จิ้ม ชวนชื่น ฝากคำถึงเพื่อน เราสนุกที่สุดที่ได้เล่นกับพี่ค่อม
จิ้ม ชวนชื่น ฝากคำถึงเพื่อน เราสนุกที่สุดที่ได้เล่นกับพี่ค่อม
ด้าน จิ้ม ชวนชื่น เพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และเป็นผู้ที่ชักจูง ค่อม ชวนชื่น เข้าวงการตลก เผยถึงการสูญเสียเพื่อนรักและเพื่อนร่วมงานไปแบบไม่มีวันกลับคนนี้ว่า
“ค่อมเป็นคนที่ไม่อยู่นิ่ง โดยนิสัยส่วนตัวจริงๆ เป็นคนขี้งอน ขี้น้อยใจ จะต้องให้ได้ดังใจตัวเอง โดยจริงๆ เป็นคนที่มีสีสัน มีอะไรห่ามๆ ตลอด ที่คนปกติเขาไม่ทำกัน ส่วนตัวจะเป็นคู่กัดกัน คู่แกล้งกันกับผม ไม่ค่อยคุยกันธรรมดา สบายดีไหม สวัสดีไม่เคย เจอกันจะคอยคิดว่าจะแกล้งอะไรกัน หาทางรับมุกกันอยู่ตลอดเวลา
ถ้าให้นึกถึงความสุขก็จะนึกถึงว่าเวลาทำอะไรแล้วถูกใจเขา เขาจะยิ้มออกมา ปกติเขาจะไม่ค่อยยิ้ม เขาจะหัวเราะเลย แต่ถ้าถึงจุดที่ว่าเขาแกล้งได้ หรือเขาถูกแกล้งสุดแล้ว เขาจะยิ้ม จุดที่สุดของเขาคือยิ้ม ถ้าหัวเราะเป็นเรื่องปกติ ถ้ายิ้มคือเรียกว่าปิดจ๊อบแล้ว ที่สุดแล้วคือยิ้ม เขาเป็นคนไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอยู่แล้ว
อยู่ข้างนอกไม่รู้ว่าเขาแกล้งใครหรือเปล่า แต่เวลาอยู่กับเราจะแกล้งกันอยู่ตลอดเวลา ใครออกไประเบียงก็โดนล็อกประตู กินอาหาร ใครเอาจานมาวางแล้วเดินไปเอาช้อนกลับมาอาหารหมดแล้ว”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าคู่เราเคยโกรธกันไหม ตลกชื่อดังเผยว่า “โกรธไม่ได้ด้วยกิจกรรมระหว่างผมกับพี่ค่อม เราไม่ชอบอะไรที่ไม่สะอาด ค่อมเขาชอบกินข้าวด้วยมือ แล้วพอคุยอะไรกันเสร็จก็จะจับมือกัน พี่ค่อมจะเอามือที่กินข้าวนั้นแหละ และยังไม่ได้มาจับมือกับเรา ก็สะใจเขา เราก็จะรู้เราทำอะไรไม่ได้ เราจะแกล้งกันทุกสถานการณ์ บนเวทีเราก็แกล้งกัน มีอีกหลายเรื่อง
เรียกว่าเป็นสีสันของกันและกัน อย่างไปประเทศญี่ปุ่น ค่อมจะออกไปสูบบุหรีที่ระเบียงเราก็ล็อกเลย ก็ยืนหนาวไปก่อน ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงใน ไปโรงแรมไหน ในกรุงเทพก็ถูกล็อก เครื่องดื่มชูกำลังใครวางไว้ก็โดนกิน
ผมกับค่อมรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อยู่ลิเกโรงเดียวกัน แล้วก็มาแยกกันเล่นตลก มีช่วยหนึ่งคณะเรามีการสลับสับเปลี่ยนผู้เล่นก็ไปเรียกเขามา จริงๆเขาไม่มาหรอก หลายคณะชวนเขาก็ไม่กล้า แต่ว่าเราชวนเขาก็ไม่มา พอ 3 วัน เราก็ไปล็อกตัวมา
เขาเล่นลิเกอยู่ที่อยุธยา จำได้เลย ก่อนหน้านั้นสมาชิกเรามีการเปลี่ยนแปลงเราก็เลยไปตามเขา ค่อมบอกว่าดูก่อน เรารอเขา 2 วัน พอวันที่ 3 เรารู้ว่าเขาไม่มา เราจะต้องอัดวิดีโอ พอเลิกจากคาเฟ่ก็ขับไปอยุธยา จนบ่ายสอง เพราะไม่รู้ว่าเล่นอยู่ที่ไหน แต่ก็น่าจะตามงานวัดนี่แหละ ไปเจอลิเกเขาแยกย้ายกันไปนอนใต้ต้นไม้ เราก็รออยู่ ไปถึงก็ถามว่าไง มาเลยแล้วกันก็คว้ามือออกมาเลย คืนเขาต้องเล่นลิเกอีกคืนหนึ่ง หัวหน้าคณะก็ไม่รู้ว่าค่อมไปไหน รู้แค่ว่ามากับผม คือขโมยตัวมาเลย
พอมาถึงก็ได้อัดวิดีโอ ก็แบ่งเงินไปได้คนละพันกว่าบาท แต่ลิเกได้คืนนึง 4-5 ร้อยบาท แต่ลิเกมีงานทุกวัน แต่ชวนชื่นแบ่งค่าตัวเท่ากัน ไม่มีหัวหน้าลูกน้องทุกคนเท่ากัน
พอมาเห็นการสูญเสียครั้งนี้ก็เป็นหนึ่งคนที่ตกใจ และเสียใจ นี่เป็นครั้งใหญ่ที่ ชวนชื่น สูญเสียแบบนี้ แต่ก็ด้วยความที่รับรู้สถานการณ์ ตั้งแต่เริ่มรักษา จนมาเรื่องไตวิกฤต เราก็รู้แล้วว่าเป็นยังไงได้บ้าง พอมาถึงจุดหนึ่งที่วิกฤติขึ้นเรื่อยๆ ก็พอจะรู้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้เกิดขึ้น เราก็ต้องรับรู้ไปด้วยกัน ก็อธิษฐานให้ไปสู้ภพภูมิที่ดี
ถามว่าก่อนหน้านี้ได้คุยกันไหม คือปกติเราไม่ได้โทรคุยกันว่าสบายดีไหม หรือถามธุระขนาดนั้น เจอกันก็จะแกล้งกันอย่างที่บอก ส่วนวันนี้ญาติก็เผาเขาเลย เราก็ได้แต่จุดธูปกลางแจ้งให้แล้ว ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ครอบครัว ส่วนเรื่องอัฐิจะกลับมาทำอะไรก็ค่อยว่ากันอีกที”
อยากบอกอะไรเพื่อนคนนี้เป็นครั้งสุดท้าย “เราสนุกที่สุดนะที่ได้เล่นกับพี่ค่อม และภาพความทรงจำการเป็นสีสันก็ยังจดจำอยู่ เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้ได้พบเจอได้ร่วมงานกันได้เป็นพี่น้องกันแบบนี้อีก”
ขอบคุณรูปจาก : Jim Chuanchyn , na.kom_