มากกว่าแค่ “ลบรอยสัก” คืนชีวิตใหม่ “นิกกี้” สร้างโอกาสธุรกิจ-เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
มากกว่าแค่ “ลบรอยสัก” คืนชีวิตใหม่ “นิกกี้” สร้างโอกาสธุรกิจ-เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า คนที่ต้องการลบรอยสัก รอยแผลเป็น เพื่อให้มีโอกาสที่ดีในสังคมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการงาน การเป็นที่ยอมรับ หรือด้วยเหตุผลต่างความจำเป็นนั้น มีอยู่ตลอดเวลา รวมไปถึงคนในวงการบันเทิงก็เช่นกัน นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ หรือ “หมอหนุ่ม” ประธานบริษัทและผู้ก่อตั้ง Dr.TATTOF Clinic แพทย์ผิวหนังและเลเซอร์ เล็งเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของปัญหานี้ พร้อมระบุ การทำลบรอยสักไม่ได้ง่ายๆ ยิ่งต้องทำหลายที่ อาจจะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่ง ชูคอนเซปท์ “The Expert เพราะประสบการณ์ ทำให้เราเชี่ยวชาญ” ศูนย์เลเซอร์ลบรอยสักโดยเฉพาะ คลินิกลบรอยสักแห่งแรกแห่งเดียวที่มีประสบการณ์เยอะที่สุดในประเทศไทยและในเอเชีย พร้อมรังสรรค์นวัตกรรมเลเซอร์ที่ดีที่สุดมาให้บริการ เมื่อคนไข้มีความมั่นใจกลับมามีโอกาสที่ดีในสังคมได้ คือ ความสำเร็จของ Dr.TATTOF
สำหรับคนดังในแวดวงบันเทิงที่ผ่านประสบการณ์ “ลบรอยสัก” เปลี่ยนชีวิตนั้น “ลูซิเฟอร์ นิราย พลิ้ม” หรือ “นิกกี้ พิ้ม” ศิลปินและนักแสดงชาวไทย เปิดเผยว่า เริ่มสักตั้งแต่อายุ 16 ปี สมัยนั้นวัฒนธรรมไทยยังไม่เปิดกว้างเท่าปัจจุบัน และเราเติบโตที่ต่างประเทศ พอกลับมาไทยก็นำวัฒนธรรมการสักจากต่างประเทศเข้ามา รู้สึกว่าเราเกิดมาต้องมีรอยสัก ผมสักบริเวณหน้า และลำคอ 3 จุด คือ คอด้านซ้ายทั้งแถบเป็นรูปหน้ากากสองอัน หน้าผากเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ และใต้ตาด้านขวารูปสายฟ้า คุณหมอหนุ่มช่วยเปลี่ยนชีวิตผม ช่วยเหลือผู้คนที่อยากลบรอยสัก หรืออยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากให้คนอื่นมองเราในภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ถ้าเกิดทำผิดพลาดไปแล้ว ก็ไม่ต้องกลัว
“ก่อนหน้านี้ทุกการตัดสินใจของเรา ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจแบบ 100% หรือคิดถึงอนาคต แต่เมื่อภรรยาตั้งท้องและรู้ว่าได้ลูกสาว ทำให้อยากเป็นแบบอย่างให้กับลูก และอยากลบในสิ่งที่ไม่อยากให้ลูกทำตาม คิดว่าวันหนึ่งเขาต้องถามเราว่าหนูไปสักที่หน้าได้ไหม เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ในครอบครัวที่กำลังจะลืมตาดูโลก ในวันนั้นจึงตัดสินใจลบรอยสักบริเวณใบหน้าและลำคอ
ตั้งแต่ลบรอยสักมาธุรกิจผมเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากทำธุรกิจขายออนไลน์ด้วย การเข้าไปเป็นนักธุรกิจต้องไปประชุมเจอผู้ใหญ่มากขึ้น หน้าตาต้องดูน่าเชื่อถือ โหงวเฮ้งต้องมา จะเป็นผู้บริหารที่มีรอยสักที่หน้าอยู่คนเดียวไม่ได้ เมื่อก่อนมีความคิดว่าคุณเอาเราไปทำงานต้องรับบุคลิกภาพของเราได้ แต่เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น การสร้างความน่าเชื่อถือมันยากมาก พอเราไม่มีรอยสักที่หน้า ใคร ๆ ก็อยากคบหาเรา จึงทำให้ธุรกิจเริ่มโตขึ้น ตอนนี้รอยสักส่วนที่คอและใต้ตาหายไปหมดแล้ว ส่วนที่หน้าผากสักสีเหลือแค่ประมาน 5 เปอร์เซ็นต์”