เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่น่าสนใจไม่น้อยกับ The 7 Lives of Lea ซีรีส์สัญชาติฝรั่งเศสสร้างมาจากนิยายของนักเขียนที่ชื่อว่า Natael Trapp ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็ไม่เคยอ่านนิยายมาก่อนมีโอกาสได้ดูแค่ฉบับทีวีซีรีส์เหมือนกัน และต้องบอกว่าหลังดูจบไป 7 ตอน The 7 Lives of Lea เรื่องนี้มันเต็มไปด้วยความหลากหลายรสชาติมาก ยิ่งพล็อตหลักที่มาในความเป็นสืบสวนสอบสวน มันก็ยิ่งดึงดูดคนดูให้คิดตามถึงเบาะแสในเรื่องตลอดว่าสุดท้ายแล้วซีรีส์มันจะจบยังไง และต้องบอกว่านี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สร้างมาจากนิยายแล้วลำดับเนื้อหาได้สนุกมาก เพราะก่อนหน้านี้จะเห็นได้ชัดว่าหนังหรือซีรีส์ที่สร้างมาจากนิยายของ Netflix มักจะมีปัญหาในการเล่าเรื่องตลอด แต่กลับกัน The 7 Lives of Lea นั้นสามารถขมวดเนื้อหาทั้งหมดในนิยายมายัดอยู่ในความยาว 7 ตอน ตอนละ 45 นาที ออกมาได้อย่างน่าสนใจปีที่ออกอากาศ : ค.ศ. 2022ประเภท : ทีวีลี้ลับ, รายการทีวีอาชญากรรมฝรั่งเศสผู้กำกับ : จูเลียน เดโปซ์นักแสดง : ไรก้า ฮาซานาวิซิอุส, คาลิล การ์เบีย, ไมร่า ชมิตต์, เฟอร์ราริโอ อเล็กซานเดอร์ ช่องทางการรับชม : Netflixภาษาในการรับชม : เสียงพากย์ : ฝรั่งเศส, อังกฤษ | คำบรรยาย : ไทย, อังกฤษ, จีน, ฝรั่งเศสระดับความเหมาะสม : อายุ 18+เนื้อหาของซีรีส์จะเล่าเกี่ยวกับตัวละครที่ชื่อว่า ลีอา เด็กสาววัย 17 ที่กำลังจบชีวิตตัวเองด้วยการเสพยาเกินขนาด แต่เธอดันไปพบโครงกระดูกของคนๆหนึ่งเข้าซะก่อน และหลังจากวันที่เธอพบศพปริศนาเรื่องราวแปลกประหลาดก็เริ่มถาโถมเข้ามาหาตัวของลีอามากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าตัวพบว่าเมื่อไรที่หลับไป ก็จะตื่นขึ้นมาในร่างของคน 6 คนเมื่อ 30 ปีที่แล้วภายในเวลา 7 วัน รวมร่างหลักของตัวเองก็จะเป็น 7 ชีวิตตามชื่อเรื่อง และที่สำคัญทุกร่างที่เธอตื่นมานั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของศพที่เจ้าตัวเจอในตอนแรก ศพของเด็กหนุ่มวัย 17 ที่ชื่อว่า อิชมาเอล ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้มันทำให้ตัวของลีอาเริ่มมีมุมมองชีวิตที่เปลี่ยนไป ความคิดที่อยากจะรู้ถึงสาเหตุการตายของอิชมาเอลทำให้เธอพบกับความจริงที่ค่อนข้างสะเทือนใจไม่น้อยจุดเด่นถามว่าพล็อตเรื่องของซีรีส์แปลกใหม่ไหม พูดกันตามเนื้อผ้ามันไม่ได้มีความแปลกใหม่อะไรมากมายเลย เนื้อเรื่องประมาณนี้ผู้ชมเองก็เคยผ่านตากันมาเยอะไม่ว่าจะเป็นเรื่อง The 100th Love with You หรือเรื่อง The Butterfly Effect ที่บรรดาหนังเหล่านี้มีความเหมือนกันคือการพยายามแก้ไขเรื่องราวในอดีตโดยไม่ต้องสนกฎเกณฑ์หรือเหตุผลรองรับเรื่องย้อนเวลาอะไรมากมายเน้นความสนุกและเฉลยหักมุมคนดูซะเป็นส่วนใหญ่ และ The 7 Lives of Lea เรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในแนวนั้นที่ตลอดทั้ง 7 ตอนจะไม่มีการออกมาเล่าถึงทฤษฎีย้อนเวลาไปสิงร่างคนอื่นอะไรทั้งนั้น ใครที่อยากรู้ว่าลีอาทำแบบนั้นได้อย่างไร คุณจะพบกับการถูกซีรีส์แขวนทิ้งไว้กลางอากาศอย่างแน่นอน แต่มันก็มีข้อดีตรงที่ความเข้มข้นของพล็อตเรื่องจะเป็นการสืบหาสาเหตุการตายของ อิชมาเอล และความลับอันดำมืดที่แม้แต่พ่อแม่ของลีอาเองก็เคยอยู่ในเหตุการณ์เมื่อ 30 ปีที่แล้วเหมือนกันอีกหนึ่งความน่าสนใจคือการไปอยู่ในร่างของคน 6 คน มันทำให้ลีอาต้องพยายามเข้าใจถึงบุคลิกของคนนั้นๆ เพราะเธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาในร่างผู้หญิงเพียงอย่างเดียว มีร่างของผู้ชายหรือแม้แต่ร่างของคนที่ตายมาแล้ว 30 ปี อย่างอิชมาเอลอีกด้วยที่ลีอาต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับร่างคนนั้นให้ได้ความสำคัญของตัวละครในเรื่อง มันเหมือนการบอกเป็นนัยๆว่าผู้ชมเองต้องพยายามตั้งใจดูแอร์ไทม์ของแต่ละร่างให้ดีๆที่มันจะเชื่อมถึงกันเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ 7 ชิ้นประกอบเข้ากันเพื่อนำไปสู่องก์ที่สามของซีรีส์หรือเฉลยในตอนท้ายนั้นเอง ซึ่งส่วนตัวผู้เขียนค่อนข้างชอบตัวละครของ ลีอา กับ อิชมาเอล เป็นพิเศษ ที่นักแสดงค่อนข้างถ่ายทอดเรื่องราวทั้งคู่ออกมาได้ดีเคมีที่มันดูเข้ากัน ถึงแม้ในเรื่องทั้งคู่จะอยู่กันคนละไทม์ไลน์เวลาแต่พวกเขาสองคนก็มีการสื่อถึงกันอยู่ตลอด เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ให้รสชาติความโรแมนติก ซึ้งๆ ในเรื่องได้ไม่น้อย ส่วนตัวละครคนอื่นที่ไม่เกี่ยวกับร่างทั้ง 6 ในอดีตก็ชัดเจนว่าจะมีแอร์ไทม์ที่น้อยลงมาน้อยเช่น ตัวละครเพื่อนอย่าง โรแมน ที่คอยช่วยเหลือลีอาอยู่เสมอ จนบางทีผู้เขียนเองก็แอบสงสารโรแมนเหมือนกัน ที่เธอนั้นถูกเซ็ตคาแรคเตอร์มาให้เป็นตัวละครที่เดินไม่ได้ ต้องใช้วีลแชร์ประคองตัวตลอด จนบางครั้งต้องไปเจอความลำบากจากความเอาแต่ใจของลีอาอีกหนึ่งความดีงามคือ เฉลยท้ายเรื่องที่ทำออกมาค่อนข้างดี การขมวดปมเรื่องราวทั้งหมดมันดูลงตัวดูเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่ลีอาทำลงไป แถมการเล่นเกี่ยวกับไทม์ไลน์เวลาในตอนจบก็ค่อนข้างเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์คนดูไม่น้อยเลยจุดด้อยหลักๆคือการดำเนินเรื่องของแต่ละร่างที่ลีอาตื่นขึ้นมานั้นมันมีความสนุกไม่เท่ากัน บางร่างก็ค่อนข้างเล่าออกมาน่าเบื่อดูไม่ค่อยจำเป็นต่อเฉลยการตายของอิชมาเอล เท่าไร บางอย่างดูเป็นเรื่องส่วนตัวดูเป็นการแวะรายทางเพื่อยึดเวลาของซีรีส์ออกไปเท่านั้นอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของการไปอยู่ในร่างแต่ละคน ที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าซีรีส์เองไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลรองรับใดๆทั้งสิ้น จนท่านผู้ชมบางคนดูแล้วเหมือนว่าตัวละครลีอาดูเวอร์ดูจะโกงไปหรือเปล่าในการไขคดีทั้งหมดจากการย้อนกลับไปในอดีตไปอยู่ในร่างคนอื่น ทว่าสุดท้ายเราก็ต้องกลับมาดูจุดประสงค์ของซีรีส์จริงๆว่าต้องการสื่ออะไรกับคนดู คาแรคเตอร์แท้จริงของซีรีส์ที่ไปในแนวสืบสวนไปในแนวดราม่าที่มีเรื่องการย้อนเวลาเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งเท่านั้นสรุปThe 7 Lives of Lea เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งซีรีส์ดูสนุกเลยทีเดียว ความเป็นสืบสวนเป็นอาชญากรรมมีเรื่องของไทม์ไลน์เวลามาเป็นส่วนผสมที่ทำออกมาค่อนข้างลงตัว ถึงแม้บางตอนจะมีการแวะรายทางบางจนดูไม่จำเป็นต่อเส้นเรื่อง แต่พอได้ขมวดปมต่างๆมารวมกันมันก็ดูลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ บวกกับความยาวของซีรีส์ที่มีแค่ 7 ตอน และการลำดับเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างกระชับ ตรงนี้อาจจะตอบโจทย์ท่านผู้ชมที่มีเวลาน้อยมีจำกัดhttps://youtu.be/IFx-lzmcNHc รูปภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก : IG : alexferrario | ภาพประกอบที่ 1 : IG : raikahznvs | ภาพประกอบที่ 2 : IG : raikahznvs | ภาพประกอบที่ 3 : IG : anne.azoulay | ภาพประกอบที่ 4 : IG : alexferrario | ภาพประกอบที่ 5 : IG : alexferrario | วิดีโอประกอบ : Netflix France บทความแนะนำจากผู้เขียนรีวิว Cracow Monsters ศึกไสยศาสตร์ระหว่างปีศาจกับนักศึกษาแพทย์รีวิว Rescued by Ruby (Netflix) หนังฟีลกู๊ด เอาใจคนรักน้องหมารีวิว The Adam Project (Netflix) หนังครอบครัวที่แอ็กชันดูสนุกรีวิว Feria: The Darkest Light ซีรีส์ที่มาในแนวความเชื่อ ลัทธิบูชาปีศาจรีวิวหลังดูจบ All of Us Are Dead (Netflix) ซีรีส์ซอมบี้บุกโรงเรียนกับเนื้อเรื่องที่อัดแน่นมาครบทุกรสชาติอัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่ ฟังเพลงฮิตสุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!