เดซซี่ จิตรกรสาว บังเอิญได้ลองเสพยารุ่นใหม่ชนิดหนึ่งจากสาวลึกลับในผับแห่งหนึ่ง เพื่อเธอจะหาแรงบัลดาลใจให้กับงานศิลปะชิ้นใหม่ของเธอ แต่ยาที่เธอเสพไปดันมีผลข้างเคียงของยาตัวนี้กลับทำให้เธอดันกระหายเลือดและอยากกัดกินเนื้อคนขึ้นมาแทนความน่าสนใจของผมอยู่ที่การเล่าเรื่องของแวมไพร์ในรูปแบบใหม่ที่ฉีกภาพลักษณ์จากเดิมที่กัดคอดูดเลือดเหยื่อมาเป็นรูปแบบสารเสพติดแทน แล้วเพิ่มความซาดิสม์ขึ้น ไม่คิดว่าผู้กำกับ Joe Begos จาก The Mind’s Eye (2015) แกจะเติมของหนักขนาดนี้ เปลี่ยนพล๊อตง่าย ๆ ให้น่าสนใจเข้ากับยุคปัจจุบันไม่ซ้ำทางใคร ให้รสชาติแปลก ๆ แต่ดันอร่อย ด้วยระยะเวลา 1 ชั่วโมง 20 นาทีผ่านไปค่อนอย่างไว บางช่วงดูยากไปหน่อยเพราะโทนสีออกสีม่วงอมดำทั้งเรื่อง จึงมองไม่ค่อยเห็น ภาพส่วนใหญ่จะมืด ๆ ปนหลอนเหมือนคนเมายา แม้ภายนอกจะดูเป็นหนัง Horror แผ่นผีแต่แอบสังเกตได้ว่ามีการพูดถึงการอคติของสังคมที่มองนักศิลปินเป็นอาชีพไร้อนาคต การตัดสินผลงานของศิลปินเพียงแค่ราคาไม่ได้สนับสนุนมากไปกว่าความฝัน ชื่อเสียง หรือ ความสำเร็จทางหน้าที่ รวมถึงการแบ่งแยกสถานะชนชั้นที่ถูกควบคุมด้วยทุนนิยมครอบงำซ่อนอยู่ด้วยการเสียดสีท่าทีเกรี้ยวกราดผ่านความรุนแรงของสัญชาตญาณในตัวมนุษย์ได้น่ากลัว ขยะแขยง และบ้าคลั่งเกินกว่าจะเยียวยาไว้เปิดเรื่องโฟกัสไปที่ชีวิตของนางเอกซึ่งเป็นจิตรกร กำลังวาดภาพภาพหนึ่งเพื่อส่งเข้าประกวดงานศิลปะที่กำลังจะจัดขึ้น ขณะเดียวกันก็กำลังเผชิญปัญหาส่วนตัวทั้งเรื่องงาน , เงิน , เพื่อนฝูงที่เป็นอุปสรรคต่อความฝันในอาชีพศิลปินของเธอ ภาพวาดที่เธอวาดจึงแสดง Message สะท้อนระหว่างโลกแห่งความจริงกับโลกแห่งความฝันลามไปถึงโลกแห่งความตายได้อย่างกลมกลืน ตรงนี้เราสามารถสัมผัสกับชีวิตชนชั้นกลางของเธอที่ดิ้นรนต่อสู้ท่ามกลางโลกระบบทุนนิยมที่จะโดนสิ่งยั่วยุจากกิเลสความฉาบฉวยจากค่านิยมอุปทานหมู่หลอกล่อได้ง่าย เป็นพาร์ทที่ Drama ไปซักนิด แต่ปฏิเสธไม่ได้อีกว่า วงการศิลปินต้องมีเรื่องของสุรา นารี และ ยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานดีขึ้น กระปรี้กระเปร่า มันจึงกลายเป็นภาพจำเชิงติดลบว่า ศิลปินต้องแต่งกายไม่เรียบร้อย ต่อต้านกระแส ขวางโลกไปสำหรับคนอีกกลุ่มหนึ่งหรือชนชั้นสูงกว่าทันทีความที่เป็นหนังอินดี้ทุนต่ำ ข้อดีคือกล้าได้กล้าเสีย ใส่ idea ใส่ลูกเล่นความคิดบิดเบี้ยวบ้าบอเหนือจินตนาการไร้ขีดจำกัด การหยิบเรื่องดัดแปลงพล็อตแวมไพร์มาใช้ซ้ำไม่รู้กี่ครั้งยังขายได้อยู่ในยุคนี้มาผสมองค์แต่งกับโลกของศิลปะเข้ากันได้หน้าตาเฉย บางทีการปล่อยให้ภาพบรรยายแทนโดยไม่มีบทสนทนามากเกินไปก็ทำให้ด่ำดิ่งไปกับความติสท์หยั่งกะดู Music Video ไปชั่วครู่ ขณะเดียวกันก็แอบสื่อสารยากเช่นกัน ไม่เข้าใจในสิ่งที่สื่อไปต้องการบอกอะไรกับเรากันแน่ ถ้าไม่คิดอะไรตรงจุดนี้มากนัก ถือว่าตอบโจทย์ในแง่ความบันเทิงไปกับภาพโทนแดง-ดำ-น้ำเงิน ตัดด้วยแสง Neon เพิ่มด้วย Sound ประกอบแนว Punk Rock ดังสนั่นชวนประสาทแตก เวลาดูรู้สึกปวดตา มึนหัวบอกไม่ถูก ไม่พอแถมมีลูกเล่นจากมุมกล้องหมุนภาพมั่วซั่วไปอีก ดูจบคงมีอ้วกแตกกันพอดีDora Madison จาก VFW (2019) นางเอกของเรื่องเธอแบกเรื่องได้ดี เซ็กซี่แบบเซอร์ ๆ จ้างร้อยเล่นล้านไม่ห่วงเนื้อห่วงตัว นางสามารถถ่ายทอดความรู้สึกจากภายในด้วยภาพ Body language ที่ไม่ดูอนาจารแม้แต่น้อย แถมปรับอารมณ์ไม่ถูกว่าเดี๋ยวดีเดี๋ยวบ้าตอนไหน ส่วนตัวละครสมทบท่านอื่น อาทิ Rhys Wakefield จาก The Purge (2013) , Jeremy Gardner จาก Spring (2014) หรือ ตัวร้ายอย่าง Tru Collins จาก Welcome to the Men’s Group (2016) รับบทเป็นสาวลึกลับ บอกเลยเป็นตัวประกอบของจริง บางคนจำหน้าใครไม่ได้ มาแล้วก็ผ่านไป เข้าฉากกับนางเอกโดนกลบขยี้หมด ด้วยกิริยาท่าทางความผิดมนุษย์มนาที่เอาแน่เอาแน่ไม่ได้ของนางอีก การเห็นภาพหลอนจากการเล่นยาเกินขนาดส่งผลกระทบทำให้เหตุการณ์บานปลายเลยเถิดว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนเรื่องเพ้อฝันกันแน่ ถ้าจะหาความสมเหตุสมผลจริง ๆ อย่าเสียเวลาหาทำกับเรื่องนี้ดีกว่าข้อดีที่ชอบคือ ไม่มีมุกตลกใส่มาให้เปลี่ยนบรรยากาศใดเลย แต่ก็ไม่วายดันมีความงี่เง่าของตัวละครสมทบที่ถูกฆ่าตายง่าย ๆ อีกจนได้ แก้ไม่หายซักที อีกอย่างหนังไม่บอกถึงที่มาของยาเสพติดตัวนี้ว่ามาจากไหน รู้เพียงว่ามันเป็นสาเหตุของความพินาศ หรือ เส้นเรื่องหลักแค่นั้น รวมถึงสาวในผับตัวต้นเหตุนั้นก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรทั้ง ๆ ที่ควรโฟกัสลงไปด้วย ถ้าหวังว่าจะเห็นฉากต่อสู้ฆ่าฟันเลือดสาดเร็ว ๆ ล่ะก็อย่าเพิ่งใจร้อนไป หนังไม่ได้จงใจเน้นจังหวะตุ๊งแช่ตกใจ ไม่เร่งรีบในการเดินเรื่องทันที แต่ค่อย ๆ ซึมซับไปกับสุนทรียภาพของศิลปะเป็นกับแกล้มก่อนจากนั้นพอเข้าที่ก็ค่อย ๆ เร่งจังหวะ Psycho ปั่นประสาทไปทีละนิด พูดง่าย ๆ คือ ทำให้เรารู้สึกรับรู้อาการผลข้างเคียงจากฤทธิ์ยาเหมือนกับตัวละครนั่นเองบทสรุปรู้สึกว่าหัวสมองจะระเบิดตามอยู่ตลอด รู้แค่ว่ามันไม่อาจวกกลับไปทางเดิมได้อีกแต่คิดไม่ว่ามันจะกู่ไม่กลับได้ขนาดนี้ อย่างที่บอกไปเริ่มต้นว่าเราถึงต้องทิ้งเหตุผลที่หามาได้ไปทั้งหมด เพราะ เหมือนผู้กำกับแกโยนของอะไรที่คิดว่าถ่วงน้ำหนักทั้งจำเป็นและไม่จะเป็นทิ้งไปดื้อ ๆ แล้วประเคนด้วยฉากสยองนองเลือดเข้าไปเต็มที่ ผลที่ได้คือมันคืองานมหกรรมปาร์ตี้นรกแตกอย่างหาที่สุดมิได้ ข้อแนะนำ ถ้าใครกลัวเลือดมาก ควรหลีกเลี่ยงหรือใช้วิจารณญาณในการรับชม หากใครอยากเปิดประสบการณ์แปลก ๆ เปลี่ยนรสชาติใหม่ ๆ ต้องการหาแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลปะหรือเสพงานดนตรี เพราะนอกจากจะเดินชมภาพวาดสวย ๆ แล้วที่เหลือก็เต็มไปด้วยภาพของความโหดร้ายในตัวมนุษย์ที่มีเลือดไหลนอง ชิ้นส่วนกระจุยกระจายมากมายแทบจะอาเจียนออกมาแทนขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม EMCONCEPT เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับขอขอบคุณภาพประกอบโดย : facebook / DarkSkyFilms = ภาพประกอบหน้าปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !