Movie Review CTRL (2024) เก๋ไก๋ที่ไอเดียและการนำเสนอมาพร้อมความน่าค้นหาตื่นเต้นบีบคั้นบนพื้นฐานของเรื่องพื้นฐานในยุดิจิทัลที่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ลง ด้วยความที่อายุอานามของผู้เขียนก็ไม่น้อยแล้วและเป็นคนที่โตมาในยุคอะนาล็อกที่ไม่ว่าจะอธิบายแค่ไหนว่ามันเป็นยังไงคนที่โตมาในยุคดิจิทัลก็คงไม่เข้าใจ แต่บางอย่างก็มีดีมีแย่ในตัวของมันและผู้เขียนเองก็ไม่ใช่คนหัวโบราณจนไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของโลกที่หมุนไปเพระในปัจจุบันก็ยอมรับแหละว่ายุคดิจิทัลได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตแล้ว ยิ่งในปัจจุบันยังมีการพัฒนาเรื่องของปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอที่คนดูหนังรุ่นเก่าเก๋ากึ๊กอย่างผู้เขียนที่ทีแรกอาจมองว่ามันไกลตัวและน่ากลัว แต่ในปัจจุบันไอ้สิ่งที่ว่าไกลตัวกลับรู้สึกว่ามันมาใกล้จนแทบจะเข้าสิงร่างเราไปทุกวันและมีบ้างบางครั้งต้องให้ลูกคนเล็กอธิบายว่ามันคืออะไรคำตอบที่ได้คือมันคืออัลกอริทึม แน่นอนผู้เขียนก็ยังมองว่ามันดูน่ากลัวพิลึกที่มีคนคิดและตัดสินว่าเราเองชอบอะไรหรือน่าจะต้องการอะไรที่เหลือเชื่อคือมันดันถูกต้องตามนั้นเสียด้วยสิ ว่าแล้วก็มีหนังเกี่ยวกับเอไอจากอินเดียมาเรื่องหนึ่งที่ความจริงผู้เขียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรขนาดนั้นแต่พอได้ดูแล้วดันขนหัวลุกเพราะเหมือนว่าเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดขึ้นได้จริง Nella Awasthi (Ananya Panday) ได้พบรักกับ Joe Mascarenhas (Vihaan Samat) แล้วหลังจากนั้นทุกการเคลื่อนไหวของเธอและเขาก็อยู่ในสายตาสาธารณะ เพราะเธอและเขาใช้ชีวิตเป็นคู่รักยุคดิจิทัลโดยสมบูรณ์แบบทุกความเคลื่อนไหวทุกความหวานแหววจะถูกถ่ายภาพและคลิปวีดีโอโพสต์บนโซเชียลมีเดีย แล้วเมื่อมีผู้ติดตามความน่ารักของคู่รักคู่นี้มากเข้าเธอและเขาจึงเปิดช่องเผยแพร่วีดีโอร่วมกันจนกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียงมีงานโฆษณาเข้ามามากมายรายได้ตรึม แต่แล้วในวันครบรอบการคบกันของทั้งคู่ Nella ที่ตั้งใจจะไปเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มและแน่นอนเธอถ่ายทอดสดไปด้วยโดยหวังว่าจะมีความหวานชื่น ทว่าเมื่อไปถึงกลายเป็นความขมขื่นเมื่อ Joe กำลังจูบกับผู้หญิงอีกคนจน Nella อาละวาด แต่ชาวเน็ตดันไม่เข้าใจเธอเอาเธอไปเป็นมีมทั้งที่เธอโดนนอกใจและด้วยความร้าวราน Nella จึงติดตั้งแอปเอไอแล้วลบ Joe ออกจากชีวิตในโลกดิจิทัล ทว่าการลบคราวนี้ไม่ได้ลบแค่ในโลกเสมือนแต่ Joe กลับหายตัวไปจริงๆเพราะอะไรกันหรือเพราะใคร ไอเดียบรรเจิดเดินเรื่องด้วยชั้นเชิงง่ายๆแต่กลายเป็นเหนือๆแถมด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านโลกดิจิทัลที่ล้ำๆ ถ้าว่ากันที่เรื่องเอไอที่ย้อนกลับมาทำร้ายคนนี่มันมีมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหาแล้ว แต่ที่ว่าไอเดียบรรเจิดคือการที่เอไอที่เป็นมิตรกับคนจะจะสามารถช่วยควบคุมทุกกิจกรรมในชีวิตคนจนกลายเป็นคนถูกเอไอควบคุม (CTRL) นั้นจัดว่าเข้าใจเล่น เพราะเมื่อต้องการลบเธอจากใจก็ลบให้หายไปจริงซะเลยแต่ความจริงนั่นการจะลบใครออกจากใจมันทำไม่ได้และจิตใจนี่เองที่เอไอไม่มี ซึ่งการเล่าเรื่องจะตรงไปตรงมาแต่บอกตรงนี้มากไม่ได้แต่เอาง่ายๆคือไม่มีทางที่จะไม่คิดถึงหนัง Searching (2018) ที่ถ่ายทอดผ่านหน้าจอโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เหมือนกับเรากำลังท่องโลกอินเตอร์เน็ตอยู่ในชีวิตจริง คือภาพที่เห็นจะออกมาล้ำๆแต่ได้ผลเลิศเพราะจะดูเหมือนว่ามันเป็นเรื่องใกล้ตัวเพราะทุกวันนี้เราเสพข่าวจากสิ่งที่เห็นในหนังจริงๆและที่เจ็บปวดคือเราก็เป็นหนึ่งในกระบวนการนี้จริงๆ แล้วที่จริงกว่านั้นคือเนื้อหาที่แฝงไว้เบื้องหลังที่ยังเป็นความน่าสะพรึงเมื่อคิดให้ดี เป็นความน่าค้นหาบนความเข้มข้นของเนื้อหาที่จะพาไปสู่การถกเถียงในสมองและหัวใจของคุณโทษของเทคโนโลยี เมื่อเราเองเป็นส่วนหนึ่งของการหายไปของคนรักเก่าโดยไม่รู้ตัวแล้วเมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นสิ่งที่จะทำคือการค้นหาความจริงใช่หรือไม่ และถ้าไม่นับการเสนอภาพที่เหมือนท่องอินเตอร์เน็ตอยู่ที่เวลาที่ตัวละครค้นหาหรือเห็นอะไรเราก็เหมือนกับการได้ดูจอของเราหรือเหมือนได้พูดคุยกันทางวีดีโอคอลจริงๆ แล้วเมื่อถึงเวลาต้องค้นหาความจริงสิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นว่ามันคืออะไรความสงสัยจึงเข้ามาก่อน แน่นอนบาปแรกจะถูกโยนไปให้เอไอแต่ความจริงมันมีอะไรมากกว่านั้นที่ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีที่เข้ามาครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้วของโลกนั้นทำอะไรได้บ้าง แต่แท้จริงแล้วหนังยังแบ่งช่องว่างให้เห็นว่าเทคโนโลยีคือสิ่งที่ถูกคิดมาเพื่อมนุษย์ได้ใช้แต่มนุษย์เองที่ใช้มันมากเกินไปจนแทนที่จะควบคุมเทคโนโลยีแต่กลับถูกเทคโนโลยีควบคุมเสียเอง และสิ่งเหล่านี้เองได้ถูกเล่าอย่างเข้มข้นเร้าใจในการค้นหาความจริงว่าอะไรเป็นอะไร เพราะการถ่ายทอดเรื่องราวเหมือนอยู่ในโลกออนไลน์แต่ความเจ๋งคือนักแสดงสามารถ่ายทอดได้ปานเรื่องจริง สำหรับข้อดีของเรื่องนี้ที่สามารถทำให้เร่งความระทึกเข้มข้นได้คือการที่คนดูรู้สึกว่ากำลังติดตามเรื่องของอินฟลูเอนเซอร์ซักคนจริงๆ แล้วที่น่าตกใจคือปัจจุบันเราเองที่ถูกเรียกว่าชาวเน็ตกลับสนใจเรื่องพวกนี้จริงๆมีดราม่าเกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ไม่เว้นแต่ละวันเรื่องนี้ซาเรื่องนั้นมีมาให้ขุดกันต่อ อาจเพราะเรื่องที่เราชาวเน็ตกำลังให้ความสนใจในเวลานั้นๆมันคือเรื่องจริงไม่ใช่การละครความรู้สึกเร้าใจในความตื่นเต้นว่าเรื่องจะพัฒนาไปทางไหนและจะจบลงอย่างไรชาวเน็ตจะได้รับประทานอาหารสุนัขหรือไม่ ทำให้บทหนังและการถ่ายทอดเรื่องราวนี้ผ่านหนังเรื่องนี้กลายมาเป็นภาพเสมือนจริงปานคนดูกำลังติดตามเรื่องที่ติดกระแสในช่วงนั้นจริงๆ และที่ต้องชื่นชมคือ Ananya Panday ที่แสดงเหมือนไม่ได้แสดงเพราะคนดูจะเหมือนกับดูเรื่องจริงกำลังเสพดราม่าของอินฟลูเอนเซอร์คนหนึ่งจริงๆที่เลิกกับแฟนแล้วมีเรื่องราวตามมาผ่านการแสดงที่สมจริงของเธอ ลึกลับน่าค้นหาเข้มข้นตื่นเต้นเร้าใจเมื่อเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ลงท้ายด้วยความจริงที่เจ็บปวด ความน่าสนใจอยู่ที่เมื่อเอไอลบตัวตนของคนคนหนึ่งออกจากไทม์ไลน์ของคนอีกคนหนึ่งแต่มันดันเหมือนกับลบไปเลยทั้งชีวิตเพราะเขาหายไป จึงเป็นความลึกลับน่าค้นหาที่มาพร้อมกับเงาดำทะมึนที่ปกคลุมโลกนี้ไม่ใช่แค่ในหนังเมื่อเรื่องเล็กๆแค่การพยายามลบแฟนเก่าออกไปจากชีวิตในโลกออนไลน์กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่คุกคามสวัสดิภาพของตนเอง แน่นอนเมื่อต้องสู้ความเข้มข้นเร้าใจตื่นเต้นลุ้นเอาใจช่วยก็มาทั้งที่หนังอาจมีเนื้อหาแค่นิดเดียวแถมยังเหมือนเล่าไม่ละเอียดด้วยซ้ำ แต่นั่นกลายเป็นความสมจริงอย่างจงใจแน่นอนเมื่อในโลกแห่งความจริงข้อมูลที่พวกเราชาวเน็ตใช้ตัดสินอะไรมักจะมาจากด้านเดียวคือด้านที่เราอยากให้เป็น สุดท้ายอะไรก็ตามที่มีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์ถ้ามีใครสักคนที่คิดไม่ซื่อผ่านเทคโนโลยีที่จะสามารถทำอะไรก็ได้อย่างที่เห็นในหนัง แล้วที่น่าสนใจกว่าคือแม้กระทั่งคนสูงวัยอย่างผู้เขียนหรือรุ่นพ่อรุ่นแม่ยังเลี่ยงเทคโนโลยีพวกนี้ไม่ได้เลย ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก,ภาพที่ 1 จาก Instagram saffron_bm ภาพที่ 2,3,4 / ภาพที่ 5,6,7 จาก Instagram netflix_in เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !