Movie ReviewPhases of the Moon เกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอ (2022)วางหมากทางหัวใจไว้อย่างแยบยลแล้วเล่าเรียบๆแต่เพียบพร้อมทางความโศกซึ้งประหนึ่งเรื่องจริงหลายครั้งที่ผู้เขียนเคยบ่นว่าญี่ปุ่นคือนักเล่าเรื่องในจิตนาการหรือขยายความได้ว่าเป็นนักเล่าเรื่องที่สามารถเอาเรื่องในจินตนาการมาเล่าให้เสมือนจริงโดยที่ไม่ต้องอรรถาธิบายยกทฤษฎีใดมาอ้างอิงให้มากความ ท่านผู้อ่านลองนึกถึงหนัง Tomorrow I will Date With Yesterday’s You (My Tomorrow, Your Yesterday) (2016),The 100th Love with You (2017),Tonight, at Romance Theater (2018) หรือ Café Funiculi Funicula (2018) เป็นอาธิ จุดร่วมของหนังเหล่านี้คือเรื่องที่เล่าจะเป็นเรื่องที่สามารถเป็นจริงได้แค่ไนฝันหรืออยู่แค่ในจินตนาการเท่านั้นไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ทว่าหากท่านได้ดูหนังเหล่านี้แล้วได้เสพซึ้งถึงวิญญาณของหนังเหล่านี้ความซาบซึ้งตราตรึงกินใจจะเกาะกุมหัวใจจนยากสลัดออกหรือที่วัยรุ่นข้างบ้านเรียกว่า Move On เป็นวงกลม และเชื่อเถอะว่าในบางช่วงเวลาในการดูหนังเหล่านี้ความรู้สึกที่มีจะคล้ายกับกึ่งฝันกึ่งจริงคือรู้สึกว่ามันไม่มีจริงแต่ก็รู้สึกเหมือนจริงจนเกือบเอื้อมไปถึง จนบางครั้งอาจจินตนาการว่าถ้าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นยังไงและหนังญี่ปุ่นเรื่องต่อไปนี้ก็เป็นแบบนั้นสึโยชิ โอซาไน (โย โออิซูมิ) กับภรรยาโคสุเอะ (โก ชิบาซากิ) คือคู่แต่งงานที่ดูธรรมดาในสังคมญี่ปุ่นทีสามีทำงานภรรยาเป็นแม่บ้านที่ดี แล้วครอบครัวของทั้งคู่ก็ได้เติมเต็มเมื่อของขวัญที่แสนวิเศษมาในนามของลูกสาวคือรูริแต่เมื่อถึงเวลาที่ลูกสาวของพวกเขาอายุเจ็ดขวบเด็กน้อยป่วยเป็นโรคประหลาดมีไข้ตลอดเจ็ดวัน จนเมื่อหายป่วยโคสุเอะเริ่มสังเกตว่าลูกสาวของเธอเปลี่ยนไปเหมือนเป็นผู้ใหญ่ที่มีความทรงจำแปลกๆ ตัดมาที่รูริ มาซากิ (คาสุมิ อาริมุระ) คือหญิงสาวที่มาต้องตาอากิฮิโกะ มิสุมิ (เร็น เมกุโระ) หนุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยที่เมื่อต้องตาก็ต้องใจและได้สานสัมพันธ์กันจนเป็นความรักที่ลึกซึ้ง กระนั้นก็เหมือนกับรูริมีอะไรบางอย่างปิดบังอยู่ที่จะไม่พยายามให้ความสัมพันธ์เกินเลยไปจนอีกฝ่ายเจ็บปวดแต่ความรักมักเป็นเรื่องที่ห้าไม่ได้ ทว่าทางฝั่งสิโยชิ โอซาไนกลับต้องเสียภรรยาคือโคสุเอะกับลูกสาวรูริ (ฮินาโกะ คิคูชิ) จากอุบัติเหตุ และเรื่องราวสองเรื่องนนี้ที่ดูเหมือนไม่กี่ยวกันแต่เกี่ยวข้องกันในนามของความรักวางหมากชีวิตเป็นโครงข่ายที่แยบยลจนคาดไม่ถึงจึงเป็นความเหนือชั้นพลิกความคาดหมายเล็กๆที่ยอดเยี่ยม ความยอดเยี่ยมของเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องเหมือนจะเป็นสองเรื่องแต่ก็เหมือนเป็นเรื่องเดียวหรือจะมองว่าเป็นเรื่องเดียวแต่ก็เหมือนจะเป็นสองเรื่อง โดยที่เชื่อมเรื่องสองเรื่องที่เล่าให้มีจุดเชื่อมโยงเล็กๆที่เหมือนจะไม่เกี่ยวแต่เกี่ยวเพราะเป็นเรื่องเดียวกัน จึงคล้ายการเล่นหมากรุกหมากล้อมที่ค่อยๆวางหมากทีละตัวแต่เป็นโครงข่ายสัมพันธ์กันอย่างแยบยลระหว่างเรื่องความรักสองเรื่องสี่มุมมองที่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นจุดเล็กน้อยเหล่านั้น แต่ถ้าไม่ทันสังเกตก็ไม่มีปัญหาเพราอาจหลุดสายตาไปบ้างแต่ใจความสำคัญยังคงอยู่เพราะค่อนข้างชัดเจนตรงประเด็นไม่แตกหน่อออกไปแม้แต่น้อยทั้งที่เล่าเรื่องได้ละเอียดยิบย่อย ทำให้เมื่อจับใจความได้สิ่งที่คิดก็เป็นอย่างที่คิดแต่สิ่งที่คิดก็ไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะคิดไม่ถึงด้วยความที่หมากเกมนี้คนดูได้ถูกล้อมไว้หมด เรื่องที่เล่าที่มีจุดหมายเดียวแต่เป็นสองเรื่องสี่มุมความรักจึงโดนใจด้วยความเหนือชั้นและสุดท้ายกลายเป็นเหนือความคาดหมายเล็กๆเพราะคนดูไม่ทันคิดเก็บเกี่ยวความรู้สึกด้วยช่วงเวลาที่เชื่อมโยงแนบเนียนเมื่อถึงเวลาก็รุกฆาตทางอารมณ์จนท่วมท้น เพราะนี่คือหนังญี่ปุ่นที่จะเก็บเกี่ยวความรู้สึกแบบซึมลึกแต่อย่างที่บอกคือเรื่องเล่าเป็นสองเรื่องแต่ใช้ช่วงเวลามาเชื่อมโยงในเรื่องของเวลา นั่นคือช่วงหนึ่งเล่าเรื่องมุมหนึ่งอีกช่วงหนึ่งก็เล่าอีกมุมหนึ่งโดยมีจุดร่วมเดียวกันคือตัวละครรูริที่ไม่ใช่แค่หนึ่งแต่จุดร่วมจุดเชื่อมเป็นหนึ่งเดียว แล้วใช้ตรงนี้มากำหนดความรู้สึกให้รู้สึกไปกับมิติทางความรักที่เล่าสองเรื่องของสองคู่ที่ผูกสัมพันธ์กันอย่างแยบคายโดยมีช่วงเวลาที่สำคัญมาเป็นตัวกำหนดเช่นการแต่งงานของคู่รักที่น่ารักหนึ่งคู่ที่ฝ่ายเจ้าสาวต้องขับรถพาเจ้าบ่าวไปดูพระจันทร์ แล้วเมื่อเอ่ยถึงพระจันทร์ก็คือจุดเชื่อมโยงอีกหนึ่งที่ที่แนบเนียนและรู้สึกถึงสิ่งที่กำลังก่อตัว ซึ่งในช่วงเวลาที่ถูกเล่าผ่านหลายช่วงเวลาที่ไม่ใช่การย้อนเวลาหรืออะไรแต่มันคือความทรงจำเพียงหนึ่งที่ติดกับร่างกายที่เปลี่ยนไปเพื่อที่จะพบเหตุของการเวียนว่ายไม่หลุดพ้นจากความรัก จึงเป็นความฉลาดอย่างยิ่งเพราะเมื่อถึงเวลาทุกอย่างก็ท่วมท้นพลั่งพรูออกมาเพราะต่อให้ร่างกายไม่ใช่แต่ข้างในคือคนที่เรารักเหมือนกึ่งฝันกึ่งจริงแต่รู้สึกเหมือนจริงมากกว่าฝันแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องในจินตนาการแต่ก็เป็นเรืองพื้นฐานนั่นคือความรัก นี่ไม่ใช่การใช้ชีวิตที่เวลาสวนทางกันนี่ไม่ใช่การย้อนเวลาไปเพื่อเข้าใจความรักนี่ไม่ใช่การย้อนเวลาเพื่อไปเข้าใจความรู่สึกของใครบางคนและนี่ไม่ใช่การทะลุออกมาจากโลกภาพยนตร์เพื่อพบรักแท้ แต่นี่คือการติดค้างในใจจนทำให้ไม่หลุดพ้นจากความทรงจำเก่าแม้ร่างกายจะตายไปแต่ความทรงจำยังตามมาทุกชาตินั่นคือการระลึกชาติ น่าเศร้าที่ความทรงจำที่ติดตามมามีทั้งความสวยงามและความเจ็บปวดหนังจึงเลือกเล่าให้มองเห็นด้านสวยงามมากกว่าทั้งในมุมของความรักของหนุ่มสาวและในมุมของคู่ชีวิต แน่นอนที่กินใจไม่แพ้กันคือความเศร้าจากการสูญเสียที่เห็นความรักในมุมของพ่อและในมุมของลูกที่ต่อให้เกิดกี่ครั้งก็ยังจดจำความสุขที่ได้รับจากพ่อแม่คนเดิมที่เคยมอบความรักให้ ซึ่งทั้งหมดอาจคล้ายเป็นเรื่องในจินตนาการที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในเรื่องการระลึกชาติแต่กลับรู้สึกคล้ายเป็นความจริงมากกว่าความฝันนั่นเพราะความรักไม่ว่าจะมาจากแง่มุมไหนมันคือเรื่องพื้นฐานของชีวิตการแสดงระดับยอดเยี่ยมที่สามารถส่งต่ออารมณ์ความรู้สึกที่อาจไม่พุ่งพล่านแต่เข้าถึง ด้วยความที่เรื่องนี้มีทั้งเหตุและผลในการที่จะเกิดกี่ครั้งก็ยังเป็นเธอนั่นก็คือการเชื่อมโยงความรู้สึกของรูริที่จะถ่ายทอดเพื่อส่งต่อให้คนดูได้จับสัมผัสได้ ที่ต้องชื่นชมอย่างหนักเลยคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดคือเคมีและความรักของโย โออิซูมิกับโก ชิบาซากิที่ถ่ายทอดและส่งต่อความรักที่พวกเขามีแก่กันได้อย่างเรียบง่ายธรรมดาและน่ารักแน่นอนในมุมของความเป็นพ่อแม่ก็ยังคงไม่มีที่ติ ต่อมาคือคาสุมิ อาริมุระที่ซ่อนปริศนาในสาเหตุของการเวียนว่ายตายเกิดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความสุขได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งยังเชื่อมต่อมายังรูริอื่นๆได้อย่างเนียนตาจนเชื่อว่าเป็นคนคนเดียวกันและที่ต้องชื่นชมคือนักแสดงที่รับบทรูริทั้งสามคนทั้งฮินาโกะ คิคูชิและน้องอีกสองคนรุ่นเล็ก กับการแสดงที่ไม่เน้นความหวือหวาเพราะเรื่องที่เล่นเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องของความรักที่บันดาลทั้งความเจ็บปวดและความสวยวาม การแสดงจึงไม่หวือหวาแต่ไหลไปเรื่อยๆที่อาจไม่พุ่งพล่านเร่งเร้าแต่สามารถเข้าถึงหัวใจคนดูได้เป็นอย่างดีกลายเป็นหนังชั้นเยี่ยมที่มองหาข้อบกพร่องไม่เจอทำให้แม้จะเล่าไปเรื่อยๆแต่หยุดดูไม่ได้ เพราะจะเริ่มต้นที่ไม่เชื่อไปหาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งจนกระทั่งเชื่อหมดใจแล้วมาถึงตอนท้ายที่ทุกอย่างเฉลยออกมาที่คนดูจะลุ้นว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ และนั่นคือความน่าติดตามหลักนอกจากจะสนุกปนสงสัยว่าอะไรเป็นอะไรใครเป็นใครและเกี่ยวข้องกันยังไงและการจับเอาชิ้นส่วนต่างๆที่หนังวางหมากไว้มาเชื่อมกันเมื่อถึงเวลาที่หนังต้องการบอกบางอย่าง ด้วยการเชื่อมโยงกันเป็นร่างแหเป็นตาข่ายที่รูตาข่ายถี่ยิบแต่ไม่ได้ถึงกับดูยากเพราะแม้จะสลับไปมาหนังก็เหมือนจะเดินหน้าไปแบบนับหนึ่งถึงร้อย แล้วเมื่อลองพิจารณาดูยังไม่เห็นข้อบกพร่องที่จะมาตำหนิได้ในความเชื่อมโยงเพราะถึงที่สุดคนดูจะเลือกที่จะเชื่อ หนักกว่านั้นจะมีบ้างบางอารมณ์และเวลาที่จะคิดว่าเรื่องแบบนี้มีอยู่จริงที่เป็นเรื่องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้และมันต้องใช้ความเชื่อเท่านั้น นั่นคือความหลักแหลมของการเขียนบทที่ยอดเยี่ยมเพราะคนดูจะไม่ตั้งคำถามเชิงสมมติฐานใดเพราะเลือกเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นและใจสัมผัสหรืออาจเรียกได้ว่าเชื่อในความรักดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 จาก X 映画『月の満ち欠け』公式【Blu-ray&DVD 6/21発売!ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram eiga_tsukimichi ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/OzP9wq6b7B02https://entertainment.trueid.net/detail/DjVDwd5Gy1nxhttps://entertainment.trueid.net/detail/45vb3XWyGVZ5https://entertainment.trueid.net/detail/akeWJ2Pmv0Y5คอมมูนิตี้ “โลกคนรักหนัง” ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน