเรียนล้วนแต่มีพฤติกรรมอันแปลกประหลาด รวมไปถึงกฎต่างๆ ที่ผิดปกติ ในขณะเดียวกันเมื่อ Leila รู้เรื่องเข้าเธอจึงตัดสินใจที่จะเดินทางไปยังโรงเรียนแห่งนั้นเพื่อช่วยเพื่อนสนิทของเธอกลับมา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่อเธอไปถึงแล้วกลับถูกจับให้อยู่ในโรงเรียนดัดสันดานแห่งนั้นต่อ งานนี้ทั้งคู่จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางหนีออกไปให้ได้ โดยได้รับความช่วยเหลือจาก Alex Dempsey (รับบทโดย Mae Martin) ตำรวจสายสืบที่พึ่งย้ายมาใหม่ และสงสัยในโรงเรียนแห่งนี้ที่เกิดเหตุเด็กหายหลายครั้ง รวมไปถึงชาวบ้านในเมืองที่ก็มีพฤติกรรมแปลกประหลาดไม่แพ้กัน ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร ความลับที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังโรงเรียนและเมืองแห่งนี้คืออะไรกันแน่ ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Wayward (เลือดพยศ) ทั้งหมด 8 ตอน รับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflix ตัวอย่าง Wayward (เลือดพยศ) รีวิว Wayward (เลือดพยศ) สำหรับซีรีส์เรื่องนี้ส่วนตัวคือไม่เคยเห็นตัวอย่างอะไรมาก่อนเลย เห็นติดอันดับใน Netflix บ้านเราและดูเรื่องราวน่าสนใจผมก็เลยกดเข้าไปดู ซึ่งดูเพลินมากจนลากแบบรวดเดียวจบ พอดูจบแล้วก็รู้สึกว่ามันสนุกใช้ได้เลย พล็อตมีความน่าสนใจ ถึงจะไม่ได้แปลกใหม่อะไรมากมาย เขาเปิดหัวเรื่องช่วงตอนแรกๆ ได้ดี ค่อยๆ ปูเรื่องราวแบบช้าๆ ไม่เร่งรีบ เริ่มจากให้เราได้รู้จักตัวละครเด็ก 2 คนก่อน จากนั้นก็ตัดสลับไปให้เห็นตำรวจที่พึ่งย้ายมาพร้อมภรรยา เขาจะเล่าเรื่องราวแบบตัดสลับไปมา ระหว่างตัวเด็ก 2 คนที่ติดอยู่ในโรงเรียน กับตำรวจหน้าใหม่ที่เริ่มสงสัยในความประหลาดของคนในเมือง และคดีปริศนาที่เกิดขึ้นกับโรงเรียน อีกทั้งภรรยาของเธอเองก็เป็นอดีตลูกศิษย์ที่จบมาจากโรงเรียนแห่งนี้ด้วยเหมือนกัน บรรยากาศในเรื่องมันเลยอบอวลไปด้วยความหวาดระแวง สงสัย ลุ้นว่าสรุปแล้วตำรวจนี่จะโดนเมียหลอกให้ย้ายมาหรือเปล่า หรือเมียเธอก็เป็นแค่เหยื่ออีกคนหนึ่งเหมือนกัน ตัวซีรีส์เขาซ่อนปมไว้เยอะมาก แบบเกริ่นแบบแตะๆ ไว้ให้เราอยากรู้ เหตุผลนี้แหละที่ทำให้หยุดดูไม่ได้และต้องลากทีเดียวจบด้วยความอยากรู้ว่าสรุปแล้วมันยังไงกันแน่ มันก็ไม่ได้ลึกลับขนาดจะเดาไม่ได้เลยนะ มันเดาได้แต่ต้นอยู่แล้วว่ามันคือลัทธิแน่ๆ แต่ก็อยากรู้ไงว่าลัทธิอะไร ความเชื่อแบบไหน ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วงต้นอะดีจริง แต่ช่วงท้ายๆ คือแผ่วมากจนทำให้รู้สึกเฉยๆ ไปเลย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องชมจริงๆ คือเขาไม่ได้ทำให้ลัทธิในเรื่องนี้ดูเป็นพวก 18 มงกุฎหรือพวกที่สร้างลัทธิมาเพื่อหลอกลวงคน ทั้งที่ตอนแรกผมคิดว่าจะเป็นแบบนั้น นึกว่าตัวเจ้าของโรงเรียนจะเป็นพวกฉลาดที่หลอกคนให้เชื่องเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง แต่กลายเป็นว่าเธอคือพวกมีปมที่มีความเชื่อเพี้ยนๆ อยากเปลี่ยนแปลงคน และจุดกำเนิดของความเชื่อในเรื่องมันก็ดูสมเหตุสมผล จุดนี้ต้องชมจริงๆ มันทำให้ตัวร้ายดูไม่ได้ร้ายอย่างเดียว มันมีมุมที่เป็นมนุษย์และน่าสงสารแฝงอยู่ด้วย แต่ปัญหาจริงๆ ของเรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะมันยาวเกินไปจนเรื่องมันย้วยและความสนุกน้อยลง ถ้ามีแค่ 6 ตอนมันอาจกระชับกว่านี้ ไม่มีช่วงย้วย เพราะอันนี้คือช่วงกลางๆ มันจืดและแผ่วไปหน่อย ยังดีที่ตอนจบสุดท้ายมันใช้ได้เลยทำให้ภาพรวมออกมาไม่แย่ขนาดนั้น ต่อมาเราขอมาพูดถึงจุดที่ผมชอบและเป็นจุดแข็งของเรื่องนี้บ้างดีกว่า อย่างแรกเลยคือเรื่องการแสดง นักแสดงเล่นดีกันทุกคน ตั้งแต่ตัวนำไปยันตัวประกอบเลย ทุกคนมันดูเป็นพวกจิตป่วยในลัทธิประหลาดจริงๆ โดยเฉพาะตัวละครหลักๆ นี่แสดงดีทุกคนจริงๆ ส่วนต่อมาก็เรื่องงานสร้างและงานภาพ ส่วนนี้ก็ดีงามมากเช่นกัน มุมกล้องดี โทนสีภาพดี มันฟีลคล้ายๆ Midsommar แบบภาพสีสันสดใส สวนทางกับเหตุการณ์ในเรื่องที่มันดูลึกลับและแปลกประหลาดไปหมด และสิ่งที่สุดท้ายที่ผมชอบมากที่สุดของเรื่องนี้เลยก็คือ เพลง เพลงที่ใช้ในเรื่องคือดีงามทุกเพลง เฟี๊ยวทุกเพลง เขาใช้เพลงร็อกยุคเก่าเกือบหมด ด้วยความที่หัวใจหลักของเรื่องมันคือความฮิปปี้อะ เพลงมันเลยจะเป็นแนวๆ นั้นหมด มีเพลงที่ผมชอบหลายเพลงเลย และใช้เพลงคุ้มมาก บางตอนนี่ยัดมาเกือบ 10 เพลง ตอนดูนี่เดาได้เลยว่าผู้จัดไม่ก็ผู้กำกับคงเป็นสาวกชาวร็อกแน่ๆ ผมบวกคะแนนตรงนี้ให้เพราะผมก็เป็นชาวร็อกเหมือนกัน🤣 เอาเป็นว่าทุกคนลองไปดูกันเองดีกว่าครับ ผมรู้สึกเฉยๆ ก็ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะคิดเหมือนกัน คุณอาจจะดูแล้วชอบมากก็ได้ เพราะส่วนตัวผมไม่ค่อยอินแนวนี้เท่าไหร่อยู่แล้ว คือดูได้เพลินๆ นะ แต่ไม่ถึงกับชอบ แต่สำหรับคนที่ชอบแนวลึกลับ ลัทธิเป็นทุนเดิม ผมคิดว่าน่าจะชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยาก ปล.หากชอบที่ผมเขียนฝากไปติดตามเพจ ซินีฟาย บน Facebook ด้วยนะครับ เพิ่งเริ่มกลับมาทำ เพจเก่าโดนแฮก สนับสนุนกันหน่อยนะค้าบ ฝากกดแชร์ และกดติดตามเพื่อจะได้เห็นบทความใหม่ๆ ของผมในอนาคตด้วยนะครับ ช่องทางในการติดตาม กลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก ข่าวสารหนังและซีรีส์: ซินีฟาย บทความอื่นๆของ ละเลงหนัง รีวิว เมนูรักพิชิตใจราชา ซีรีส์รอมคอมสุดน่ารักที่ห้ามพลาด! รีวิว Mantis: ตั๊กแตนนักฆ่า (2025) หนังนักฆ่าในคราบนักรัก รีวิว Alice in Borderland ซีซัน 3 ศึกเกมมรณะครั้งสุดท้าย รีวิว ซ้ำวัน กับ Someone หนังไทยติดลูป แหล่งที่มาจาก Netflix Canada ภาพปก: 1 ภาพประกอบ: 1 / 2 / 3 / 4 วิดีโอ: Wayward | Official Trailer จาก Youtube: Netflix จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !