ถ้าพูดถึงนักร้องเพลงเพื่อชีวิตในเมืองไทย คงไม่มีใคร ไม่รู้จัก พี่ปู พงษ์สิทธิ์ คำภีร์ ที่เรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิต มีผลงานเพลงที่โด่งดังมากมายให้แฟนเพลงได้ฟังกันอยู่เสมอ และหลากหลายบทเพลงก็สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองต่าง ๆ ได้มากมาย ที่ไม่ใช่แค่เสียงเพลงเท่านั้น แต่กลับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย และเกิดขึ้นกับใครหลาย ๆ คน วันนี้ผู้เขียนขอหยิบยกมาอีกหนึ่งผลงานเพลง ที่ฟังแล้ว ทำให้รู้สึกถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย นั่นก็คือเพลง เรียนและงาน นั่นเองค่ะภาพจากเพจ pu pongsit officialเรียนและงาน บทเพลงจากอัลบั้มถึงเพื่อน ปีพ.ศ. 2530 เป็นบทเพลงที่ผู้เขียนประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง ตามฉบับบทเพลงเพื่อชีวิต ที่ถูกสร้าง ถูกขีดเขียนขึ้นมาเพื่อสะท้อนชีวิตของใครหลาย ๆ คน ในมุมมองที่แตกต่างออกไป และเพลงเรียนและงานก็สะท้อนให้เห็นถึงสังคม ที่ต่างก็มีความมุ่งหวังเดียวกันคือเรียนให้จบ แล้วจะมีงานดี ๆ ทำ ตามที่ผู้ใหญ่พร่ำสอนอยู่เสมอ แต่ความเป็นจริง มีอีกหลายปัจจัยที่ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้สอนเราออกเดินจากบ้านสู่เมืองฟ้า สู่เมืองเทวาเมืองบางกอก เดินทางเดียวดายจากบ้านนอก มาเล่ามาเรียนมาศึกษาท่อนแรกของเพลงที่สื่อให้เห็นถึงสังคมตั้งแต่สมัยก่อน ที่ทุกคนต่างมุ่งหน้าเข้าเมืองหลวง เพื่อหวังเล่าเรียน เพื่อได้มีงานที่ดี ๆ และมั่นคง จึงต้องยอมจากบ้านมาไกลภาพจากเพจ pu pongsit officialชี้ให้ฉันเขียน ฉันรีบเขียน ชี้ให้ฉันเรียนให้ฉันสอบ แข่งขันกันไปหลายรอบ เหมือนเลือกเอาหมาพันธ์ุดีเมื่อเล่าเรียนก็ต้องใช้ชีวิตตามฉบับของนักศึกษา ที่ต้องจดบันทึกตำรา ถึงเวลาสอบก็สอบตามกำหนดสอบแข่งขันกันเหมือนคัดเลือกพันธ์สุนัขที่ดีที่สุด ซึ่งฟังดูเหมือนเป็นการประชดประชัน ระบบการศึกษาจวบจนฉันจบการศึกษา รับใบปริญญาที่ฉันชอบ สุขใจแค่ไหนไม่ต้องบอก ยิ้มพลางเดินพลางสบายดีเมื่อถึงวันจบการศึกษา แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีความสุข ที่ได้รับใบปริญญา ซึ่งเป็นใบเบิกทาง ในการประกอบอาชีพ แค่มีใบปริญญาก็สามารถหางานทำได้ไม่ยาก แต่ดูเหมือนสิ่งที่คิดไว้ อาจไม่ง่ายดายเสมอไป เพราะไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่หางาน ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่จบมาพร้อมกัน ที่ต่างก็แย่งกันหางานทำ และก็มีท่อนหนึ่งที่พี่ปู ทำให้ผู้ฟัง ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของสังคมไทย ที่เกิดขึ้นจริงภาพจากเพจ pu pongsit officialรับคนสิบห้าคนทำงาน เด็กฝากเด็กท่านเอาหนึ่งโหล ที่เหลือหมื่นพันร้องไห้โฮ ระบบทางแก้ไม่มีความจริงที่เกิดขึ้นในสังคม คือทุกครั้งที่มีการรับสมัครงาน ก็มักจะมีระบบที่คัดเลือกคนที่รู้จัก คนที่ใกล้ชิดสนิทสนมก่อนที่จะคัดเลือกบุคคลทั่วไปก่อนเสมอแม่จ๋าลูกกลับมาแนบเนาว์ กลับสู่บ้านเราด้วยช้ำชอก ทุ่มเทกายใจให้บ้านนอก หลังถูกจับขังหลายปีท่อนสุดท้ายของเพลงที่บีบใจทุกครั้งที่ได้ฟัง ด้วยระบบคัดเลือกคนเข้าทำงานตามที่ในเพลงกล่าว ทำให้คนตกงานกันมากมาย ทั้งที่มีความสามารถ และด้วยความจน ด้วยคงามคับแค้นใจ จึงเป็นสาเหตุจูงใจที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนหลงผิด ไปเดินบนทางเดินที่ผิด ประกอบอาชีพที่ไม่สุจริต จึงต้องโดนจับขังคุก และสุดท้ายก็กลับบ้านโดยที่ไม่มีอะไรติดตัวได้ตามที่หวังไว้เลยภาพจากเพจ pu pongsit officialบทเพลงคือกระจกที่จะสะท้อนสังคมดีเช่นกัน การฟังเพลงจึงไม่ใช่แค่ความบันเทิง แต่ยังให้ข้อคิดอะไรดี ๆ กับเราได้อีกหลายอย่าง แต่สุดท้ายผู้เขียนก็เชื่อว่า ไม่ว่าชีวิตคนเราจะผกผันสักแค่ไหน แต่เราจะมีทางเดินที่ถูกต้องและสวยงามให้เลือกเดินเสมอ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะภาพหน้าปกจากเพจ pu pongsit officialได้รับอนุญาตจากเพจแล้ว