สวัสดีครับ ผมเชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายๆคน ณ ตอนนี้คงกำลังมีเรื่องน่าอึดอัดกันอยู่ไม่มากก็น้อยใช่มั้ยล่ะครับ หนึ่งในเรื่องน่าอึดอัดใจนั้นก็คงไม่พ้นเรื่อง "การไม่เป็นตัวของตัวเอง" ความอัดอั้นในการโดนสังคมบีบคั้นให้ต้องเก็บตัวตนที่แท้จริงของตัวเองไว้ เราอาจต้องเสแสร้งเป็นในอีกแบบหนึ่งที่สังคมรอบข้างต้องการให้คุณเป็น เพราะความกลัวที่ว่าจะถูกมองว่าเป็นแกะดำ กลัวว่าจะไม่ถูกยอมรับ กลัวว่าจะไม่มีหน้ามีตาในสังคม กลัวว่าถูกมองข้าม กลัวว่าจะโดนเหยียดหยาม จึงไม่กล้าที่จะแสดงออกไม่กล้าที่จะเป็นในแบบที่เป็นตัวเองจริงๆ ผมอยากจะบอกกับคุณผู้อ่านอย่างนี้ครับ จงภูมิใจในสิ่งที่คุณเป็นเถอะ เลิกอาย เลิกกลัว ยอมรับในสิ่งที่ตัวคุณเป็น ถ้าคุณแตกต่างก็จงยอมรับในสิ่งที่แตกต่าง เพราะนั่นคือตัวคุณ การต้องเสแสร้งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองไปตลอดชีวิตมันไม่มีความสุขหรอกครับ และในบทความนี้ผมมีเพลงๆหนึ่งที่อาจจะช่วยให้คุณกล้าหาญในการเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นครับ นั่นคือเพลง "Be As You Are" เลิกเสแสร้ง! และจงเป็นในแบบที่คุณเป็นครับ. หลายครั้งหลายหนชีวิตคนเรามันก็ช่างดูเหมือนฉากในหนังเหมือนกันนะ 'เราทุกคนก็หวังจะเป็นพระเอกแบบในซีรีย์เกาหลีทั้งนั่นแหละ' พระเอกหล่อไฮโซกับสาวบ้านนอกบ้านๆ ขับรถสปอร์ตสวยๆไปรับนางเอกหน้ามหาลัย คนมองกันพรึบ สาวกรี๊ดกันลั่น เดินจูงมือกันในตอนพระอาทิตย์ตก กินอาหารในห้างหรู เสร็จแล้วก็ไปดูหนังกันต่อ ตกดึกก็ขับรถไปส่งที่บ้าน นั่นคงเป็นภาพชีวิตในฝันของใครหลายๆคน แต่ชีวิตจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย เราเหมือนเป็นแค่ตัวประกอบ เป็นส่วนเล็กๆ ที่ถ้าอยู่ในหนังก็คงเป็นได้แค่ภาพเบลอๆโบเก้อยู่ข้างหลังพระเอก หรือบางทีเราอาจจะพระเอกจริงๆก็ได้ แต่เป็นพระเอกในหนังสู้ชีวิตนะ เปิดเรื่องมาตอนต้น พระเอกเป็นชายหนุ่มธรรมดา ทำงานดิ้นรนสู้ชีวิตไปวันๆ จนในที่สุดก็เจอเหตุการณ์พลิกผัน เจอจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ประสบความสำเร็จในตอนท้ายเรื่อง มันอาจจะเป็นอย่างนั้น ซึ่งความยาวของหนังมันแค่ 2 ชั่วโมงไง มันลำบากแปปเดียวก็สำเร็จแล้ว แต่นี่มันชีวิตจริงไง ในชีวิตจริงเราไม่รู้ว่าเราจะเจอจุดเปลี่ยนแบบนั้นบ้างรึเปล่า บางทีเราอาจต้องรอไปจนอายุ 60 ก็ได้ ถึงจะไปถึงจุด Climax ของเรื่อง ไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน สุดท้ายเราก็ต้องสู้ชีวิตกันต่อไป โดยหวังว่า Turning Point มันจะเกิดขึ้นกับเราไวๆ เนื้อเพลงสองช่วงนี้ มันทำให้ผมตระหนักคิดขึ้นมาได้ว่า'ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ เมื่อใดที่เรารู้สึกเจ็บปวด คนแรกที่เรามักจะนึกถึงก็คือ แม่' ในตอนที่เรายังเป็นเด็กตัวเล็กๆสดใส วิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้าสนามเด็กเล่น พอเราสะดุดล้มหัวเข่าถลอก เราก็จะรีบวิ่งร้องไห้ไปหาทันที มันแทบจะเป็นแบบนั้นทุกครั้งเวลาที่เราเกิดความเจ็บปวด พอเราโตขึ้นมาความเจ็บปวดนั้นไม่ใช่ทางกายละ จะออกไปในทางจิตใจซะมากกว่า เราก็ยังคงต้องมีการมาปรึกษาแม่อยู่ตลอดเรื่อยๆ และผมพบว่าไม่ว่าเราจะโตขึ้นมากเท่าไหร่ แม่ก็ยังคงเป็นที่พักใจที่ดีที่สุดสำหรับผม เรียกได้ว่าแม่อยู่ในทุกช่วงที่เรารู้สึกเจ็บปวดไม่ว่าจะทั้งทางกายหรือทางใจ ตั้งแต่เด็กจนโต นอกจากตัวเราเองแล้ว แม่นี่แหละที่เข้าใจเราที่สุด และไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร ก็ไม่ต้องอายหรอกนะที่จะวิ่งร้องไห้ไปหาแม่ เพราะสุดท้ายแม่จะเข้าใจคุณเสมอ บางครั้งเราก็มักเสแสร้งแสดงออกในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณ เพียงเพื่อจะปกปิดอะไรบางอย่าง ผมเข้าใจนะ ถ้าคุณจะกลัวและไม่กล้าที่จะแสดงตัวตนที่แท้ของตัวคุณเอง เพราะบางทีคุณอาจจะมีบาดแผลในอดีตที่ซ่อนเอาไว้ มันอาจเป็นแผลเป็นที่ลบออกไม่ได้ ทำให้คุณต้องหาทางปิดบังมันหรือเบี่ยงเบนด้วยสิ่งอื่น ผมเข้าใจ เพราะผมก็เคยพยายามทำแบบนั้นเหมือนกัน ตอนที่ผมพึ่งเข้าเป็นนักศึกษาได้ปีแรก ผมรู้สึกว่าผมต้องแสดงออกอะไรบางอย่างเพื่อที่ทำให้ได้รับการยอมรับจากสังคม ผมพยายามที่จะเป็นอะไรหลายๆอย่าง ผมไปเข้าชมรมที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดประสงค์หลักของชมรมคืออะไร ผมย้อมสีผมสองสี แบ่งครึ่งสองข้าง 'ข้างซ้ายสีแดงข้างขวาสีน้ำเงิน' ในตอนนั้นผมรู้สึกว่า ผมเท่มาก ผมโดดเด่น ผมแตกต่าง แต่รู้อะไรมั้ยครับ 'สุดท้ายทุกอย่างนั่นมันก็แค่เปลือกนอก' ตัวตนข้างในของผมมันไม่ใช่แบบนี้ สิ่งที่ผมทำไป มันฝืนธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเองมากๆ ผลกลับกลายเป็นว่า ในช่วงนั้นผมกลับรู้สึกเหนื่อยกว่าเดิม เพราะต้องฝืนทำในสิ่งที่ไม่ได้เป็นตัวเอง จนในที่สุดผมก็ต้องยอมกลับมาเป็นแบบธรรมดาที่ผมเป็น ผมตัดผมออกให้สั้นจนเหลือแต่สีดำ และกลับมาใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆอีกครั้ง และผมก็พบว่า มันสบายใจกว่าจริงๆ ทุกวันนี้เมื่อผมมองย้อนกลับไป ก็ได้แต่สมเพชตัวเองที่ยอมฝืนทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเองขนาดนั้น เพียงเพื่อต้องการยอมรับ ทั้งที่จริงๆแล้ว 'มันคงจะดีกว่า ถ้าจะให้คนยอมรับสิ่งที่เราเป็นจริงๆ มากกว่าสิ่งที่เราแสดง'มันคงจะดีกว่า ถ้าจะให้คนยอมรับสิ่งที่เราเป็นจริงๆ มากกว่าสิ่งที่เราแสดง Mike Poser หรือชื่อจริง Michael Robert Henrion Posner เขาคือนักร้อง, นักเขียนเพลง, แร๊ปเปอร์, นักกวี และโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน เขามีผลงานออกมาหลายเพลง เคยมีเพลงฮิตติดชาร์จของ US Billboard Hot 100 หลายเพลง ปี 2009, หลังจากที่ Mike เริ่มก้าวสู่อาชีพนักร้องและนักเขียนเพลง เขาก็กลายเป็นหนึ่งในเสียงที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคนหนึ่ง ปี 2016, อัลบั้มเต็มชุดที่สองของเขา At Night, Alone ติดอันดับ 12 ในบิลบอร์ดเพลงยอดนิยม Top 200 และเพลง "I Took A Pill In Ibiza" ก็มียอดคนฟังในระบบสตรีมมิ่งทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านครั้ง ติดอันดับ Top 10 ใน 85 ประเทศ ขึ้นไปอันดับ 1 ใน Top 40 ในสองอาทิตย์ติด และสร้างสถิติหนึ่งใน Top 10 ยอดสตรีมมิ่งสูงสุดตลอดกาลใน Spotify เพลง Be As You Are ทำให้ Mike Posner เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วและมียอดกว่า 50 ล้านในระบบสตรีมมิ่งเป็นในแบบที่คุณเป็นนั้นแหละ 'ดีที่สุดแล้ว' ก่อนจะจากกันในบทความนี้ ขอฝากประโยคสั้นๆเอาไว้ครับเลิกหลอกตัวเอง ยอมรับความจริง ทำในสิ่งที่รัก- อสมการ โดย ฟินน์ ยุทธนาInstagram: jmj.jimmyYoutube: jiMMWhyE-mail : jimmyvmhot@gmail.com