รีวิวหนัง "The Old Guard" รวมเผ่าคนอมตะ กับหญิงแกร่งที่สวยทุกคราเมื่อจับปืน
วิจารณ์ รีวิวหนัง The Old Guard
"ทุกอย่างมีเหตุผล ว่าทำไมเรายังต้องอยู่" ปณิธานของเหล่าทีมคนอมตะที่ต้องมาอยู่ร่วมกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ จากสังคม เป็นกลุ่มคนที่ขอทำดีแบบไม่หวังสิ่งใด เพียงแค่อยากเห็นโลกใบนี้ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ถึงแม้ว่ายิ่งนับวันโลกจะเสื่อมสภาพในทุกๆ ด้านลงทุกวัน เป็นโจทย์ที่น่าสนใจของ "The Old Guard" ที่เลือกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบหนังแอคชั่นสุดมันส์ กับแนวคิดที่ค่อนข้างน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เรื่องราวของเผ่าพันธุ์คนอมตะที่นำทีมโดย "แอนดี้" ผู้พิทักษ์ที่อยู่ยงคงกระพันมาหลายกว่าพันปี ซึ่งก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วเธออายุเท่าไหร่แน่ แต่เธอได้ใช้เวลาหลายศตวรรษในการรวบรวมสมาชิกและเพิ่มความแกร่งแข็งให้กับทีม เพื่อพิทักษ์ในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าในบางครั้งจะถูกมองว่าเป็นฝ่ายผู้ร้ายบ้างก็ตาม แต่การต่อสู้ของพวกเขาจะต้องไร้ร่องรอยและไร้ตัวตน เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นที่สนใจ
แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อย่างเข้าสู่โลกยุคใหม่ ที่โซเชียลและเทคโนโลยีเป็นหูตาสับปะรด พลังวิเศษที่ตายแล้วฟื้นของพวกเขาไปสะดุดตานักเวชศาสตร์ผู้โลภมาก หวังจะได้พวกเขามาเป็นหนูทดลองในการผลิตยาอายุวัฒนะให้กับพวกเขา การหลบๆ ซ่อนๆ ของพวกเขาจึงกลายเป็นกลุ่มผู้ถูกล่า ที่พวกเขาเองก็ต้องแลกมาด้วยเดิมพันชีวิตของตัวเองเช่นเดียวกัน
คงต้องบอกว่าหนังมีแนวคิดของเรื่องในมุมกว้างๆ ที่น่าสนใจเลยทีเดียว แม้เราจะเคยเห็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของคนเป็นอมตะอยู่บ่อยๆ แต่ในมุมมองของเรื่องนี้กลับนำเสนอได้แตกต่าง เมื่อใส่ความเป็นผู้พิทักษ์ให้กับตัวละครเขาไป และยังใส่ความเป็นมนุษย์เข้าไป เพื่อสอดแทรกปัญหาด้านมนุษยธรรมเข้าไปอย่างแนบเนียนด้วย
แต่เมื่อกลับมามองดูในภาพรวมของหนัง ก็พบว่าหนังอาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรเท่าไหร่ เพราะกลายเป็นว่าหนังเหมือนมาทำหน้าที่แค่ปูเรื่องราวตัวละครหลักๆ ของหนัง เพื่อทำหน้าที่โยงไปสู่ภาคต่อที่น่าจะมีโอกาสได้สร้างออกมาอีกมากกว่า โดยยังคงมีภูมิหลังของตัวละครอีกหลายตัวที่ยังคงถูกซ่อนเอาไว้ แม้กระทั่งตัวละครหลักอย่าง "ชาร์ลีช เทอรอน" ด้วย หนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นการตกผลึกที่สามารถขยายสร้างออกมาเป็นหนังภาคแยกได้อีกหลายเรื่องเลยทีเดียว
ชาร์ลีช เทอรอน แบกรับหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้อย่างสบายๆ แน่นอนว่ามาสายหนังบู๊ก็คือแนวถนัดของเธอเช่นกัน เพราะเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์มากๆ เวลาเตะต่อยหรือจับมือไล่ยิงผู้ร้าย ความเป็นสาวนักสู้ของเธอมันพลุกพล่านอยู่เต็มไปหมด แม้ว่าจะเป็นคาแรกเตอร์ที่ซ้ำๆ กับหนังเรื่องอื่นของเธอ แต่ในหนังเรากลับบันเทิงและเพลินไปกับการเห็นเธอได้บู๊ในลีลาต่างๆ อย่างไม่เบื่อเลย
นักแสดงคนอื่นๆ อย่าง "มาทิอัส โชนาร์ท", "มาร์เวน เคนซาริ" หรือ "ลูก้า มาริเนลลี" ถือว่าพวกเขาเล่นเข้าขาได้กันเป็นอย่างดี เป็นทีมนักสู้ที่หลายๆ คนน่าจะชอบ ขณะที่สมาชิกใหม่ "กีกี้ เลย์น" ก็ถือว่าเป็นอีกสาวน่าจับตามอง นี่เป็นหนังที่ฉีกบทบาทเดิมๆ ของเธอออกมา หลังจากที่เห็นดราม่ามาหลายเรื่อง หันมาจับปืนดูบ้าง แม้จะยังดูเก้ๆ กังๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าฝีมือแอคติ้งของเธอก็ไม่ธรรมดา
หนังเป็นผลงานของผู้กำกับหญิง "จีน่า พรินซ์-บาธวูด" ที่ได้ "เกร็ก รัคคา" เจ้าของนิยายภาพมาเขียนบทหนังด้วยตัวเอง ทำให้เราได้เห็นมุมมองความเป็นเฟมินิสต์โชยๆ ออกมาในหนังอย่างต่อเนื่อง แม้ว่างานสร้างในภาพรวมถือว่าไม่ได้มีอะไรหวือหวาน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ การออกแบบคิวบู๊ก็ไม่ได้พิเศษกว่าหนังเรื่องไหนๆ ทุกอย่างยังดูธรรมดาไปหมด รวมทั้งบทของหนังด้วย
หนังก็ยังคงมีมุมที่ติดๆ ขัดๆ อยู่บ้างหลายจุด แม้จะมีเพลงประกอบหนังที่ค่อนข้างเพราะสะดุดหู แต่บางช่วงกลับเลือกเปิดใส่เข้ามาแบบไม่มีจังหวะจะโคนเท่าไหร่ ทำให้หนังกับเพลงดูโดดๆ และไปด้วยกันไม่ได้สักเท่าไหร่ ทั้งที่เพลงออกเพราะอยู่นะ ขณะที่หนังแอคชั่นที่ยาวถึง 2 ชั่วโมง เป็นอะไรที่ดูยืดเยื้อไปหน่อย เพราะก็มีบางส่วนบางตอนที่หนังน่าจะกระชับมากกว่านี้ได้อยู่
ทั้งนี้ในภาพรวม The Old Guard ก็ถือว่าเป็นแอคชั่นที่สร้างความบันเทิงให้กับคนดูได้เป็นอย่างดี พล็อตเรื่องเดาทางได้ ดูแล้วก็ย่อยง่าย แม้จะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบ และหลายๆ องค์ประกอบยังขัดอยู่ก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีแนวคิดและไอเดียที่ดี ที่สามารถได้ขยายและต่อยอดออกไปเป็นจักรวาลได้เลย คงต้องติดตามต่อไปว่าจะมีโอกาสได้เห็นภาคต่อไปหรือไม่...เพราะปูทางเอาไว้ขนาดนั้นแล้ว
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Old Gaurd
ประเภท : แอคชั่น / แฟนตาซี
ผู้กำกับ : จีน่า พรินซ์-บาธวูด
นำแสดงโดย : ชาร์ลีช เทอรอน, กีกี้ เลย์น, มาทิอัส โชนาร์ท, มาร์เวน เคนซาริ, ลูก้า มาริเนลลี, ชเว์เตล ออจิโอฟอร์
ความยาว : 125 นาที
เข้าฉาย : 10 กรกฎาคม 2020 (ทาง Netflix)
----------------------------------------------------