รีวิวหนัง "Fair Play" ดำดิ่งสู่ความฉิ-หายวายวอดแห่งชีวิตคู่ แบบฉบับเศรษฐศาสตร์
ได้เวลามาแซ่บ..กับเกมความร้อนเร่าของพวกเขาทั้งคู่ กับหนังระทึกขวัญซ่อนเกมการแข่งขันบนเชือดคมที่น่าจะระอุไม่เบา อย่าง "Fair Play" ที่ติดเรท R ที่มีเนื้อหาหักเหลี่ยมกันทุกครั้งที่ได้ทีเผลอ กับจังหวะเร่งเร้าของคู่รักที่ไม่อาจจะคบกันได้อย่างเปิดเผย ต้องมาเผชิญหน้ากับการต่อสู้กันในบริษัทที่เสี่ยงทำให้ความรักต้องสะบั้น!
Fair Play เป็นเรื่องราวชีวิตอันแสนสุขสมของ เอมิลี กับ ลุค หนุ่มสาวที่คลั่งรักกันและกัน โดยที่พวกเขาหมั้นหมายเตรียมตบแต่งกันเร็ว ๆ นี้ เพียงแต่พวกเขาทำงานที่เดียวกัน ที่มีนโยบายห้ามคบหาและมีความสัมพันธ์กันเด็ดขาด เมื่อการเลื่อนตำแหน่งอย่างเหนือความคาดหมายในกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ทุกฝ่ายขับเคี่ยวกัน กลายเป็นจุดแตกหักระหว่างพวกเขา และกลายเป็นการบ่อนทำลายชีวิตคู่ที่พร้อมจะพังลงได้ทุกเมื่อ
นี่คือผลงานใหม่ของผู้กำกับหญิง "โคลอี โดมอนต์" (จากซีรีส์ Ballers) ที่นับว่าคัมแบ็กกลับมาทำหนังอีกครั้งในรอบเกือบสิบปี และถือว่าเป็นการกลับมาที่ค่อนข้างท็อปฟอร์มไม่น้อย เพราะหนังเรื่องนี้ค่อนข้างโดดเด่นเมื่อตอนเปิดตัวฉายที่เทศกาลหนังซันแดนซ์ ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยงานนี้เธอรับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทเอง มันกลายเป็นอีกงานชิ้นเอกของเธอไปแล้ว
แต่เชื่อว่า Fair Play ไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะชอบ และก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเกลียดเช่นเดียวกัน เพราะโครงสร้างและเนื้อหาของหนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกทั้งรักทั้งเกลียดไปในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะบทหนังของเรื่องนี้ที่เต็มไปด้วยมุมมองที่น่ารังเกียจและด้านลบของชีวิตคู่ แต่มันกลับเป็นมุมที่ค่อนข้างเวิร์กเมื่อถูกจับมาใส่เอาไว้ในหนังเรื่องนี้ ภายใต้สถานการณ์และบรรยากาศที่แสนตึงเครียดของตัวเลข
แน่นอนว่า Fair Play เป็นหนังที่มีฉากหลังเป็นเรื่องราวในวงการวอลล์สตรีทและการเงิน ที่คนดูทั่วไปอาจจะเข้าไม่ถึงในส่วนของรายละเอียดเกี่ยวกับวงการนี้ แต่หนังก็รู้สึกวิธีที่เล่นกับความรู้สึกของคนดู ไปพร้อม ๆ กับตัวละคร ด้วยการค่อย ๆ สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างความสัมพันธ์ของ เอมิลี กับ ลุค จากคู่รักที่หวานชื่นที่ต้องปกปิดเป็นความลับ กลายเป็นคู่แข่งคู่เชือดเฉือนในหน้าที่การงานที่แสนขมขื่น
แล้วใครกันละ..ที่อยากจะมาเปิดดูหนังที่ว่าด้วยชีวิตคนสองคนเปิดฉากทะเลาะเบาะแว้งกันไปครึ่งเรื่อง ทั้งตะโกนด่ากัน เล่นเกมเชิงจิตวิทยาใส่กันและกัน เพื่อจะแก่งแย่งชิงดีกัน มันช่างเป็นเนื้อหาที่เต็มไปด้วยความเครียดและไม่บันเทิงใจเลิกแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละ..มันคือเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ ความกดดันและความเครียดที่ใกล้จะปะทุขึ้นมาเรื่อย ๆ กลายเป็นไฮไลต์เด่นของเรื่องนี้
การแสดงของ "ฟีบี ดีเนเวอร์" กับ "อัลเดน เอเรนไรค์" ถือว่าช่วยได้ไม่น้อย แม้ว่า ฟีบี ดีเนเวอร์ ประสบการณ์อาจจะยังไม่มาก แต่เธอก็แสดงให้เห็นว่าเธอยังสามารถรับมือกับบทที่ท้าทายได้ดี มีจังหวะได้พ่นไฟและปล่อยพลังแอคติ้งออกมาได้อย่างเต็มที่ โชคดีที่บทบาทนี้ส่งเสริมตัวเธอได้เป็นอย่างดี และได้โอกาสได้ปล่อยแสงออกมา
ขณะที่ อัลเดน เอเรนไรค์ ที่เราก็แอบเสียดายอยู่ไม่น้อย เพราะถือว่าเขาเป็นหนึ่งในนักแสดงลีลาจัดจ้าน แต่กลับไม่ปังสักที เช่นเดียวกับใน Fair Play เขาได้ปล่อยพลังการแสดงออกมาที่จัดจ้านอีกครั้ง กับบทบาทที่ส่งเสริมทักษะได้ดี อัลเดนได้ปล่อยระเบิดทางการแสดงออกมาโดยที่เขาแทบจะไม่ได้ใช้พลังงานเท่าไหร่ เพราะเขาคือคนที่สามารถรับมือกับบทนี้ได้ดี เป็นบทที่ทั้งรักทั้งเกลียดจริง ๆ
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Fair Play กลายเป็นหนังผัวเมียตบตีกันออกหน้าจอ ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาที่น่ารังเกียจ แต่มันกลายเป็นจังหวะที่เข้าถึงตัวหนังได้อย่างถ่องแท้ นี่จึงกลายเป็นหนังดรามาเชือดเฉือนทางอารมณ์ที่คนดูจะชอบและชังมันไปในเวลาเดียวกัน การแสดงของนักแสดงทั้งคู่ค่อนข้างเฉิดฉายทรงพลังดี จังหวะและโทนของหนังนำพาคนดูดิ่งไปกับรอยร้าวที่แสนตึงเครียดของตัวละครทั้งคู่ พร้อมกับสรุปทิ้งท้ายด้วยจุดที่...เกินจะเยียวยาแบบสุดทาง
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง Fair Play
- ประเภท: ดรามา
- ผู้กำกับ: โคลอี โดมอนต์
- นำแสดงโดย: ฟีบี ดีเนเวอร์, อัลเดน เอเรนไรค์, เอ็ดดี มาร์แซน
- ความยาว: 113 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 6 ตุลาคม 2023 (ที่ Netflix)
Movie.TrueID METRIC: Fair Play
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10)
คุณสามารถรับชม Netflix ได้ง่าย ๆ จากกล่อง TrueID TV ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ครบ!
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa